H. MOSER & CIE. Streamliner Genesis 2 Act II

Last updated: 4 ธ.ค. 2568  |  331 จำนวนผู้เข้าชม  | 

H. MOSER & CIE. Streamliner Genesis 2  Act II

เรื่องราวบางเรื่องไม่ได้ถูกเล่าด้วยเสียงดัง หากแต่ค่อยๆ ไต่ระดับเป็นคลื่นที่ขยายตัวในความเงียบ Genesis Trilogy ของ H. Moser & Cie. คือหนึ่งในนั้น โปรเจ็กต์ที่ไม่ได้ถือกำเนิดจากความต้องการสร้างยอดขาย แต่เป็นการสำรวจขอบเขตของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างโลกจริงและโลกดิจิทัลเริ่มเลือนรางลงทุกที

ในปี 2022 Moser สร้างความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ด้วย Endeavour Centre Seconds Genesis นาฬิกาที่ผสานโครงสร้างกลไกดั้งเดิมเข้ากับ Web3, blockchain และ NFT ไม่ใช่เพื่อความโดดเด่นชั่วแล่น แต่เพื่อสร้างภาษาใหม่ที่ใช้เล่าเรื่องเวลาในยุคดิจิทัล การใช้ blockchain หรือสมุดบัญชีดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ซึ่งเป็นระบบยืนยันตัวตนแบบโปร่งใส และการนำ NFT มาเป็นส่วนต่อขยายตัวตนของนาฬิกา ไม่ใช่ของเล่นในกระแส หากคือแถลงการณ์ที่ทำให้วงการต้องหยุดมอง


เสียงตอบรับในปีนั้นแบ่งเป็นสองขั้ว ทั้งชื่นชม ทั้งตั้งคำถาม แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ Genesis เป็นผลงานที่เปิดประตูให้เกิดการสนทนาระหว่างโลกดั้งเดิมและโลกดิจิทัลเป็นครั้งแรกอย่างจริงจัง และตั้งแต่นั้น มันก็กลายเป็นหนึ่งในโมเดลที่ถูกตามล่าเพราะเป็นหลักฐานของช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกายอมให้ตนเองถูก “เขย่า” เพื่อค้นหาความหมายใหม่

แต่สำหรับบทที่สอง H. Moser & Cie. พวกเขาเลือกหมุนเข็มกลับมาที่ “สสาร” ผ่าน Streamliner Genesis 2 การถอนตัวออกจากเงาของโลกเสมือน ไม่ใช่เพื่อย้อนกลับ แต่เพื่อวางรอยเท้าลงบนพื้นโลหะที่หนักแน่นมากขึ้นอีกครั้ง นี่คือนาฬิกาที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่มือสัมผัสได้ แสงสะท้อนจริง กระจกโค้งที่รับปลายนิ้ว การมีอยู่จริงของวัตถุ และพลังของความเงียบ

ตัวเรือนสตีลทรงคุชั่นถูกขึ้นรูปด้วยความละเอียดแบบงานสถาปัตยกรรมขนาดจิ๋ว สันมุมที่ไหลลื่นรับกับข้อมืออย่างเป็นธรรมชาติ สายแบบอินทริเกรด เชื่อมกับตัวเรือนเป็นหนึ่งเดียว อันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่น Streamliner ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะเหมือนชิ้นงานประติมากรรมที่ถูกออกแบบให้ไหลไปกับร่างกายและแสง มันคือนาฬิกาที่ไม่ต้องประกาศตัว แต่มีความมั่นใจในวัตถุที่ตนเองเป็น


เหนือผิวหน้าปัดคือวัสดุสีดำที่มืดที่สุดในโลก Vantablack® พื้นที่ว่างสีดำสนิทที่กลืนแสงกว่า 99.965% ทำให้เข็มที่ประดับด้วย Globolight® วัสดุเซรามิกเรืองแสงแบบ 3 มิติ ลอยขึ้นมาราวกับไม่มีสิ่งใดรองรับอยู่ด้านล่าง วัสดุสีดำมืดของหน้าปัดเช่นนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงพื้นหลัง แต่เป็น “ช่องว่าง” ที่ทำให้เวลาเด่นชัดขึ้นด้วยการขีดเส้นวิถีของเข็มบนความมืดที่ไร้ก้นบึ้ง ขณะเดียวกัน เม็ดมะยมพิมพ์สามมิติที่ยังคงดีไซน์พิกเซลจากรุ่นแรกถูกถอดบทบาทจากสัญลักษณ์แห่งโลกดิจิทัล ให้กลายเป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้แนวคิดจะเกิดในโลกเสมือน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายยังคงถูกหล่อขึ้นด้วยโลหะที่จับต้องได้

ภายในบรรจุขุมพลังของกลไกอัตโนมัติเครื่องอินเฮาส์ของ H. Moser & Cie. ที่ยังคงเต้นด้วยจังหวะอันเต็มไปด้วยความสงบและมีวินัย โครงสร้างจักรสมดุลแบบปรับตัวถ่วง (variable inertia balance) ทำให้จังหวะสม่ำเสมอและมั่นคง สะท้อนแนวคิด “less, but better” ของแบรนด์ที่ให้ฟังก์ชันเป็นความงามในตัวเอง ไม่ใช่เพียงการประดับประดา หากการตกแต่งกลไกยังคงมีลายเซ็นของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน ประณีต เงียบสงบ แต่งดงามลึกซึ้งพอให้คนรักกลไกหยุดมอง และยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล

ในโลกของนาฬิกา คอลเลกชันที่ถูกออกแบบในลักษณะไตรภาค ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่นาฬิกา Genesis ถูกสร้างขึ้นในฐานะเรื่องเล่า บทแรกเปิดประตู บทที่สองวางรากฐาน และบทสุดท้ายซึ่งจะมาถึงในปีหน้า จะเป็นการเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อรักษาความเป็นวงในและความสัมพันธ์ระหว่างคนที่เข้าใจภาษาเดียวกัน นาฬิกา Streamliner Genesis 2 จะถูกส่งต่อเฉพาะให้เจ้าของ 50 เรือนแรกเท่านั้น และเจ้าของแต่ละคนจะสามารถส่งคำเชิญต่อให้เพียงหนึ่งคน ราวกับเรื่องเล่าที่ถูกเล่าจากมือสู่มือ นี่คือมิติใหม่ของการตลาดที่น่าสนใจ


ท้ายที่สุดความงดงามของ Streamliner Genesis 2 ไม่ได้เกิดจากความซับซ้อนที่มองเห็นได้ แต่จากความหนักแน่นของสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูด มันคือนาฬิกาที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยน้ำหนักทางแนวคิด เป็นบทที่สองของไตรภาคที่สะท้อนความเข้าใจลึกซึ้งของ H. Moser & Cie. ต่อโลกนาฬิกา โลกที่เทคโนโลยีอาจเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ แต่ “สสาร เวลา และกลไก” ยังคงเป็นหัวใจที่ไม่มีสิ่งใดมาแทนที่ได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้