AUDEMARS PIGUET Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man”

Last updated: 26 พ.ค. 2566  |  332 จำนวนผู้เข้าชม  | 

AUDEMARS PIGUET Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man”

Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ เผยโฉมนาฬิการุ่น Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man” ภายใต้ความร่วมมือครั้งที่สองกับมาร์เวลซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2021 การผสมผสานความเชี่ยวชาญที่สืบสานจากอดีตเข้ากับเทคโนโลยีแห่งอนาคต ให้ผลลัพธ์เป็นนาฬิกาที่มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมและแบล็กเซรามิกบนขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร และความโดดเด่นของการนําเสนองานฉลุแบบ openworked ที่ไฮไลต์ความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขตของ Audemars Piguet ในการรังสรรค์กลไกสุดซับซ้อน

Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man” รังสรรค์ขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะเชื่อมระหว่างโลกการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงเข้ากับแห่งจักรวาลทาง วัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกัน โดยค้นหาแรงบันดาลใจจากโลกแห่งวัฒนธรรมป๊อป เพื่อขยายการ สร้างสรรค์เรือนเวลาชั้นสูงให้ก้าวเหนือขึ้นไปอีกขั้น นาฬิการุ่นพิเศษนี้ผลิตขึ้นมาในจํานวนจํากัดเพียง 250 เรือนนี้ยังมาพร้อมกับอีกหนึ่งเรือนพิเศษ ซึ่งจะถูกนําไปประมูลเพื่อสนับสนุน First Book และ Ashoka สององค์กรซึ่งไม่แสวงหาผลกําไร และทํางานเพื่อช่วยผลักดันพลังของเยาวชนให้สร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับโลกได้

Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man” เผยความโดดเด่นของงานฉลุแบบ openwork ผ่านตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของมาร์เวลทั้งบนหน้าปัดและในรายละเอียดที่มองเห็นผ่านฝาหลัง

ฮีโร่ผู้เป็นเพื่อนบ้านที่แสนจะเป็นมิตร
หลังการเปิดตัวนาฬิการุ่น Royal Oak Concept “Black Panther Flying Tourbillon ในปี 2021 Audemars Piguet เผยความร่วมมือกับมาร์เวลเป็นครั้งที่สองผ่านตัวละคร Spider-Man หนึ่งในตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดของมาร์เวล ในจักรวาลมาร์เวลนั้น สไปเดอร์แมนถือเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง และเป็นซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจมหาชนทั่วโลก ด้วยคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่ส่งเสริมค่านิยมของครอบครัวและชุมชน สไปเดอร์แมนกลายเป็นปรากฏการณ์วัฒนธรรมป๊อปอย่างรวดเร็วหลังจากปรากฏตัวในหนังสือการ์ตูน วิดีโอเกม สินค้า อุปโภคบริโภคและอีกมากมาย หลังผ่านไป 60 ปีหลังจากการเปิดตัวครั้งแรก วันนี้ Audemars Piguet และมาร์เวลตื้นตันและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ถ่ายทอดความพิเศษของไอคอนในวัฒนธรรมป๊อปผู้น่าทึ่งนี้ให้ทุกคนได้ประจักษ์

“เราตื่นเต้นที่ได้เผยถึงความร่วมมือครั้งใหม่กับโอเดอมาร์ ปิเกต์ พร้อมทั้งได้ร่วม เฉลิมฉลองคอลเลกชันนาฬิกาที่มาพร้อมตัวละครที่พูดได้ว่า เป็นไอคอนทางวัฒนธรรมอย่างสไปเดอร์แมน ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงเสน่ห์ของตัวละครสไปเดอร์แมนที่ครองใจผู้คนในทุกยุคทุกสมัย และอิทธิพลระดับโลกที่คาแรกเตอร์นี ได้สร้างไว้ สไปเดอร์แมน พร้อมไปกับการสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหาผลกําไรที่น่าทึ่งอีกสองแห่งซึ่งช่วยผลักดันเยาวชนในยุคปัจจุบัน” พอล กิตเตอร์ (Paul Gitter) / รองประธานบริหารฝ่าย Global Brand Commercialization จาก Disney Consumer Products, Games and Publishing กล่าว

สไปเดอร์แมนจับใจผู้ชมได้ในทันที จากเรื่องราวของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ชายหนุ่มธรรมดาๆ ที่จู่ๆ ก็พบว่า ตัวเองมีพลังพิเศษหลังจากถูกแมงมุมกัมมันตภาพรังสีกัดและเมื่อเขาค้นพบพลังพิเศษนี้ ปีเตอร์ก็ได้ทําตามคติพจน์ที่ว่า “พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” ซึ่งตรงกับความมุ่งมั่นของ Audemars Piguet ที่มีต่อองค์กรอย่าง First Book และ Ashoka ก็สอดคล้องกับคติพจน์นี้ จึงเป็นที่มาของ ความร่วมมือเพื่อประโยชน์สาธารณะที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2021 กับการเปิดตัว Royal Oak Concept "Black Panther" Flying Tourbillon

กลไกโอเพ่นเวิร์กแบบฉลุอันน่าหลงใหล
Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man” นําเสนอความโดดเด่นของตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 42 มิลลิเมตร คอนทราสต์กับขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมแบล็กเซรามิก มาพร้อมกลไกโอเพ่นเวิร์กแบบฉลุซึ่งถือเป็นฮีโร่ของนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ กลไกไขลานแบบใหม่ของคาลิเบอร์ 2974 ได้รับการรังสรรค์ขึ้นโดยอ้างอิงจากคาลิเบอร์ 2948 โดยต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการฉลุร่วมกันจากทั้งวิศวกร ช่างทํานาฬิกา และช่างฝีมือของ Audemars Piguet เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนนี้ให้สําเร็จ การสร้างสรรค์งานฉลุให้มีความทะลุปรุโปร่งนั้นต้องจํากัดจํานวนวัสดุให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ตัวละครสไปเดอร์แมนปรากฏโฉมในรูปแบบ 3 มิติราวกับว่าลอยอยู่กลางอากาศเมื่อมองผ่านกระจกแซฟไฟร์ โครงร่างและวอลุ่มของตัวสไปเดอร์แมนรังสรรค์จากไวท์โกลด์ ซึ่งมีลักษณะเป็นบล็อกโดยใช้เครื่อง CNC ส่วนชุดของสไปเดอร์แมนนั้นใช้เลเซอร์สลักลายเพื่อให้ได้พื้นผิวที่แตกต่างและคล้ายคลึงกับพื้นผ้า การสลักลายด้วยวิธีนี้ต้องตั้งโปรแกรมที่มีความซับซ้อนและการทดสอบมากมายหลายครั้ งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ ส่วนบนของสไปเดอร์แมนใช้วิธีการฉลุแล้ว จากนั้นช่างฝีมือก็ลงสีแดงแมตต์คอนทราสต์กับสีน้ำเงินเมทัลลิคด้วยมือ สร้างความงามแบบทูโทนอันโดดเด่นและเป็นที่รู้จัก ต่อมาช่างฝีมือจึงเก็บรายละเอียดด้วยการลงสีเน้นแสงเงาโดยช่วงฝีมือเพียงคนเดียวและเก็บรายละเอียดด้วยมือ เพื่อสร้างคอนทราสต์และเพิ่มมุมมองอันลุ่มลึกให้กับสไปเดอร์แมน นั่นจึงทำให้แต่ละเรือนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 50 ชั่วโมงในการรังสรรค์ตัวละครนี้ขึ้นมา เพราะสไปเดอร์แมนมีความหนาเท่ากับตัวเรือน ถือเป็นการก้าวข้ามขีดความสามารถของช่างฝีมือในเลอ บราซูสให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น

หน้าปัดมาพร้อมเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงทองคําเคลือบพีวีดีสีดํา สลับกับตัวเลขอารบิกที่ออกแบบด้วยวัสดุชนิดเดียวกัน ซึ่งจะถูกติดตั้งลงไปด้วยมือ ทั้งหมดได้รับการขัดเงาพร้อมมีสีขาวที่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินในความมืด สื่อถึงโลกของสไปเดอร์แมนได้อย่างลึกซึ้ง

นาฬิกาเรือนนี้ยังมาพร้อมรายละเอียดการตกแต่งสุดประณีตที่ยังคงยึดมั่นในประเพณีการสร้างสรรค์เรือนเวลาและเอกลักษณ์ในการออกแบบของ Audemars Piguet เช่นเดิม ตัวเรือนมีรายละเอียดของการขัดเงาและการเก็บรายละเอียดสุดท้ายแบบไมโครบลาสทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ในขณะที่ด้านข้างใช้การขัดแบบซาติน ส่วนกลไกมีการเก็บรายละเอียดการตกแต่งด้วยวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่เทคนิค “เทรตส์ ทิเรส์” (traits tirés) ไปจนถึงเทคนิคการขัดแบบพ่นทรายและการขัดเงา นอกจากจะผลิตมาในจํานวนจํากัดเพียง 250 เรือนแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเรือนพิเศษที่ใช้ชื่อว่า Royal Oak Concept Tourbillon “Black Suit Spider-Man” โดยเป็นนาฬิกาที่ใช้ตัวเรือนไวท์โกลด์ที่มีรายละเอียดของการสลักลายขาแมงมุมโดยเลเซอร์ในขั้นแรก จากนั้นจึงเติมสารเรืองแสงสีเขียวสุดพิเศษซึ่งผสมผสานกับไฮบริดเซรามิก แล้วขัดลายและสลักพื้นหลังลายใยแมงมุมอย่างประณีตด้วยเลเซอร์ในขั้นสุดท้าย ผสมผสานกับวัสดุแบล็กเซรามิกที่ขอบตัวเรือนและส่วนของฝาหลังซึ่งมีคำว่า “Royal Oak Concept Unique Piece” สลักเป็นสีขาว บนหน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้ สไปเดอร์แมนจะปรากฏตัวในชุด สีดํา เป็นการอ้างอิงไปถึงชุดที่สไปเดอร์แมนสวมใส่ในหนังสือการ์ตูนหลายเล่มในช่วงทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน The Amazing Spider-Man #252 ในปี 1984 การนําเสนอตัวละครสไปเดอร์แมนในรูปลักษณ์ที่น้อยคนจะรู้จักทําให้นาฬิกาเรือนนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและดูลึกลับยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับเข็มนาฬิกา เครื่องหมายบอกชั่วโมง รวมถึงบางส่วนของตัวละครที่จะเรืองและเปลี่ยนเป็นสีเขียวในความมืด

“ในการร่วมงานกันกับมาร์เวลเป็นครั้งที่สอง เราต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของสไปเดอร์แมน หนึ่งในตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตัวละครหนึ่งในจักรวาลมาร์เวล ตัวละครนี้ตระหนักว่าเมื่อเขามีพลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมีความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งไม่แพ้กัน และเพื่อฉลองวาระพิเศษ เรายังพร้อมสานต่อความมุ่งมั่นที่เรามีต่อการทํางานของ First Book และ Ashoka เพื่อเติมพลังให้คนรุ่นใหม่สามารถก้าวไปสร้างการเปลี่ยนแปลง และเป็นฮีโร่ในโลกแห่งความเป็นจริงได้ด้วย" ฟรองซัว-อองรี เบนนาห์เมียส (François-Henry Bennahmias) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Audemars Piguet กล่าว

สายนาฬิกาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้เอง
นี่ยังนับเป็นครั้งแรกสําหรับนาฬิการุ่น Royal Oak Concept ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมระบบถอดเปลี่ยนสายได้เอง ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเปลี่ยนสายและตัวล็อกได้ง่ายๆ ในไม่กี่ขั้นตอน นาฬิการุ่น Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man” มาพร้อมสายยางสีดําและสีเทาพร้อมหัวเข็มขัดล็อกไทเทเนียมเอกลักษณ์ของ Audemars Piguet โดยยังมีสายยางสีดําและสีแดงซึ่งเป็นสีที่แมตช์กับชุดสุดดังของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวลนี้ให้อีกหนึ่งเส้น ส่วน Royal Oak Concept Tourbillon “Black Suit Spider-Man” มาพร้อมกับสายยางสีดําที่ให้เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม และมีสายหนังลูกวัวสีดําที่ให้ความรู้สึกคล้ายผ้าพร้อมตะเข็บด้ายสีขาวให้อีกหนึ่งเส้น

ความร่วมมือระยะยาว
ความร่วมมือนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2021 และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของ Audemars Piguet ในการแสวงหาแรงบันดาลใจที่อยู่นอกวงการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาชั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากวัฒนธรรม ป๊อปและโลกแห่งความบันเทิง ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิ Audemars Piguet แบรนด์ยังได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ First Book และ Ashoka สององค์กรไม่แสวงหาผลกําไรผ่านโครงการ Time For Change: Dream, Act, Change Our World โครงการริเริ่มที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเสมอภาคทางการศึกษาผ่าน การสร้างการเปลี่ยนแปลง First Book และ Ashoka มุ่งแสวงหาโอกาสและช่องว่างทางทรัพยากรอย่าง เป็นระบบเพื่อช่วยให้เยาวชนจากชุมชนที่มีรายได้น้อยและขาดโอกาสในอดีตกลายมาเป็นผู้สร้างการ เปลี่ยนแปลง ในเดือนเมษายน 2021 ได้มีการจัดงานประมูลนาฬิกาหลายรุ่นขึ้น โดยเฉพาะการประมูลนาฬิการุ่น Royal Oak Concept “Black Panther” Flying Tourbillon สามารถช่วยระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้ และช่วยให้เข้าถึงเครือข่ายนักการศึกษาของ First Book จํานวน 25,000 คน ทั้งยังส่งผลไปถึงการช่วยเหลือเยาวชนที่ต้องการความช่วยเหลือและนักเรียนประมาณ 750,000 คนที่มีอายุระหว่าง 5-18 ปีทั่วสหรัฐอเมริกา การประมูลครั้งแรกยังมีส่วนช่วยให้หนังสือกว่า 50,000 เล่มที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ถูกแจกจ่ายออกไป ทําให้ผู้ค้นหาความรู้ได้รับประโยชน์จากสื่อที่นําไปใช้ ได้จริงและนําไปปฏิบัติได้ฟรี ช่วยเติมพลังให้กับคนรุ่นใหม่เพื่อให้พวกเขาสามารถ “ฝัน ลงมือทําและเปลี่ยนแปลงโลกของเรา” ได้ เพื่อร่วมพัฒนาความสามารถและศักยภาพที่จําเป็นของพวกเขา มุ่งสู่ความสําเร็จทางวิชาการ ความพึงพอใจในอาชีพ และการมีส่วนร่วมของพลเมืองตลอดชีวิต นอกจากนี้ โครงการนี้ยังมีแผนจะขยายไปในระดับนานาชาติ ทั้งในบราซิล สหราชอาณาจักร ในจีเรีย แคนาดาและอินโดนีเซีย และเพื่อสานต่อความร่วมมือระยะยาวนี้ Audemars Piguet จะนํานาฬิการุ่น Royal Oak Concept Tourbillon “Black Suit Spider-Man” ที่มีเพียงเรือนเดียวเท่านั้น รวมถึงนาฬิการุ่นอื่นๆ อีกหลายรายการมาจัดการประมูล โดยรายได้จากการประมูลทั้งหมดจะส่งมอบให้กับทั้ง First Book และ Ashoka ต่อไป

Audemars Piguet Royal Oak Concept Tourbillon “Spider-Man”
ขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตร หนาของ 15 มิลลิเมตร
กลไก Tourbillon แสดงเวลาแบบชั่วโมงและนาที
ตัวเรือนไทเทเนียม ขอบตัวเรือนและเม็ดมะยมแบบสกรูล็อกแบล็กเซรามิก กระจกแซฟไฟร์ ฝาหลังประดับ แซฟไฟร์
คุณสมบัติกันน้ำ 50 เมตร
หน้าปัด Openworked
กลไกไขลาน คาลิเบอร์ 2974 ฉลุพร้อมตัวละครสไปเดอร์แมนแบบ 3 มิติบนทองคําซึ่งลงสีด้วยมือเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงและ เข็มนาฬิกาทองคําเคลือบสารเรืองแสง
สายนาฬิกายางสีดําและสีเทาพร้อมระบบถอดเปลี่ยนสายได้และหัวเข็มขัดกดพับเพื่อล็อกสายนาฬิกา เอกลักษณ์เฉพาะของ Audemars Piguet โดยมีสายนาฬิกายางสีดําและสีแดงให้เพิ่มเติมอีกหนึ่งเส้น

รายละเอียดเกี่ยวกับกลไกการทํางาน
กลไกการทํางานแบบไขลาน คาลิเบอร์ 2974
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 32.25 มิลลิเมตร
ความหนา: 5.82 มิลลิเมตร
จํานวนชิ้นส่วน: 197
จํานวนทับทิม: 19
สำรองพลังงานอย่างน้อย: 72 ชั่วโมง
ความถี่ในการทำงาน: 3 Hz (21,600 ครั้ง/ชั่วโมง)


เกี่ยวกับ Ashoka
อโชก้า (Ashoka) พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการนำทุกคนเพื่อก้าวสู่โลกที่ “ทุกคนคือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” ในฐานะเครือข่ายผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงและนักสร้างสรรค์นวัตกรรมทางสังคมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีผู้ประกอบการทางสังคมมากกว่า 4,000 รายในกว่า 90 ประเทศ อโชก้ามีเป้าหมายในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้าง โดยให้การสนับสนุนผู้สร้างนวัตกรรมให้มีโอกาสได้เริ่มต้นบ่มเพาะความคิด ทํางานร่วมกัน เปลี่ยนแปลงระบบทั้งหมดและสร้างอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อโชก้าก่อตั้งขึ้นในปี 1980 โดย บิล เดรย์ตัน ด้วยความเชื่อที่ว่าพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคือไอเดียอันยิ่งใหญ่ในมือของผู้ประกอบการ อโชก้าใช้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้ประกอบการทางสังคมชั้นนําของโลกเพื่อกําหนดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างลึกซึ้ง ข้อมูลเชิงลึกในปัจจุบันบ่งชี้ว่าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเรากำลังเรียกร้องให้เกิดโลกที่ “ทุกคนคือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง” โลกที่ทุกคนฝึกฝนทักษะสำคัญของการรู้จักเอาใจเขาใส่ใจเรา การทํางานเป็นทีม ความเป็นผู้นำ และการสร้างการเปลี่ยนแปลง — www.ashoka.org


เกี่ยวกับ Audemars Piguet Foundation
Audemars Piguet Foundation (มูลนิธิโอเดอมาร์ ปิเกต์) เริ่มต้นเปิดดําเนินงานมาตั้งแต่ปี 1992 เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าไม้ทั่วโลกผ่านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการทำโครงการสร้างความตระหนักรู้ให้กับเยาวชน สิ่งที่มูลนิธิให้ความสำคัญมีทั้งการอนุรักษ์ ป่าไม้ การให้การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมแก่เยาวชน การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และการเพิ่มคุณค่าของความรู้ดั้งเดิม แนวทางในการทำงานที่มูลนิธิคือการทำโครงการที่เราให้ทุนสนับสนุน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งโดยชุมชนท้องถิ่นและการจับมือกันทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่น และเพราะมูลนิธิยึดมั่นในค่านิยมดั้งเดิมของ Audemars Piguet มูลนิธิจึงเข้ามามีส่วนในการกํากับดูแลการดําเนินงานด้านซีเอสอาร์ของบริษัททั่วโลกด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้