IWC SCHAFFHAUSEN - Headquarter, Museum and Manufakturzentrum

IWC Schaffhausen แบรนด์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อีป1868 สร้างสรรค์ผลงานเครื่องบอกเวลาด้วยนวัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลไก วัสดุศาสตร์ หรืองานออกแบบอันเป็นเลิศ ซึ่งสะท้อนผ่านพิพิธภํณฑ์ที่เปิดตัวเมื่อปี 1993 ในวาระฉลองครบรอบ 125 ปี สำรวจภายในสำนักงานใหญ่ซึ่งเป็นที่ทำงานของผู้อยู่เบื้องหลังแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเจาะลึกถึงการรังสรรค์ผลงานภายใน Manufakturzentrum หรือ Manufacturing Center ที่คว้ารางวัลโรงงานยอดเยี่ยมแห่งปีหรือ Factory of the Year 2020 จาก GEO Award ด้วยศักยภาพขั้นสูงที่บรรลุสู่ความเป็นเลิศในทุกระดับ

Schaffhausen (ชาฟฟ์ฮาวเซ่น) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำไรน์ มีน้ำตกไรน์ (Rhein fall) ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังเป็นแหล่งพลังงานไฮดรอกลิกชั้นเยี่ยม ที่ Florentine Ariosto Jones ข่างนาฬิกาชาวอเมริกันผู้ก่อตั้ง International Watch Company หรือแบรนด์ IWC ที่เราคุ้นเคยกัน ได้นำพลังงานจากกระแสน้ำของน้ำตกไรน์มาใช้ในการผลิตกลไกนาฬิกานับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาในปี 1868 ในขณะที่น้ำตกไรน์ยังทำหน้าที่ตามธรรมชาติของมันอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่สำหรับ IWC Schaffhausen กลับไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนานวัตกรรมต่างๆ สร้างสรรค์ผลงานเครื่องบอกเวลาที่โดดเด่นและเป็นเลิศให้กับอุตสาหกรรมนาฬิกาสู่ความชื่นชอบของนักสะสมและคนรักนาฬิกาทั่วโลกในวันนี้

หลังเปิดทำการในปี 2018 เพียงสองปีให้หลัง IWC Manufakturzentrum ก็คว้ารางวัลโรงงานยอดเยี่ยมแห่งปีได้เมื่อปี 2020 ซึ่ง Andreas Voll เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่เราพูดถึงความเป็นเลิศในกระบวนการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชิงกลยุทธ์ต่างๆ และตั้งแต่นั้นมา เราสามารถบรรลุผลการปรับปรุงพัฒนาในวงกว้าง ทั้งด้านห่วงโซ่แห่งการเพิ่มมูลค่าทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านคุณภาพ การบริหารและความยั่งยืน เราประสบความสำเร็จอย่างมากในกระบวนการต่างๆ และความจริงที่ว่าเราได้รับรางวัลใหญ่ของ GEO Award ในการเข้าแข่งขันครั้งแรกของเรา เป็นการพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงความตั้งใจของเรา ขณะเดียวกันรางวัลนี้ก็เป็นแรงจูงใจอันยิ่งใหญ่ในการทำงานของเราในอนาคตที่จะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับประกันถึงคุณภาพที่สมบุรณ์แบบในการผลิตนาฬิการะบบกลไกของเราทุกเรือนที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้าของไปตลอดชีวิต”

ส่วนด้านล่างของอาคารสำนักงานใหญ่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่ IWC Schaffhausen ปรับปรุงใหม่ในปี 1993 ในวาระฉลองครบรอบ 125 ปี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความทันสมัยอย่างยิ่ง นอกจากจะมีนาฬิกาจากอดีตที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และการพัฒนาอันยาวนานของแบรนด์ซึ่งได้รับการคัดสรรมาจัดแสดงไว้มากกว่า 230 รายการแล้ว ก็ยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาร่วมสร้างความเข้าใจในมุมมองต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่นในส่วนของประวัติศาสตร์ ที่มีจอภาพที่มาพร้อมระบบเลื่อนภาพคลาสสิก ที่จะค่อยๆ เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของแบรนด์อย่างเข้าใจ ขณะเดียวกัน นาฬิกาบางรุ่นก็จะมีเรื่องราวความเป็นมาและกลไกเบื้องลึกให้ศึกษาด้วย

การจัดแสดงนาฬิกาโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน จัดวางในแบบโปร่งตาและดูง่าย โดยแบ่งออกเป็นสองด้านคือ ฝั่งแรกเป็นการจัดแสดงประวัติศาสตร์ด้านนวัตกรรมของ IWC ตั้งแต่เริ่มต้น เช่น กลไกไขลานของ Jones ที่ผลิตขึ้นตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัท โดยเฉพาะกลไกคาลิเบอร์ 52 อันเลื่องชื่อ ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบจอดิจิตอล รวมถึงผลงานไฮไลท์ของนาฬิการุ่นฉลองให้กับ Albert Pellaton ที่เรียกว่า club watches รวมถึงผลงานรุ่นต่างๆ ในตระกูล Porsche Design ในขณะที่อีกฝั่งเรียกว่า East Wing หรือฝั่งตะวันออก จัดแสดงนาฬิกาในตระกูลสำคัญอย่างคอลเลกชั่น Portugieser และ Portofino ที่จะทำให้เห็นถึงการพัฒนาของนาฬิกาในแต่ละตระกูลได้อย่างชัดเจน นอกจากจะมีนาฬิกาเรือนสวยให้ชมแล้ว ก็ยังมีเอกสารต้นฉบับและเอกสารสำคัญของ IWC แค็ตตาล็อกนาฬิกาจากปี 1900 เครื่องมือที่ใช้ในอดีตและชิ้นส่วนอะไหล่กลไก ภาพวากทางเทคนิคและบันทึกต่างๆ ให้ประกอบความเข้าใจด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดแสดงบัญชีแยกประเภทนาฬิกาที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกา IWC ทุกเรือนที่ผลิตตั้งแต่ปี 1885 ให้ได้ศึกษา

อีกพื้นที่สำคัญของแบรนด์ก็คือ IWC Manufakturzentrum หรือศูนย์กลางแห่งการผลิตนาฬิกาของแบรนด์ภายในอาคารทันสมัย เมื่อเดินเข้าไปภายในโถงห้องรับรอง สิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือรางวัลอันทรงเกียรติจาก GEO Award ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า และผนังอีกด้านของห้องรับรองที่มีความสูงถึง 9 เมตร โปร่งสบายและงดงามนี้ยังประดับภาพบุคคลสำคัญของแบรนด์ไว้ด้วย

IWC Manufakturzentrum เป็นผลงานการออกแบบของสองบริษัทสถาปนิกคือ ATP Architects และ RMA Architects ซึ่งมีความเชี่ยวขาญด้านการออกแบบโครงสร้างพื้นที่อุตสาหกรรมและโรงงาน แต่ CEO ของ IWC คือ Chris Grainger-Herr เองก็มีองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมไม่น้อย จึงมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการออกแบบโรงงานแห่งนี้ ร่วมคิดและร่วมทำงานตั้งแต่แนวคิดการออกแบบ สุนทรียภาพขั้นพื้นฐานของอาคาร ไปจนถึงการตกแต่งพื้นที่ต่างๆ อาคารที่มีใช้กระจก ไม้และเหล็กเป็นโครงสร้างหลัก ใช้เวลาในการก่อสร้างราว 21 เดือน ในดีไซน์ที่ทันสมัยของอาคารชั้นเดียวซึ่งมีหลังคายื่นออกมาอย่างเด่นชัด เสาที่แข็งแรงรองรับโครงสร้างที่ผนึกด้วยกระจกอย่างมั่นคง โดยใช้กระจกติดรอบอาคารบนผนังทั้งภายในและภายนอกกว่า 4,850 ตารางเมตร โครงสร้างที่เป็นเหล็กคุณภาพสูงกว่า 840 ตัน พื้นที่เปิดโล่งด้านหน้าเผยให้เห็นงานสถาปัตยกรรมที่ประดุจงานศิลปะแห่งประติมากรรมชั้นยอดของเมือง

ศูนย์การผลิตแห่งใหม่ก็เปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 สิงหาคม 2018 โดยมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 13,500 ตารางเมตร และในจำนวนนั้น ถูกออกแบบเป็นห้องที่สะอาดอย่างยิ่งเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการประกอบกลไก การทดสอบต่างๆ ทั้งตัวเรือน กลไกและคุณภาพ ราว 25,000 ตารางฟุต อาคารแห่งนี้ ใช้แสงจากธรรมชาติจากกระจกที่ผนึกโดยรอบให้ความสว่างในตอนกลางวันซึ่งเป็นเวลาทำงาน แสงจากธรรมชาติเพียงพอต่อหลายๆ แผนกที่มีห้องติดกับกระจก แต่ในบางครั้งแสงแดดที่แรงเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทางออกก็คือ การใช้หลังคาที่ยาวยื่นออกมาซึ่งช่วยลดแสงได้ตลอดทั้งวัน ให้พนักงานได้ทำงานท่ามกลางแสงธรรมชาติพร้อมกับชมวิวสวยๆ ของต้นไม้เขียวโดยรอบในเวลาเดียวกัน ส่วนพลังงานอื่นๆ ใช้พลังงานจากน้ำที่ไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ไม่ก่อมลพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงพลังงานจากแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาพื้นที่ 2,200 ตารางเมตร ที่สามารถใช้งานได้ราว 275,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ทั้งยังมีระบบบำบัดน้ำมันส่วนกลางที่สามารถรองรับได้มากถึง 12,000 ลิตร เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนที่แบรนด์ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ภาพรวมของอาคาร IWC Manufakturzentrum จึงไม่เพียงแต่สวยงามจากงานสถาปัตยกรรม แต่ยังคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของการทำงานที่ให้ความสะดวกสบายกับพนักงาน รวมถึงความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ซึ่งองค์ประกอบรวมเหล่านี้ถูกสะท้อนผ่านนาฬิกาทุกเรือนที่ได้รับการผลิตขึ้น ไม่น่าแปลกใจที่โรงงานแห่งนี้จะคว้ารางวัลโรงงานยอดเยี่ยมแห่งปีมาครอง