TAG HEUER Monaco Chronograph

ในโลกของการแข่งขันเวลามีน้ำหนักที่ต่างออกไป เศษเสี้ยวของวินาทีสามารถกำหนดผลแพ้ชนะ และแรงกดดันในการทำผลงานไม่เคยจางหาย ในปีนี้ ความตึงเครียดนั้นได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมื่อ TAG Heuer กลายเป็นพันธมิตร Title Partner รายแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน Formula 1 Grand Prix de Monaco เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิสจึงได้เปิดตัวนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Stopwatch เรือนเวลาที่สะท้อนถึงความแม่นยำ ความเร้าใจ และประวัติศาสตร์ของโลกแห่งความเร็วระดับสูงสุด

การเปิดตัวครั้งนี้คือการถ่ายทอดตำนานที่ถูกหล่อหลอมท่ามกลางสนามแข่งขัน โดยเฉพาะบนสนามแข่งที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของ Formula 1 อย่างแท้จริง เป็นการหวนคืนสู่รากฐานของดีไซน์ที่ทำให้นาฬิกา Heuer stopwatches กลายเป็นเครื่องมือจับเวลาที่น่าเชื่อถือที่สุดข้างสนามแข่ง

เรือนเวลาที่พลิกกฎเกณฑ์ของวงการ
นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ฉีกกฎของการทำนาฬิกาแบบดั้งเดิม เมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 ในฐานะนาฬิกาโครโนกราฟระบบอัตโนมัติทรงสี่เหลี่ยมเรือนแรกของโลก นาฬิการุ่นนี้ได้พลิกวงการด้วยรูปทรงที่แตกต่างจากนาฬิการูปทรงกลม เม็ดมะยมที่อยู่ด้านซ้าย หน้าปัดสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ และสัดส่วนที่โดดเด่น ทั้งหมดนี้ท้าทายธรรมเนียมและกลายเป็นรหัสประจำของไอคอนในวงการนาฬิกา

ซึ่งใช้เวลาไม่นานก่อนที่นาฬิกาอันกล้าหาญเรือนนี้จะก้าวจากพิทเลนเข้าสู่จอภาพยนตร์ ในปี 1971 Steve McQueen เลือกสวมนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco ในภาพยนตร์เรื่อง Le Mans ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ได้เชื่อมโยงกับยุคทองของมอเตอร์สปอร์ตและเสน่ห์ของภาพยนตร์ โดยตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ TAG Heuer Monaco ก็ยังคงเชื่อมโยงกับโลกแห่งการแข่งขันอย่างแน่นแฟ้น พัฒนาดีไซน์อย่างต่อเนื่องโดยไม่เคยละทิ้งรากฐานของแบรนด์

นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Stopwatch เป็นช่วงเวลาสำคัญในตำนานของการจับเวลาในสนามแข่ง มันเชื่อมโยงโดยตรงกับยุคที่นาฬิกาจับเวลา Heuer เป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้ท่ามกลางความเข้มข้นของการแข่งขัน ในช่วงปี 1960 และ 1970 นาฬิกาจับเวลาเหล่านี้มักห้อยอยู่บนคอของผู้บอกเวลา ที่เลือกใช้เพื่อความ สามารถในการจับเวลาอย่างแม่นยำสูงสุดเมื่อทุกเสี้ยววินาทีนั้นมีความหมาย

การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันนานหลายทศวรรษ
นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Stopwatch ได้ถ่ายทอดดีไซน์ของนาฬิกาสุดวินเทจอย่าง Heuer stopwatches ออกมาอย่างชัดเจน การใช้สีดำ สีขาว และสีแดง ซึ่งเป็นพาเลตต์สีดั้งเดิมของ Heuer ทำหน้าที่เชื่อมโยงโดยตรงกับนาฬิกาจับเวลาที่เคยเป็นนิยามของความแม่นยำในวงการมอเตอร์สปอร์ต สำหรับเรือนเวลารุ่นใหม่ที่ซื่อสัตย์ต่อปรัชญาด้านการออกแบบเพื่อการใช้งานของ Jack Heuer

หน้าปัดใช้โครงสร้างแบบวงกลมสีดำ บนพื้นผิวสีเงิน เพื่อเพิ่มความคอนทราสต์และความคมชัดในการอ่านเวลา วงแทร็กแสดงนาทีสีแดงสด ล้อมรอบขอบหน้าปัด เพิ่มความเร้าใจและสะท้อนจิตวิญญาณของมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง

หน้าปัดย่อยมีเครื่องหมายและเข็มชี้สีขาวที่มีความคอนทราสต์สูง เพื่อการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว เข็มชี้ชั่วโมงและหลักบอกเวลาสีดำเพิ่มให้มีมิติยิ่งขึ้น ในขณะที่เข็มชี้วินาทีโครโนกราฟเคลือบด้วยแล็กเกอร์สีแดงสร้างจุดเด่นที่สะดุดตากลางหน้าปัดโลโก้ Heuer แบบวินเทจที่พิมพ์ด้วยสีขาวบนพื้นหลังวงกลมสีดำ เพื่อตอกย้ำถึงรากฐานของนาฬิกาเรือนนี้

เพื่อความเสริมกันอย่าลงตัวกับหน้าปัด ตัวเรือนทำจากไทเทเนียมเคลือบ DLC สีดำที่เบาและทนทาน เป็นการนำเสนอรูปทรงของนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco อันเป็นเอกลักษณ์ที่มอบสัมผัสร่วมสมัยอย่างชัดเจน และเพื่อยืนยันจิตวิญญาณดั้งเดิม รายละเอียดสำคัญอย่าง เม็ดมะยมด้านซ้าย ยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างเหนียวแน่น เอกลักษณ์อันชัดเจนที่ทำให้เรือนเวลานี้เป็นที่จดจำในทันทีที่แรกเห็น

เรือนเวลารุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Stopwatch จะถูกผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 970 เรือนทั่วโลก ซึ่งตัวเลขที่ไม่ได้ถูกเลือกโดยบังเอิญ แต่ตั้งใจชี้กลับไปยังทศวรรษ 1970 ซึ่งถือเป็นยุคสำคัญที่หล่อหลอมอัตลักษณ์ของแบรนด์ และความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต จนกลายเป็นแรงบันดาลใจหลักในการออกแบบเรือนเวลารุ่นนี้ภายใต้ตัวเรือนอันทรงพลัง คือหัวใจกลไก Calibre 11  เครื่องจักรกลที่เป็นดั่งสายใยเชื่อมต่อกับ TAG Heuer Monaco รุ่นดั้งเดิม เพื่อสืบสานความเที่ยงตรง และจิตวิญญาณที่ทำให้ Monaco กลายเป็นนาฬิกาแห่งตำนานตั้งแต่แรกเริ่ม

สายนาฬิกาผลิตจากหนังลูกวัวเจาะรูสีดำ ที่สะท้อนถึงถุงมือขับรถแข่งในอดีต รายละเอียดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย เชื่อมโยงผู้สวมใส่เข้ากับประสบการณ์ของนักแข่งในทุกยุคทุกสมัย นาฬิการุ่น Monaco Chronograph Stopwatch จะมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์เฉพาะรุ่นที่ออกแบบให้สะท้อน โทนสีดำ แดง และขาว ของตัวเรือนอย่างชัดเจน พร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดพกพาแบบพิเศษ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ในแบบ TAG Heuer อย่างแท้จริง

เรือนเวลารุ่นนี้คือตัวแทนของความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างความเที่ยงตรงและสมรรถนะสูง ที่ TAG Heuer ยึดถือมาโดยตลอด พร้อมถ่ายทอดมรดกของการจับเวลาในสนามแข่งสู่ยุคปัจจุบัน ด้วยรายละเอียดที่เปี่ยมด้วยความหมาย ซึ่งเข้าถึงทั้งนักสะสม ผู้ชื่นชอบมอเตอร์สปอร์ต และผู้ที่เข้าใจว่าทุกวินาทีที่ผ่านไปนั้นมีคุณค่าเพียงใด