Last updated: 5 ก.พ. 2565 | 789 จำนวนผู้เข้าชม |
ในวันนี้ทีมวิศวกร “Advanced Research” ณ Patek Philippe ได้ขยายพรมแดนแห่งนาฬิกาตีระฆังบอกเวลาของแบรนด์ ด้วยการพัฒนาระบบขยายเสียงทางจักรกลขึ้นใหม่ทั้งหมด ผ่านโมดูล fortissimo “fff” ที่ประกอบด้วยคานเสียง (Sound lever) แบบแขวนและแบบยืดหยุ่น รวมถึงแผ่นออสซิลเลเตอร์ (oscillating wafer) ทําจากกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใส ซึ่งหากเปรียบเทียบกับนาฬิกามินิท รีพีทเตอร์ (minute repeaters) ทั่วไป โดยไม่คํานึงถึงวัสดุตัวเรือนแล้ว ระบบนี้จะสามารถถ่ายทอดเสียงขยายด้วยคุณภาพเสียงอันล้ําเลิศได้ชัดใสยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังทรงคุณค่าด้วยสี่สิทธิบัตรที่ได้รับมาจากเทคโนโลยีบุกเบิก ซึ่งนําเสนอไว้ภายใน Ref. 5750 “Advanced Research” minute repeater นาฬิการุ่นผลิตจํานวนจํากัดพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยผลงาน 15 เรือน ในตัวเรือนแพลทินัม และความโดดเด่นของงานออกแบบหน้าปัดอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอสําหรับ Patek Philippe มานับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัท และยังคงเป็นประเพณีที่สืบทอดมาอย่างไม่เคยหยุดยั้ง ณ โรงงานผลิตแห่งนี้ไม่ลดละความพยายามในการก้าวข้ามขีดข้อจํากัดต่างๆ ของศิลปะแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา และพร้อมขับเคลื่อนสู่ระดับแนวหน้าของการพัฒนาทางเทคนิคอันล้ําสมัยเสมอ ทว่ามากไปกว่านั้น Patek Philippe เลือกที่จะมุ่งมั่นกับการคิดค้นและบุกเบิกนวัตกรรมที่มีความหมายในการนําเสนอคุณค่าเพิ่มเติมอย่างแท้จริงให้กับผู้ใช้งาน ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความเที่ยงตรง และความไว้วางใจในระยะยาวเป็นสําคัญ
Patek Philippe แผนก “Advanced Research” ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2005 ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายวิจัยและพัฒนา (Research & Development division) และรับหน้าที่ในภารกิจการวิจัยระดับไฮเอนด์สาขาต่างๆ ในการคิดค้นและมองหาวัสดุใหม่ๆ เทคโนโลยีอันก้าวล้ำ รวมไปถึงแนวคิดขั้นพื้นฐานที่จะนําไปสู่การเปิดมุมมองใหม่อย่างแท้จริงในพรมแดนของการประดิษฐ์นาฬิกา
เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์เหล่านี้ โรงงานการผลิต Patek Philippe จึงได้รวบรวมความเชี่ยวชาญ ความสามารถเฉพาะทาง และผนึกแนวคิดของเหล่าผู้เชี่ยวชาญฝีมือดีที่สุด พร้อมทั้งมอบทรัพยากรทางเทคนิคที่ล้ำสมัยสูงสุดให้กับพวกเขา ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่จําเป็นในการใช้งานร่วมกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาแบบจําลอง โดยทีมวิศวกร ณ Patek Philippe “Advanced Research” ยังได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยอิสระอื่นๆ อาทิ Centre suisse d' electronique et de microtechnique de Neuchâtel (CSEM) vša Federal Institute of Technology Lausanne (EPFL)
และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 Patek Philippe “Advanced Research” ได้สร้างความโดดเด่นด้วยผลงานชิ้นบุกเบิกในสาขานวัตกรรมวัสดุที่เรียกว่า Sinvar® ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของซิลิคอนพร้อมด้วยคุณลักษณะอันน่าอัศจรรย์สําหรับนํามาใช้ในการประดิษฐ์นาฬิกา (ทั้งการชดเชยอุณหภูมิ น้ําหนักเบา ปราศจากการใช้น้ํามันหล่อลื่น ต้านสนามแม่เหล็ก และอื่น ๆ) พร้อมกันนี้โรงงานการผลิตแห่งนี้ยัง ได้เปิดตัวเอสเคปวีล (escape wheel) ที่ทําจาก Silinvar® เป็นครั้งแรก (ค.ศ. 2005) ตามมาด้วยบาลานซ์สปริง (balance spring) Spiromax® (ค.ศ. 2006), เอสเคปเมนต์ (escapement) Pulsomax® (ค.ศ. 2008), ชุดของ Oscillomax® (ค.ศ. 2011) และเวอร์ชันพัฒนาประสิทธิภาพเพิ่มเติมของบาลานซ์สปริง Spironmax® (ค.ศ. 2017) โดยแต่ละก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนตามมาด้วยการเปิดตัวนาฬิกาข้อมือซึ่งผลิตขึ้นพิเศษจํานวนจํากัด เพื่อเป็นตัวแทนของผลงานรุ่นแรกซึ่งติดตั้งไว้ด้วยชิ้นส่วนประกอบ ทางนวัตกรรมเหล่านั้น ในขณะเดียวกัน กลไกส่วนใหญ่สําหรับคอลเลกชันนาฬิกาของ Patek Philippe ในปัจจุบันต่างล้วนติดตั้งด้วยบาลานซ์สปริง Spironmax® ที่ทําจาก Silinvar® ทั้งสิ้น
ในปี ค.ศ. 2017 ด้วยสาขาการวิจัยที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง Patek Philippe “Advanced Research” ได้พัฒนาจักรกลยึดหยุ่น (Conmpliant ทาechanism) (ระบบพร้อมด้วยการเชื่อมประกบที่ยืดหยุ่นได้) ซึ่งทําจากวัสดุสตีลทั่วไปที่พบได้ภายในนาฬิกา Patek Philippe พร้อมด้วยการแสดงเวลาสองไทม์โซน โดยนํามาใช้สําหรับปรับตั้งไทม์โซนที่สอง นวัตกรรมทางเทคนิคนี้ได้เปิดตัวในนาฬิการุ่นผลิตจํานวนจํากัด ซึ่งยังนับเป็นผลงานรุ่นแรกที่มาพร้อมการติดตั้งด้วยบาลานซ์สปริง Spironmax® เวอร์ชันพัฒนาประสิทธิภาพแล้ว
ระบบขยายเสียงด้วยแผ่นออสซิลเลเตอร์คริสตัลแซฟไฟร์
ในวันนี้ Patek Philippe แผนก “Advanced Research” ยังสามารถนําเสนอความก้าวล้ำทางเทคนิคครั้งสําคัญภายในพรมแดนที่เชื่อมโยงถึงหัวใจแห่งความเชี่ยวชาญชั้นยอดของโรงงานผลิต นั่นคือนาฬิกาตีระฆังบอกเวลา (Chinning watches) หรือที่เรียกกันว่า มินิท รีพีทเตอร์ (ทาinute repeaters) Patek Philippe ได้รังสรรค์ผลงานไว้มากที่สุด สําหรับนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนระดับ grand Complication รุ่นปกติด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติชื่อดัง เช่น ในคาลิเบอร์ R 27 ซึ่งเป็นกลไกที่ในปี ค.ศ. 1989 Patek Philippe ใช้เปิดตัวการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของมินิท รีพีทเตอร์ โดยทีมวิศวกรและนักออกแบบ ณ Patek Philippe “Advanced Research” ได้มองหาวิธีขยายความดังของเสียงตีเวลาในรูปแบบของจักรกลอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งคุณภาพเสียงอันล้ำเลิศภายในพื้นที่ที่เล็กที่สุด โดยหลังจากการทดลองและเสาะหาแนวทางเชิงเทคนิคในทิศทางต่างๆ มามากมายแล้วนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะรักษาไว้ ด้วยงานออกแบบของกลไกฐาน แล้วหันไปพัฒนาปรับปรุงที่ด้านของสะพานจักร (ด้านที่อยู่ติดกับข้อมือ) เพื่อเพิ่มโมดูลที่จะสามารถทํางานได้เสมือนเป็นลําโพงทางจักรกล ทว่าแตกต่างจากลําโพงทั่วไป การขยายของเสียงนี้จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับไดอะแฟรม (diaphragm) ประเภทยึดหยุ่นซึ่งคล้ายกับผิวของกลองที่เชื่อมติดไปตามขอบรอบวง และแทนที่จะเป็นเมมเบรน (ทาenbrane) แต่ระบบที่ Patek Philippe จดทะเบียนด้วยสามสิทธิบัตรนั้นประกอบไปด้วยแผ่นออสซิลเลเตอร์ (Oscillating wafer) ที่ทําจากแซฟไฟร์สังเคราะห์ด้วยความหนา 0.2 มม. และจากลักษณะของการเคลื่อนที่เชิงมุมทําให้แผ่นเคลื่อนไหวอย่างหนักแน่นและเป็นอิสระนี้ได้มอบผลลัพธ์ของการแผ่เสียงที่ดีและชัดใสกว่าภายใต้ขนาดและพื้นที่ที่จํากัดของนาฬิกาข้อมือ ขณะที่ความโปร่งใสของกระจกแซฟไฟร์ได้มอบซึ่งภาพการมองเห็นกลไกอย่างไร้อุปสรรคผ่านทางฝาหลังตัวเรือน และเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ของระบบซึ่งถูกย่อส่วนลงอย่างมาก นักพัฒนาของแผนกจึงจําเป็นต้องควบคุมซึ่งองค์ประกอบอันท้าทายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในแง่ของการออกแบบและในการผลิต
คานเสียงแบบแขวนและแบบยืดหยุ่น
เพื่อให้ได้มาซึ่งการส่งผ่านเสียงจากลวดฆ้อง (gongs) ของจักรกลมินิท รีพีทเตอร์ไปยังแผ่นออสซิลเลเตอร์กระจกแซฟไฟร์ ทีมวิศวกรได้ พัฒนาระบบที่ประกอบด้วยคานเสียงสตีลซึ่งติดเข้ากับตรงกลางของแผ่นออสซิลเลเตอร์ ขณะที่ปลายอีกด้านหนึ่งของคานเสียงซึ่งดู คล้ายกับส้อมเสียงนั้นยังประกอบด้วยตัวเชื่อมยืดหยุ่นที่มีความหนา 0.08 มม. โดยเมื่อค้อนตีลงบนลวดฆ้อง คลื่นการสั่นจะถูกส่งผ่าน ไปยังคานเสียงโดยในขั้นแรกนั้นจะเป็นการขยายเสียง และจากนั้นจึงส่งผ่านเสียงต่อไปยังแผ่นออสซิลเลเตอร์แบบตายตัวซึ่งจะเป็นการ ขยายเสียงเพิ่มเติม โดยการเคลื่อนที่เชิงมุมของแผ่นออสซิลเลเตอร์นั้นยังทําให้เกิดความถี่ ทั้งด้านบนและด้านล่างของกระจกแซฟไฟร์ ซึ่งนั่นทําให้สามารถผลิตเสียงที่ดังยิ่งขึ้นอย่างชัดเจน
การแผ่ของเสียงรูปแบบใหม่
คู่ขนานไปกับการผสานโมดูลขยายเสียง fortissimo “S” ที่ทีม Patek Philippe “Advanced Research” ได้พัฒนาระบบการแผ่ของ เสียง (Sound propagation) ขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยในนาฬิกามินิท รีพีทเตอร์คลาสสิกนั้น การตีของค้อนลงบนลวดฆ้องจะสร้างคลื่นการสั่นของนาฬิกาทั้งเรือน ดังนั้นเสียงจึงถูกแผ่ออกไปทุกๆ ด้านของตัวเรือน ฝาหลัง และกระจกคริสตัล วัสดุตัวเรือนจึงมีอิทธิพลสําคัญอย่างมากต่อเสียง และวัสดุอย่างโรสโกลด์นับเป็นโลหะล้ำค่าที่ดีที่สุดสําหรับการกังวานของเสียง ขณะที่แพลทินัมซึ่งมีความหนาแน่นของวัสดุสูงก นับเป็นความท้าทายด้านเสียงมากที่สุด โดยในนาฬิกามินิท รีพีทเตอร์พร้อมด้วยโมดูล fortissimo ซึ่งมีขอบฉนวนทําจากวัสดุเชิงประกอบไฮเทคจะแยกการทํางานของตัวขยายเสียงออกจากกลไก ซึ่งเสียงจะถูกนําทางไปยังคานเสียงก่อน จากนั้นจึงส่งผ่านไปยังแผ่นออสซิลเลเตอร์และแผ่เสียงผ่านช่องเปิดทั้งสี่ช่อง ณ ตําแหน่ง 12, 3, 6 และ 9 นาฬิกาในวงแหวนไทเทเนียมตามลําดับ คลื่นเสียงจะปล่อยผ่านช่องแคบระหว่างฝาหลังตัวเรือนและแถบตัวเรือน ขณะที่ตัวกรองฝุ่นจะทําหน้าที่ปกป้องกลไกโดยไม่ส่งผลกระทบต่อเสียง ดังนั้นวัสดุตัวเรือนจึงไม่มีอิทธิพลต่อเสียงและการแผ่ของเสียง ทั้งยังคงไว้ด้วยคุณภาพของเสียงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุตัวเรือนที่ทําจากโรสโกลด์ เยลโลโกลด์ ไวท์โกลด์ หรือแพลทินัม
เสียงที่ดังมากขึ้นอย่างชัดเจนและกลมกลืนสมบูรณ์แบบ
โมดูล fortissimo ที่ติดไว้ในฝาหลังตัวเรือนยังช่วยให้สามารถได้ยินเสียงจากระยะไกลเพิ่มขึ้นถึงหกเท่า หากสวมนาฬิกา มินิท รีพีทเตอร์คลาสสิกไว้บนข้อมือที่ระยะห่าง 10 เมตร ก็จะให้เสียงที่ดังและชัดเจนเท่ากับนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์พร้อมตัวขยายเสียง ซึ่งอยู่ห่างออกไปที่ระยะ 60 เมตร นอกจากนี้โรงงานการผลิตยังยกระดับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันล้ำเลิศในพรมแดนแห่งนาฬิกาตีระฆังบอกเวลา เพื่อสร้างสรรค์เสียงที่ก้องกังวานและยังคงเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหู ซึ่งต้องอาศัยทั้งความชํานาญอย่างสูง รวมถึงโสตสัมผัสที่เฉียบแหลม และแม้ว่าเสียงซึ่งถูกขยายโดยโมดูล fortissimo จะมีความแตกต่างเล็กน้อยไปจากเสียงของนาฬิกามินิท รีพีทเตอร์อื่นๆ แต่ยังคงมอบซึ่งคุณภาพความกลมกลืนและความไพเราะของเสียงที่ตอกย้ำชื่อเสียงอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ บรรดานาฬิกามินิท รีพีทเตอร์แห่ง Patek Philippe ทั้งยังปลุกเร้าความสนใจของเหล่าผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาแบบมินิท รีพีทเตอร์เหล่านี้ด้วยเสียงสะท้อนยาวนานที่ค่อยๆ แผ่วลงไปตามแรงของการตี (“attack”) อีกทั้งระยะเวลาสูงสุดของการตีบอกเวลา (32 ครั้ง ณ เวลา 12.59 น.) ที่โดยปกติแล้วจะนาน 17 ถึง 18 วินาที แต่ครั้งนี้ได้ถูกขยายเป็น 20 ถึง 21 วินาที ซึ่งช่วยให้ลวดฆ้องค่อยๆ แผ่วกําลังลง แต่ยังคงยาวนานขึ้น
ชิ้นส่วนประกอบแพลทินัม
นอกจากโมดูล fortissimo ที่เพิ่มเติมขึ้นแล้ว คาลิเบอร์ R 27 PS ยังได้รับประโยชน์จากความก้าวล้ําทางเทคนิคเพิ่มเติม ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากปัจจัยด้านวัสดุและการออกแบบ โดยค้อนของมินิท รีพีทเตอร์ที่แต่เดิมทําจากสตีลได้ถูกแทนที่ด้วยค้อนแพลทินัม อันเป็นทางออกเชิงเทคนิคที่ผ่านการจดสิทธิบัตร ในกรณีนี้ค้อนแพลทินัมยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของเสียงตีบอกเวลาที่สอดคล้องตามแนวทางและหลักเกณฑ์ของ Patek Philippe Seal (ปาเด็ก ฟิลลิปป์ ซีล) ทั้งยังสร้างเสียงตีที่นุ่มนวลกว่า โดยไม่ลดความดังกังวานของเสียงลง ขณะที่มินิโรเตอร์ (minirotor) ทําจากแพลทินัมยังแทนที่มินิโรเตอร์แบบฝังภายในช่องโพรงและเยื้องศูนย์ซึ่งทําจากทอง 22 กะรัต โดยผลลัพธ์จากความหนาแน่นกว่าของวัสดุนี้ทําให้สามารถส่งมอบกําลังการขึ้นลานได้เท่ากัน แม้จะมีงานออกแบบที่บางกว่า และด้วยความบางนี้จึงสามารถทดแทนด้วยความหนาของโมดูล fortissimo ได้อย่างน้อยบางส่วน
รุ่นผลิตในจํานวนจํากัด 15 เรือน
เพื่อนําเสนอระบบขยายเสียงและการแผ่ของเสียงสุดเอกซ์คลูซีฟนี้ Patek Philippe จึงพร้อมเปิดตัวแนะนํานาฬิการุ่นผลิตจํานวน จํากัดพิเศษเหมือนกับในผลงานอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่มาพร้อมด้วยนวัตกรรม “Advanced Research” ต่างๆ โดย Ref. 5750P Patek Philippe “Advanced Research” กาinute repeater มาพร้อมตัวเรือนเพรียวบางและขอบตัวเรือนโค้งโดมเล็กน้อยนี้ได้แรงบันดาล ใจมาจาก Ref. 5178 Minute Repeater with Cathedral Gongs ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. เท่ากัน อย่างไรก็ดี รุ่นใหม่นี้มี ความหนา 11.1 มม. หนาขึ้น 0.57 มม. และเพื่อสาธิตให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความสามารถของระบบ fortissimo โรงงานผลิต Patek Philippe จึงเลือกใช้วัสดุที่นับเป็นความท้าทายสูงสุดด้านเสียงนั่นคือแพลทินัม 950
ศูนย์กลางของโครงสร้างหน้าปัดแบบห้าส่วนอันประณีตวิจิตรนั้นได้ถ่ายทอดไว้ด้วยลวดลายแบบฉลุโปร่งหรือโอเพนเวิร์ก (openworked) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากซี่ล้อของยานยนต์วินเทจ ทั้งยังโดดเด่นเหนือพื้นหลังสีดําซึ่งตกแต่งด้วยเส้นขดลายก้นหอย (Snailed) ขณะที่หน้าปัดย่อยวินาที ณ ตําแหน่ง 6 นาฬิกา ประกอบด้วยดิสก์หมุนพร้อมลวดลายฉลุโปร่งแบบเดียวกันที่ตัดกับพื้น หลังสีดําลายก้นหอยและมีมาร์กเกอร์เล็กๆ หนึ่งจุดซึ่งทําหน้าที่เป็นเข็มชี้ ถือเป็นองค์ประกอบเคลื่อนไหวได้ที่สร้างสรรค์ซึ่งมิติอันทรงพลังและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะที่การแสดงเวลาสามารถดูได้อย่างชัดเจนผ่านเข็มชี้ทรงดอฟัน (Dauphine) แบบเรียบแบน ที่ทําจากไวท์โกลด์ และมาร์กเกอร์บอกชั่วโมงทรงว่าว (Kite-type) แบบนํามาติดบนหน้าปัดซึ่งทําจากไวท์โกลด์สีดําขลับ
ฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ถ่ายทอดให้เห็นภาพของค้อนและลวดฆ้องคลาสสิกของจักรกลมินิท รีพีทเตอร์ เช่นเดียวกับคานเสียงด้วยรูปทรงคล้ายส้อมเสียงที่ประกอบเข้ากับแผ่นออสซิลเลเตอร์โปร่งใสของระบบขยายเสียง fortissimo ส่วนบนตัวครอบของตัวเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง (Centrifugal governor) ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ Calatrava Cross ฉลุโปร่ง ซึ่งมั่นใจได้ถึงจังหวะที่สม่ําเสมอของเสียงดีบอกเวลา ขณะที่ภาพอันงดงามโดดเด่นยังเปิดโชว์ให้เห็นทั้งบาลานซ์สปริง Gyromax® ทําจาก Silinvar® โดย Patek Philippe “Advanced Research” ซึ่งเปิดตัวในปี ค.ศ. 2006 เช่นเดียวกับสะพานจักรขนาดใหญ่พร้อมด้วยงานตกแต่งลวดลาย Geneva striping และขอบขัดขึ้นมุมและขัดเงาอย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อน รวมถึงมินิโรเตอร์แพลทินัมที่สวยเด่นด้วยลวดลายรัศมีสไตล์เดียวกันกับหน้าปัด สร้างสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคลวดลายพื้นผิวที่ดูดซับแสงโดยใช้เลเซอร์ ทําให้ส่วนต่างๆ บนพื้นผิวนั้นปรากฏเป็นสีดํา สําหรับ นาฬิการุ่นผลิตจํานวนจํากัดแบบพิเศษนี้จะประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้สีส้มเงาวาว ตัดด้วยตะเข็บสายสีดําและตัวล็อกสายแบบบาน พับซึ่งทําจากแพลทินัม
ด้วยระบบ fortissimo “S” เฉพาะของแบรนด์สําหรับช่วยขยายเสียงและการแผ่ของเสียงนี้ Patek Philippe “Advanced Research” ได้นําเสนออีกครั้งซึ่งนวัตกรรมที่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คนที่หลงใหลในเรือนเวลาแบบมินิท รีพีทเตอร์ รวมถึงเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของนวัตกรรมทางเทคนิคต่างๆ และนับเป็นผลงานที่พร้อมจะเปิดพรมแดนใหม่ให้กับนาฬิกาชนิดตีระฆังบอกเวลา อันน่าอัศจรรย์เช่นกัน
สิทธิบัตร
อุปกรณ์ขยายเสียงด้วยแผ่นออสซิลเลเตอร์ทํางานอิสระ:
PCT/EP2021/066501 - TIMEPIECE COMPONENT COMPRISING A SOUND AMPLIFICATION DEVICE
จักรกลช่วยขยายเสียง:
EP3812844 A1 – TIMEPIECE COMPONENT COMPRISING A SOUND AMPLIFICATION DEVICE
ค้อนแพลทินัม:
CH00153/21 - STRIKEWORK MECHANISM COMPRISING A STRIKEWORK HAMMER AND A STRIKEWORK
REFERENCE TO SAID STRIKEWORK HAMMER AND IN REFERENCE TO SAID STRIKEWORK GONG
ฆ้องแบบขดลวด พร้อมตัวเชื่อมร่วมระนาบ ที่มั่นใจได้ถึงการขยายเสียงได้อย่างสมดุลในการตีบอกชั่วโมงและนาที
EP21203307.0 - BOSSED GONG ASSEMBLY FOR THE STRIKING MECHANISM OF A MOVEMENT
Patek Philippe “Advanced Research”: ความสําเร็จครั้งสําคัญ
ค.ศ. 2005: Silinvare Silinvar® เป็นวัสดุจดสิทธิบัตรอันยอดเยี่ยมที่มีฐานมาจากโมโนคริสตัลไลน์ซิลิคอน พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง Rolex (โรเล็กซ์), Swatch Group (สวอทซ์ กรุ๊ป) และ CSEM ในเนอชาแตล และนับเป็นวัสดุที่เหมาะสําหรับใช้ในการประดิษฐ์นาฬิกา โดยเป็นผลลัพธ์มาจากการจดสิทธิบัตรของกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโมเลกุลในชั้นนอกสุด จึงทําให้มีคุณสมบัติของการชดเชยอุณหภูมิที่ภายใต้ช่วงอุณหภูมิจาก -10 องศาเซลเซียส ถึง 160 องศาเซลเซียส โดยชิ้นส่วนประกอบที่ทําจาก Sinvar® นี้จะยังคงตัวได้สูง หรือไม่เกิดการแปรผันหรือเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงตามชื่อของวัสดุ (Silinvar® = silicon + invariable) ข้อได้เปรียบนี้ เป็นเพียงหนึ่งในคุณลักษณะด้านบวกอีกมากมาย ที่ทําให้ Silinvar® เป็นสุดยอดวัสดุอย่างแท้จริงสําหรับเครื่องบอกเวลา
• Sinvar® มีน้ําหนักเบามาก และมีหนักเพียงหนึ่งในสามของมวลน้ําหนักสตีล ดังนั้นชิ้นส่วนของนาฬิกา Sinvar® จึงสามารถเคลื่อนไหวได้โดยใช้พลังงานที่น้อยกว่า และมีปฏิกิริยาหรือได้รับอิทธิพลที่น้อยกว่าจากแรงโน้มถ่วงโลกเช่นกัน
• Sinvar® แข็งกว่าสตีลเป็นสองเท่า ฉะนั้นจึงมีความทนทานต่อการสึกหรอที่มากกว่า
• Sinvar® ไม่มีคุณสมบัติของแม่เหล็ก ดังนั้นจึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อสนามแม่เหล็ก
• Silinvar® ทนทานต่อการสึกกร่อน
• ในโครงสร้างเชิงจุลภาค Sinvar® มีความยืดหยุ่นสูง แต่จะไม่เกิดการเปลี่ยนรูปอย่างถาวร ดังนั้นจึงมีความทนทานสูงต่อการกระแทก และมีความเสถียรในเชิงมิติโครงสร้าง
• ชิ้นส่วนประกอบ Sinvare ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ DRIE หรือ Deep Reactive lon Etching ซึ่งสามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีรูปทรงและคุณภาพที่เหมือนกันได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยกระบวนการ DRIE และองค์ความรู้ที่สั่งสมมาอย่างเชี่ยวชาญในสาขานี้ ทําให้ชิ้นส่วน Sinvar® นั้นสามารถผลิตขึ้นได้ด้วยความคลาดเคลื่อนที่น้อยกว่า 1/1000 มม.
ค.ศ. 2005: เอสเคปวีลที่ทําจาก Silinvar® เป็นครั้งแรก
ชิ้นส่วนชนิดใหม่นี้สามารถปรับปรุงความทนทานและพัฒนาความเชื่อถือได้ เพราะไม่ต้องใช้น้ํามันหล่อลื่น อีกทั้งยังลดมวลในการเคลื่อนที่ (ซึ่งมอบประสิทธิภาพที่ดีกว่า) รวมถึงทนทานต่อการสึกกร่อนและยังคงมีจุดร่วมศูนย์กลางได้อย่างสมบูรณ์แบบ การเปิดตัวของ Ref. 5250 Annual Calendar Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยเอสเคปวีล Sinvar® นี้ได้ผลิต ขึ้นในจํานวนจํากัด 100 เรือน
ค.ศ. 2006: บาลานซ์สปริง Spiromax® ทําจาก Silinvar®
• มีอัตราความเที่ยงตรงที่เพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาปรับปรุง isochronism (หลักการเทียบเวลา) ที่ได้มาจากการเคลื่อนไหวแบบร่วมศูนย์ (การขยายและหด) ของบาลานซ์สปริง
• ด้วยบาลานซ์สปริงที่เบากว่า ทําให้เกิดปฏิกิริยาต่ํากว่าต่อปัจจัยภายนอก อาทิ แรงกระแทกและแรงโน้มถ่วง
• การออกแบบที่เรียบแบน และบางกว่าเบรเกต์ แฮร์สปริง (Breguet hairspring) ถึงสามเท่า
• การจดสิทธิบัตรของรูปร่างเรขาคณิต (Patek Philippe boss ณ จุดปลายด้านนอกตัวเชื่อมต่อแบบปุ่มผสานและก้านยึดแบบผสานปรับศูนย์กลางได้เอง) สําหรับติดเข้ากับเสาบาลานซ์ (balance staff)
การเปิดตัวของ Ref. 5350 Annual Calendar Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยบาลานซ์สปริง Spironmax® และเอสเคปวีลที่ทําจาก Silinvar® นี้ ได้ผลิตขึ้นในจํานวนจํากัด 300 เรือน
ขณะเดียวกัน บาลานซ์สปริง Spiromax® ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงาน Patek Philippe นี้ยังได้ผสานอยู่ในครอบครัวกลไกส่วนใหญ่ของ แบรนด์ โดยเฉพาะในคาลิเบอร์ 300 (Grandทาaster Chime), 301 (Grande Sonnerie), R27 (ยกเว้น R TO 27), 240, 28-520, 324, 26-330, 31-260, 25-21, 215 และ 30-255
ค.ศ. 2008: เอสเคปเมนต์ Pulsomax® ทําจาก Silinvar®
• เป็นรูปร่างเรขาคณิตที่พัฒนาปรับปรุงขึ้นของเอสเคปวีลและคานเลเวอร์ (ever)
• เพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขึ้นถึง 159%
การเปิดตัวของ Ref. 5450 Annual Calendar Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยเอสเคปเมนต์ Pulsomax และบาลานซ์สปริง Spiromax® นี้ ได้ผลิตขึ้นในจํานวนจํากัด 300 เรือน
ค.ศ. 2011: ชุด Oscillomax® (เอสเคปเมนต์ Pulsomax® พร้อมด้วยบาลานซ์ GyromaxSi และบาลานซ์สปริง Spiromax®)
ด้วยคุณสมบัติของการปรับตั้งความเที่ยงตรงได้ บาลานซ์ GyronmaxSi® นี้ยังคงรักษาไว้ซึ่งข้อได้เปรียบทั้งหมดของบาลานซ์ Gyromax® ที่ผ่านการจดสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1951 (ซึ่งเป็นการปรับตั้งโดยเปลี่ยนแปลงโมเมนต์ความเฉื่อย (moment of inertia) ของบาลานซ์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความยาวของบาลานซ์สปริง
• เพิ่มข้อได้เปรียบของหลักการ Gyronmax® โดยการลดมวลที่ใกล้กับเสาบาลานซ์ อันเป็นผลลัพธ์มาจากโครงร่างน้ําหนักเบา ของ Silinvare
• การปรับมวลบนขอบด้านนอก ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการฝังเสี่ยมด้วยทองบริสุทธิ์
• เพิ่มประสิทธิภาพด้านกลศาสตร์ของบาลานซ์ด้วยพลังงานที่ได้รับถึง 15%
• การเปลี่ยนโมเมนต์ความเฉื่อยด้วยตุ้มถ่วงศูนย์แบบอสมมาตร จํานวนสี่ตัว
• ทั้งหมดคือข้อได้เปรียบของบาลานซ์สปริง Spironmax® และเอสเคปเมนต์ Pulsonmax® ซึ่งได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วทั้งหมด
การเปิดตัวของ Ref 5550 Perpetual Calendar Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยชุด Oscillomax9 นี้ได้ผลิต ขึ้นในจํานวนจํากัด 300 เรือน
ค.ศ. 2017: บาลานซ์สปริง Spiromax® เวอร์ชันพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพสูงขึ้น
การเปิดตัวของ Ref. 5650 Aquanaut Travel Tinne Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยจักรกลยึดหยุ่นสําหรับการ ปรับตั้งไทม์โซน และบาลานซ์สปริง Spironmax® ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพสูงขึ้นนี้ ได้ผลิตขึ้นในจํานวนจํากัด 500 เรือน และนับตั้งแต่นั้นมา บาลานซ์สปริง Spironmax® ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพสูงขึ้นชนิดนี้ยังผสานอยู่ในกลไกส่วนใหญ่ของ Patek Philippe โดยเฉพาะในคาลิเบอร์ 240, 215, 28-520 และ 324
ค.ศ. 2017: ตัวปรับตั้งด้วยจักรกลยึดหยุ่นทําจากสตีล
จักรกลยึดหยุ่นสําหรับการปรับตั้งไทม์โซนต่าง ๆ โดยการใช้ความยืดหยุ่นของวัสดุในโครงสร้างเชิงจุลภาค และแทนที่ข้อต่อต่างๆ ด้วย แกนหมุน (pivots) และสปริงทรงใบไม้ (leaf springs) การพัฒนาทางเทคนิคนี้ได้มอบซึ่งข้อได้เปรียบมากมาย และทําให้การประกอบชิ้นส่วนนั้นง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น (ชิ้นส่วนเพียง 12 ชิ้น จาก 37 ชิ้นก่อนหน้านี้) ด้วยงานออกแบบที่เรียบแบนขึ้น ไม่มีการเล่นเชิงจักรกล ไร้การเสียดสี และปราศจากการสึกหรอของโครงที่ตัดกัน (arbor) จึงให้ผลลัพธ์ของการไม่จําเป็นต้องใช้น้ํามันหล่อลื่นและยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม
การเปิดตัวของ Ref. 5650 Aquanaut Travel Time Patek Philippe “Advanced Research” พร้อมด้วยจักรกลยึดหยุ่นสําหรับการ ปรับตั้งไทม์โซน และบาลานซ์สปริง Spironmax® ที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพสูงขึ้นนี้ ได้ผลิตขึ้นในจํานวนจํากัด 500 เรือน
ข้อมูลด้านเทคนิค
Ref. 5750 Patek Philippe “Advanced Research” Minute Repeater
ผลิตจํานวนจํากัด 15 เรือน
กลไก: คาลิเบอร์ R 27 PS กลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ มินิท รีพีทเตอร์ พร้อมด้วยลวดฆ้องคลาสสิกและการแสดงวินาทีขนาดเล็ก
การจดสิทธิบัตรของระบบ fortissimo “R” สําหรับการขยายเสียงและการแผ่ของเสียงที่ประกอบด้วยคานเสียงแบบแขวนและยืดหยุ่น, แผ่นออสซิลเลเตอร์กระจกแซฟไฟร์ใส, ขอบฉนวนวัสดุเชิงประกอบ และช่องเปิดเสียงสี่ช่องในวงแหวนไทเทเนียม
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 28 มม.
ความหนา: 6.05 มม.
จํานวนชิ้นส่วน: 342 ชิ้น
จํานวนทับทิมสังเคราะห์: 39 เม็ด
พลังงานสํารอง: อย่างน้อย 43 ชั่วโมง, สูงสุด 48 ชั่วโมง
โรเตอร์ขึ้นลาน: มินิโรเตอร์ทําจากแพลทินัม 950 พร้อมลวดลายตกแต่งเลเซอร์, ขึ้นลานทิศทางเดียว
ความถี่: 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง (3 เฮิรตซ์)
บาลานซ์: Gyromax®
บาลานซ์สปริง: Spiromax® (ทำจาก SilinvarR)
ปุ่มบาลานซ์สปริง: สามารถปรับได้
ตราสัญลักษณ์: Patek Philippe Seal
ตัวเรือน: แพลทินัม 950 ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ ตัวสไลด์มินิทรีพีทเตอร์บนขอบข้างตัวเรือนด้านซ้าย วัสดุไม่กันน้ํา, สามารถปกป้องความชื้นและฝุ่น ประดับเพชร ณ ตําแหน่ง 6 นาฬิกา
สัดส่วนตัวเรือน: ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง: 40 มม. ความหนา: 11.1 มม. ความกว้างระหว่างหูตัวเรือน: 21 มม.
หน้าปัด: ไวท์โกลด์, ฐานตกแต่งลายก้นหอยชุบนิเกิลสีดํา, ลวดลายรัศมีแบบฉลุโปร่ง, ตกแต่งขอบด้วยลายแกะสลักกิโยเชด้วยมือ, วงแหวนชั่วโมงตกแต่งแบบขัดด้านซาตินวงกลม เข็มชั่วโมงและนาทีทรงดอฟื้นแบบเรียบแบนทําจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต, พิมพ์ประทับสีดํา ดิสก์หน้าปัดย่อยแสดงวินาที พร้อมมาร์กเกอร์ที่ตําแหน่ง 6 นาฬิกา
สาย: สายหนังจระเข้เย็บด้วยมือ ลายสเกลสี่เหลี่ยมใหญ่ สีส้มเงาวาว ตัดด้วยตะเข็บสายสีดํา พร้อมตัวล็อกสายแบบบานพับทําจากแพลทินัม 950
8 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
29 ก.ย. 2567