Last updated: 24 เม.ย 2567 | 1031 จำนวนผู้เข้าชม |
ในงาน Watches and Wonders Geneva 2024 แบรนด์ Patek Philippe เผยโฉมนวัตกรรมด้านเทคนิคผ่านการสร้างสรรค์นาฬิกาเวิลด์ไทม์คอลเล็กชันปัจจุบัน โดยนำเสนอฟังก์ชันการแสดงวันที่ซึ่งตรงกันกับเวลา ณ ประเทศท้องถิ่น (Local time) เป็นครั้งแรก อีกทั้งความงดงามของนาฬิกาโมเดลใหม่นี้ยังสะท้อนผ่านสายนาฬิการูปแบบโซ่ อันเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของนาฬิกาตระกูล Golden Ellipse (โกลเด้น อีลิฟต์) โดยได้สะท้อนความงดงามผ่านสาย นาฬิการูปทรงโซ่ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ยังมีการนำคอลเล็กชันนาฬิกา Patek Philippe หลากหลายรุ่นกลับมาตีความใหม่อีกครั้งอย่างประณีตครอบคลุมในรูปแบบของนาฬิกาสำหรับการเดินทาง นาฬิการะบบปฏิทิน และนาฬิกาโมเดลสปอร์ตที่หรูหราสง่างาม พร้อมการนำเสนอคอลเล็กชันนาฬิกาสุภาพสตรี Twenty~4 ladies’ (ทเวนตี้ โฟร์) ซึ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทได้ประกาศถึงการพัฒนาที่สำคัญสองด้าน สำหรับแนวทางของมาตรฐานการผลิตนาฬิกาภายใต้ Patek Phillippe Seal (ปาเต็ก ฟิลลิปป์ ซีล) และการขยายระยะเวลาการรับประกันสากลสำหรับนาฬิกาใหม่ให้ครอบคลุมจากระยะเวลา 2 ปีเป็น 5 ปี
Antoine Norbert de Patek (อองตวน นอร์เบิร์ต เดอ ปาเต็ก) ผู้นำด้านการสร้างสรรค์และผู้หลงใหลในความงดงาม Jean Adrien Philippe (ฌอง เอเดรียน ฟิลลิปป์) อัจฉริยะด้านการรังสรรค์เครื่องบอกเวลา ตั้งแต่ปี 1839 ที่มีการก่อตั้งบริษัท บริษัทนาฬิกาแห่งเจนีวาได้พัฒนาสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีศิลปะความประณีตงดงามร่วมกับความเพรียบพร้อมสมบูรณ์ของกลไก ตั้งแต่ปี 1932 ครอบครัวสเติร์นได้รักษา “ประเพณีแห่งนวัตกรรมการผลิตนาฬิกา” ที่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ดังที่เห็นได้จากสิทธิบัตรกว่าหนึ่งร้อยสิทธิบัตร และกลไกการทำงานถึง 56 กลไก ซึ่งออกแบบและผลิตจากโรงงานของบริษัทเองทั้งหมด นอกจากนั้น Patek Philippe ยังมีความโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งในด้านการออกแบบที่ไร้ขีดจำกัด อันเป็นแรงบันดาลใจให้กับนาฬิกาที่เป็นเอกลักษณ์จำนวนมากในทุกๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกากลุ่ม Grand Complications ที่มีกลไกความซับซ้อนสูงไปจนถึงนาฬิกาประดับด้วยอัญมณี และนาฬิกาที่มีรูปแบบคลาสสิคเก๋ไก๋ สู่นาฬิกาสปอร์ตหรูหรางดงาม การนำเสนอกลุ่มความงดงามเป็นเลิศใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2024 นี้ ยังคงไว้ซึ่งการสร้างสรรค์ร่วมกับความก้าวหน้าด้านเทคนิคในรูปแบบของนาฬิกาที่มาพร้อมกับการบอกเวลาหลายโซนเวลา อีก ทั้งเป็นการกลับมาของสายนาฬิการูปทรงโซ่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคอลเล็กชัน Golden Ellipse และนาฬิกาโมเดลสำคัญที่มีการตีความใหม่ ร่วมกับฟังก์ชั่นการทำงานและการประดับตกแต่งภายนอกที่งดงามหลากหลาย
นาฬิกา World Time รุ่นใหม่ที่แสดงวันที่ของเวลาท้องถิ่น
นาฬิกา Patek Philippe รุ่น 5330 ซึ่งเป็นนาฬิการุ่น limited edition นำเสนอครั้งแรกในงานนิทรรศการอันยิ่งใหญ่ “Watch Art” Tokyo 2023 ปัจจุบันนี้ได้เข้ามารวมอยู่ในคอลเล็กชันปกติของบริษัท โดยนาฬิกาเวิลด์ไทม์รุ่นใหม่นี้ โดดเด่นด้วยการจดสิทธิบัตรเป็นครั้งแรกของโลก ด้วยการนำเสนอฟังก์ชันที่มีการแสดงผลของวันที่เป็นไปตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นฟังก์ชันการทำงานที่มีประโยชน์และใช้งานได้ง่าย Patek Philippe ได้พัฒนากลไกทำงานใหม่ คาลิเบอร์ 240 HU C กลไกไขลานอัตโนมัติที่ประกอบด้วยนวัตกรรมของ differential system (ระบบดิฟเฟอเรนเชียล) ซึ่งแสดงวันที่บริเวณรอบหน้าปัดด้วยเข็มนาฬิกาจากศูนย์กลาง กระจกใสปลายเข็มรูปทรงค้อนสีแดง World Time Reference 5330G-001 ตัวเรือนทองคำขาว หน้าปัดสีน้ำเงิน-เทาโอพะลีน กลางหน้าปัดตกแต่งด้วยลวดลาย “คาร์บอน”
สายนาฬิการูปทรงโซ่ใหม่ของนาฬิกา Golden Ellipse ที่เป็นตำนาน
นาฬิกา Golden Ellipse เปิดตัวในปี 1968 เป็นนาฬิกาที่มีรูปทรงตัวเรือนโดดเด่นเป็นที่รู้จักกันดี มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะในคอลเล็กชันของ Patek Philippe จนกระทั่งเมื่อต้นทศวรรษ 1980 นาฬิกาโมเดลนี้ได้นำเสนอออกมาในรูปแบบสายนาฬิกาหนัง ควบคู่กับตัวเลือกของสายนาฬิการูปทรงโซ่ หรือสายนาฬิกาข้อมือที่ทำจากโลหะล้ำค่า ปัจจุบันนี้ Patek Philippe ได้นำรูปแบบเดิมกลับมานำเสนอในนาฬิกา Golden Ellipse Reference 5738/1R-001 ใหม่ พร้อมด้วยสายนาฬิการูปทรงโซ่โรสโกลด์ที่หรูหรางดงามรับกับรูปทรงข้อมือ สวมใส่สบาย สะท้อนความประณีตงดงามของตัวเรือน ภายใต้ 15 ปีแห่งการพัฒนาสายนาฬิกาใหม่นำเสนอตัวล็อคสลักลวดลายพร้อมตำแหน่งการปรับ 3 ระดับ (ซึ่งง่ายมากในการปรับให้สั้นลง หรือยาวขึ้น) ร่วมกับรูปแบบโครงสร้างที่ทันสมัยได้รับสิทธิบัตร จึงทำให้สายนาฬิการูปทรงโซ่คลาสสิคนี้สามารถนำกลับมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้ง การประกอบและตกแต่งขั้นตอนสุดท้ายล้วนแล้วแต่รังสรรค์ด้วยมือ อันเป็นทักษะความชำนาญอันยาวนานขอ ช่างฝีมือผู้ผลิตสายนาฬิกาแบบโซ่ สายนาฬิกาใหม่นำเสนอเพื่อเสริมสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะให้กับนาฬิกา Golden Ellipse รุ่น 5788/1R-001 หน้าปัดสีดำเข้มกระจายแสง พร้อมมาร์คเกอร์บอกเวลาและเข็มนาฬิการูปทรง เพรียวบางทำจากโรสโกลด์ที่โดดเด่นชัดเจน ร่วมกับคาลิเบอร์ 240 กลไกไขลานอัตโนมัติขนาดบางพิเศษ ส่งผลให้นาฬิกาเรือนนี้มีความพิเศษของการเป็นนาฬิกาที่บางที่สุดในนาฬิกาคอลเล็กชันทั่วไปของ Patek Philippe
การเปลี่ยนแปลงอันประณีตงดงามของนาฬิกาสำหรับการเดินทาง
ตั้งแต่มีการแบ่งโลกออกเป็น 24 โซนเวลาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 Patek Philippe ได้ก้าวเคียงคู่ไปพร้อมๆ กับการ เติบโตอันรวดเร็วของการเดินทางข้ามทวีป ด้วยการนำเสนอนาฬิกาโมเดลซึ่งตอบสนองนักเดินทางที่เดินทางไปยัง สถานที่ที่มีเวลาแตกต่างกันทั่วโลก เมื่อทศวรรษที่ 1930 Patek Philippe ได้นำเสนอนาฬิกาเวิลด์ไทม์ซึ่งมีชื่อเสียง ในขณะที่ปัจจุบันนี้ Patek Philippe ได้สร้างสรรค์นาฬิกาดังกล่าวให้แสดงวันที่ของเวลาท้องถิ่น เช่นเดียวกับเมื่อปลายทศวรรษที่ 1950 ได้มีการเปิดตัวระบบ Travel Time แบบสองไทม์โซน หลังจากนั้นระบบดังกล่าวก็ได้นำมารังสรรค์อยู่ในนาฬิกาหลายรูปแบบ ซึ่งในวันนี้ Patek Philippe จะนำเสนอนาฬิกา 3 รุ่นใหม่ที่จะมาเพิ่มคุณค่าและความสำคัญโดดเด่นให้กับนาฬิกากลุ่มนี้
นาฬิกา Alarm Travel Time (ปี 2019) หัวใจสำคัญของนาฬิกาเพื่อการเดินทางในสไตล์นักบินที่สะท้อนความสปอร์ต หรูหรา ได้กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชั่นใหม่ พร้อมการรังสรรค์ในรูปแบบสีทูโทน โดยมีตัวเรือนโรสโกลด์ พร้อมแท่นปุ่มกดทองคำขาวทั้งสี่ปุ่ม นาฬิกา Alarm Travel Time Reference 5520RG- 001 ยังโดดเด่นด้วยหน้าปัดทูโทนสองสี ได้แก่ สีเทากระจายแสง และสีเทาเข้มกระจายแสง ร่วมกับตัวเลขบอกเวลา แบบอารบิค และเข็มรูปทรงดาบทองคำขาวสีเทาเข้มเคลือบสารเรืองแสง ทำงานด้วยคาลิเบอร์ AL 30-660 S C FUS กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมสิทธิบัตรของการปลุกเตือน 4 ฉบับ กลไกความซับซ้อน Grand Complication ได้ผนวกระบบ Travel Time ที่แสดงเวลาโซนที่สองเข้ากับกลไกการปลุกเตือน 24 ชั่วโมงด้วยกลไกการตีด้วยค้อนที่ให้เสียงแบบคลาสสิค นาฬิการุ่นนี้ได้รวมอยู่กับนาฬิกาคอลเล็กชัน รุ่น 5520P-001 ที่ทำจากแพลทินัม หน้าปัดสีดำเข้มกระจายแสง
หลังจากที่นาฬิกา Aquanaut Travel Time กลไกไขลานอัตโนมัติ เคยนำเสนอออกมาในเวอร์ชั่นสตีลและโรสโกลด์ ครั้งนี้เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในเวอร์ชั่นทองคำขาว พร้อมหน้าปัดสีน้ำเงิน-เทาโอพะลีน ที่รับเข้ากันกับสายนาฬิกาวัสดุคอมโพสิต ความกลมกลืนของสีช่วยเสริมความลำลอง สวยงามทันสมัยของนาฬิกาได้เป็นอย่างดี นาฬิกา Aquanaut Travel Time Reference 5164G-001 นำเสนอพร้อมกับคาลิเบอร์ 26-330 S C FUS กลไกไขลานอัตโนมัติ โดยมีระบบแสดงโซนเวลาที่สอง มองเห็นได้ชัดเจนและง่ายในการใช้งาน เพียงแค่กดปุ่ม 1 ปุ่มที่อยู่ตำแหน่งด้านซ้ายของกรอบตัวเรือนเพื่อให้เข็มชั่วโมงบอกเวลาท้องถิ่น (เข็มทึบ) เดินหน้าหรือถอยหลัง ซึ่งจะทำให้เวลาเปลี่ยนแปลงไป 1 ชั่วโมง โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ต่ออัตราความเที่ยงตรงของนาฬิกา วันที่จะแสดงด้วยเข็มบนหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาคู่ไปกับการแสดงเวลาท้องถิ่น
ในปี 2021 Patek Philippe ได้สร้างสรรค์นาฬิกาเพื่อการเดินทางสำหรับกลุ่ม Aquanaut ด้วยนาฬิกากลไกควอตซ์ที่มีฟังก์ชัน Travel Time พร้อมระบบการปรับตั้งด้วยเม็ดมะยมที่ใช้งานง่าย นาฬิกาควอตซ์ดังกล่าวเคยเปิดตัวด้วยเวอร์ชันตัวเรือนโรสโกลด์ ขอบหน้าปัดฝังเพชร หน้าปัดและสายนาฬิกาสีขาว ซึ่งครั้งนี้ Patek Philippe ได้นำเสนอนาฬิกา Aquanaut Travel Time Reference 5269R-001 ในเวอร์ชั่นใหม่โรสโกลด์ไม่ประดับเพชร ดึงดูดสายตาด้วยหน้าปัดสีน้ำเงิน-เทาโอพะลินที่สลักลวดลาย Aquanaut กลมกลืนกับสายนาฬิกาวัสดุคอมโพสิต พร้อมด้วยหัวเข็มขัดบานพับ ยึดด้วยตัวล้อคอิสระ 4 ตัว การตกแต่งด้วยขั้นตอนสุดท้ายนำเสนอผ่านการขัดเงาที่ตัดกับการขัดแบบซาติน เสริมสร้างความโดดเด่นลายเส้นของตัวเรือนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 38.8 มิลลิเมตร
นาฬิการูปแบบใหม่ในกลุ่มนาฬิการะบบปฏิทิน
ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิทินร้อยปีหรือ Perpetual Calendar อันล้ำค่า ที่มีนาฬิกาแกรนด์คอมพลิเคชั่นคลาสสิคดั้งเดิมอัน เป็นเลิศหรือระบบปฏิทินรายปีซึ่งบริษัทได้จดสิทธิบัตรในปี 1996 Patek Philippe ได้นำเสนอนาฬิการะบบปฏิทินที่หลากหลาย ซึ่งมีความโดดเด่นของรูปแบบภายนอกและโหมดการแสดงผลที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต่อไปนี้นาฬิกากลุ่มนี้จะยิ่งเพิ่มความครอบคลุมและน่าสนใจมากขึ้น
ในปี 2021 Patek Philippe ได้เปิดตัวนาฬิการะบบปฏิทินร้อยปีใหม่ที่มีการแสดงผลของวันที่ วัน และเดือนในช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยนำเสนอในโมเดลตัวเรือนแพลทินัม หน้าปัดสีน้ำเงินไล่เฉดสีดำสู่รอบนอก ครั้งนี้บริษัทได้นำนาฬิกาโมเดลแพลทินัมกลับมาสร้างสรรค์อีกครั้ง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากในอดีต ด้วยการนำเสนอหน้าปัดโรสโกลด์ประกายโอพะลีน พร้อมหลักบอกเวลาชั่วโมงรูปทรงบาตองเจียระไนเหลี่ยมและเข็มบอกเวลารูปทรงบาตองเจียระไนเหลี่ยม ทองคำขาวสีเทาเข้ม คาลิเบอร์ 31-260 PS QL กลไกไขลานอัตโนมัติที่บางเป็น พิเศษเสริมให้นาฬิการุ่นนี้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ร่วมกับ 3 สิทธิบัตร ร่วมกับจานเหวี่ยงขนาดเล็กทำจากแพลทินัมเพื่อ ช่วยเพิ่มกำลังในการหมุน นาฬิกา In-line perpetual calendar Reference 5236P-010 โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินไล่เฉดสีดำสู่รอบนอก ได้เข้ามาร่วมอยู่ในนาฬิกา เวอร์ชันแพลทินัมของคอลเล็กชันทั่วไป
นาฬิการุ่น 5160/500G-001 เวอร์ชั่นทองคำขาว ซึ่งเปิดตัวในปี 2016 ที่มาพร้อมฝาหลังกระจกแซฟไฟร์คริสตัลป้องกัน ด้วยฝากันฝุ่นบานพับ ขาตัวเรือนทรงตรงพร้อมระบบปฏิทินถาวรที่มีเข็มแสดงวันที่แบบตีย้อนกลับสไตล์ออฟฟิสเซอร์ ส่งผลให้นาฬิกาโมเดลนี้เป็นหนึ่งในโมเดลซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเรือนและส่วนกลางของหน้าปัดได้รับการแกะสลักด้วยมือทั้งหมด โดยครั้งนี้ Patek Philippe ได้นำนาฬิกาดังกล่าวกลับมาตีความใหม่อีกครั้งในโมเดลโรสโกลด์ หน้าปัดทองโอพะลีนสีเงิน ประกอบด้วยตัวเลขรูปทรงบริเกต์ทองคำขาวร่วมกับสีดำ และเข็มรูปทรงลูกแพร์ทองคำออกซิไดสีดำ ทำงานผ่านคาลิเบอร์ 26-330 S QR กลไกไขลานอัตโนมัติ นาฬิกา Rare Handcrafts Retrograde Perpetual Calendar Reference 5160/500R-001 ได้เข้ามาแทนที่นาฬิกาเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ที่ทำด้วยทองคำขาว
นาฬิกา Annual Calendar รุ่น 5396 สำหรับสุภาพบุรุษ ซึ่งเปิดตัวในปี 2006 พร้อมด้วยช่องหน้าต่างแสดงผลคู่ของ วัน/เดือน ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และช่องหน้าต่างแสดงวันที่ ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมหน้าปัดย่อยแสดงเวลา 24 ชั่วโมง ร่วมกับการแสดงผลข้างขึ้น-ข้างแรม ได้กลายมาเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก และ Patek Philippe ได้นำมาสร้างสรรค์เป็นเวอร์ชั่นใหม่ในรูปแบบทองคำขาว พร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินกระจายแสงสีดำไล่เฉดบริเวณรอบขอบ สะท้อนความเปล่งประกายด้วยหลักชั่วโมงทำจากเพชรเจียระไนทรงบาร์เกต (0.26 กะรัต) การตัดกันที่โดดเด่นนี้เสริมสร้างให้หน้าปัดอ่านได้ง่ายและดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ร่วมกับเข็มบอกเวลาทองคำขาวรูปทรงดอร์ฟินเจียระไนเหลี่ยมและเข็มวินาทีแบบกวาดรูปทรงเรียวบาง สายนาฬิกาหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้มที่เข้ากันได้อย่างลงตัวกับสีหน้าปัด เคียงคู่กับหัวเข็มขัดบานพับทองคำขาว นาฬิกา Annual Calendar Reference 5396G-017 รุ่นใหม่ประกอบด้วยคาลิเบอร์ 26-330 S QA LU 24H กลไกไขลานอัตโนมัติ
แนวคิดใหม่ของนาฬิกาสุภาพสตรีสไตล์สปอร์ตหรูหราร่วมกับเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง
ปัจจุบันนี้ Patek Philippe นำเสนอนาฬิกาคอลเล็กชันปกติที่หลากหลายแตกต่างกันประมาณ 150 รุ่น ซึ่งผลิตออกมา เป็นจำนวนไม่มากตั้งแต่ประมาณ 10 เรือนไปถึงกว่าหลายร้อยเรือนในทุกๆ ปี เป้าหมายของ Patek Philippe เพื่อให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาที่มีความหลากหลายรุ่นได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อสอดคล้องและสมดุลกับทุกๆ กลุ่มตลาด ในปี 2024 บริษัทจึงได้เฉลิมฉลองโมเดลอื่นของคอลเล็กชัน ด้วยการนำเสนอนาฬิกาที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ หน้าปัดใหม่ วัสดุตัวเรือนใหม่ การผสมผสานของสีใหม่และการประดับอัญมณีอันทรงคุณค่าใหม่
นาฬิกา Twenty~4 ladies’ ในรูปแบบตัวเรือนสตีล ประดับตกแต่งด้วยเพชร ซึ่งเปิดตัวในปี 1999 เป็นคอลเล็กชันแรกของ Patek Philippe ที่อุทิศทั้งหมดให้กับสุภาพสตรี โดยได้รับความสนใจและเป็นที่ชื่นชอบด้วยรูปแบบความสง่างดงามไร้ กาลเวลาที่เหมาะสมในทุกวาระโอกาส ในปี 2018 นาฬิกากลุ่มนี้ได้สร้างสรรค์ออกมาในรูปแบบนาฬิกาควอตซ์โมเดล “manchette” (หรือโมเดลสไตล์ข้อมือ) นำเสนอด้วยตัวเรือนทรงกลมสำหรับนาฬิกา Twenty~4 ladies’ Automatic ใหม่ และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 25 ปี ของนาฬิกาสุภาพสตรีที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง Patek Philippe จึงได้นำเสนอเวอร์ชั่นใหม่ของ “manchette” ในโมเดลโรสโกลด์ หน้าปัดที่มีความงดงามประณีตสำหรับนาฬิกา Twenty-4 Reference 4910/1201R-010 สลักลวดลายนูนของคลื่นแบบวงกลม ก่อนที่จะเคลือบด้วยแลคเกอร์ใสหลายชั้นด้วยความละเอียด โดยชั้นแรกจะเป็นการเคลือบด้วยสีม่วงอ่อน จากนั้นจึงเคลือบด้วยสีใสหลายชั้น เพื่อให้เกิดการสะท้อนเห็นแสงและความลึก
นาฬิกา Nautilus Flyback Chronograph กลไกไขลานอัตโนมัติ รุ่น 5980 เปิดตัวในปี 2006 โดยในปี 2010 เป็นต้นมา Patek Philippe ได้นำเสนอนาฬิการุ่นนี้ในเวอร์ชั่นโรสโกลด์ หรือทูโทนของสตีลและโรสโกลด์ พร้อมด้วยเข็มนาฬิการูปทรงบาตองกลมมนและหลักบอกเวลารูปทรงบาตองที่โดดเด่นจากทองคำขาวเคลือบสารเรืองแสงสีขาว สีของหน้าปัดมีความงดงามเคียงคู่กับสายนาฬิกาที่ให้มาสองสาย คือสายหนังลูกวัวสีน้ำเงิน-เทา สลักลวดลาย “เดนิม” ตัดกับตะเข็บเย็บด้วยมือสีขาว ในขณะที่สายนาฬิกาอีกสายทำจากวัสดุคอมโพสิตลวดลายผ้าสีน้ำเงิน-เทา ตัดกับตะเข็บเย็บสีขาว โดยที่หน้าปัดนาฬิกาสร้างสรรค์มาให้มีพื้นที่กว้างขึ้นเล็กน้อย นาฬิกา Nautilus Flyback Chronograph Reference 5980/60G-001 ติดตั้งด้วยคาลิเบอร์ CH 28-520 C กลไกไขลานอัตโนมัติ แสดงผลโครโนกราฟด้วยโมโนเคาร์เตอร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
หลังจากที่มีการนำเสนอระบบปฏิทินประจำปีสำหรับคอลเล็กชันอควานอตในเดือนมีนาคมปี 2023 และนาฬิกา Minute Repeater Joaillerie ในเดือนพฤศจิกายนปี 2023 Patek Philippe ยังคงสานต่อที่จะเพิ่มความโดดเด่นสมบูรณ์ให้กับกลุ่มนาฬิกา Aquanaut ด้วยนาฬิกา Aquanaut Luce Haute Joaillerie Reference 5268/461G-001 ทองคำขาวประดับเพชรและแซฟไฟร์สีน้ำเงิน ฝังอัญมณีแบบ “สโนว์” และ แบบ “บาเก็ต” ในขณะที่การฝังอัญมณีแบบตารางบนหน้าปัด ทำให้นึกถึงลวดลาย Aquanaut ของคอลเล็กชัน Aquanaut ขอบหน้าปัดนาฬิการูปทรงแปดเหลี่ยมกลมมน ประดับแซฟไฟร์รูปทรงบาเก็ตที่ค่อยๆ ไล่เฉดสีจากสีน้ำเงินอ่อนไปจนถึงสีน้ำเงินเข้ม ความกลมกลืนที่ละเอียดอ่อนนี้ต่อเนื่องไปจนถึงสายนาฬิกาวัสดุคอมโพสิตที่มีเฉดสีน้ำเงินเข้มใหม่ นาฬิกาติดตั้งด้วยคาลิเบอร์ 26-330 S กลไกไขลานอัตโนมัติ ที่สามารถมองผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์คริสตัล
สองวิวัฒนาการหลักสำหรับตราประทับ Patek Phillipe Seal
ตราประทับ Patek Phillipe Seal นำเสนอครั้งแรกในปี 2009 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ด้านคุณภาพ สำหรับนาฬิกากลไกการทำงานที่อธิบายชัดเจนถึงแก่นแท้และความโดดเด่นของคุณภาพ Patek Phillipe ตราประทับนี้ได้ถูกคิดค้นขึ้นโดยครอบครัวสเติร์น เพื่อเป็นตราคุณภาพสำหรับทุกสิ่งที่จะพัฒนาต่อเนื่องไป ตลอดจนเป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งบริษัทให้ความสำคัญ ด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าวที่ Patek Phillipe ดำรงไว้ บริษัทจึงสร้างให้เกิดวิวัฒนาการที่สำคัญสองประการสำหรับตราประทับ Patek Phillipe Seal
เกณฑ์ที่เข้มงวดเพื่อนำไปสู่อัตราความเที่ยงตรง
อัตราความเที่ยงตรงของนาฬิกา Patek Phillipe ได้มีการตรวจสอบในหลายช่วงระหว่างขั้นตอนการผลิต เริ่มต้นจากกลไกการทำงานที่ยังไม่ได้ประกอบเข้าในตัวเรือนจนถึงนาฬิกาที่สำเร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2009 การวัดอัตราความ เที่ยงตรงสุดท้ายดำเนินการโดยการจำลองเกี่ยวกับเคลื่อนไหว ซึ่งต้องสอดคล้องกับมาตรฐานความเที่ยงตรงต่อไปนี้ สำหรับคาลิเบอร์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 มิลลิเมตรหรือมากกว่านั้น อัตราความเที่ยงตรงต้องอยู่ภายในช่วง -3 และ +2 วินาทีต่อ 24 ชั่วโมง สำหรับคาลิเบอร์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 20 มิลลิเมตร อัตราความเที่ยงตรงต้องอยู่ ภายในช่วง -5 และ +4 วินาทีต่อ 24 ชั่วโมง สำหรับนาฬิกาที่มีกลไกตูร์บิยอง อัตราความเที่ยงตรงต้องอยู่ภายในช่วง -1 และ +2 วินาทีต่อ 24 ชั่วโมง (สำหรับนาฬิกากลุ่มสุดท้าย ค่าความคลาดเคลื่อนสูงสุดระหว่างอัตราเฉลี่ยของ นาฬิกาที่ตำแหน่งการวัดทั้ง 6 ตำแหน่ง และอัตราในแต่ละตำแหน่งต้องไม่เกิน 4 วินาที ต่อ 24 ชั่วโมง) ดังนั้นนาฬิกา ทุกเรือนที่ประกอบด้วย สายใยสไปโรแมกซ์ (Spiromax®) ทำจากซิลินวาร์ (Silinvar®) หรือสายใยบริเกต์ต้องสอดคล้องกับช่วงการยอมรับได้อันเข้มงวดที่ -1 และ +2 วินาทีต่อ 24 ชั่วโมง ความก้าวหน้าเหล่านี้เป็นผลจากการ พัฒนาศูนย์กลางของสายใยสไปโรแมกซ์ที่สมบูรณ์ ร่วมกับความก้าวหน้าในด้านเวลาที่เที่ยงตรงซึ่งPatek Phillipe ประสบความสำเร็จ นาฬิกากลไกทูร์บิญองที่เป็นไปตามช่วงของค่าความคลาดเคลื่อนอันเข้มงวดนี้ มาพร้อมกับใบรับรองที่บริษัทออกให้แยกแต่ละใบสำหรับนาฬิกาแต่ละเรือน และเป็นไปตามข้อกำหนดอัตราความเที่ยงตรงใน ตำแหน่งการวัดทั้ง 6 ตำแหน่ง
เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันสำหรับการกันน้ำ
เพื่อให้การนำเสนอข้อมูลแก่ลูกค้าเป็นไปในรูปแบบเดียวกันและอธิบายได้ชัดเจน Patek Phillipe ได้ตัดสินใจนำเสนอมาตรฐานการกันน้ำเดียวกันใหม่ โดยกำหนดไว้ที่ระดับ 30 เมตรสำหรับนาฬิกาทุกเรือนที่ได้รับการรับรองว่ากันน้ำได้ โดยการทดสอบในอากาศและใต้น้ำ ด้วยการนำนาฬิกาแช่ไว้ในน้ำที่มีแรงดัน 3 บาร์ (เทียบเท่าที่ระดับความลึก 30 เมตร) มาตรฐานนี้รับรองประสิทธิภาพการทำงานในระดับเดียวกันสำหรับนาฬิกาทุกโมเดลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นแล้วยังช่วยในการสื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายสำหรับลูกค้าเมื่อสวมใส่นาฬิกาใช้งานกับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ล้างมือ อาบน้ำ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ รวมถึงการดำน้ำถึงระดับความลึก 30 เมตรซึ่ง ตรงกับส่วนมากที่ใช้งานจริง
การรับประกันสากล 5 ปี สำหรับนาฬิกาใหม่
งานแสดง Watches and Wonders Salon 2024 ยังเป็นโอกาสของ Patek Phillipe ที่จะประกาศถึงวิวัฒนาการที่เกี่ยวกับการรับประกันสากล สำหรับนาฬิกา Patek Phillipe ใหม่ทุกเรือนที่ขายในวันที่หรือตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ระยะเวลาการรับประกันนาฬิกาจะขยายจาก 2 ปี ไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จากวันที่ซื้อนาฬิกา นอกจากโอกาสใหม่ที่นำเสนอให้แก่ลูกค้าแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะตระหนักถึงแนวทางของตราประทับ Patek Phillipe Seal ที่ได้รวบรวมคำสัญญาจากเครือข่ายบริการลูกค้าสากล ซึ่งระบุถึงการให้บริการ การซ่อมแซม และการฟื้นฟูนาฬิกาทุกเรือนที่ผลิตโดยบริษัทตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทในปี 1839 โดยสรุปทุกอย่างได้มีการจัดเตรียมไว้เพื่อสร้างความมั่นใจได้ถึงความน่าเชื่อถือระยะยาวของนาฬิกาเหล่านี้ที่ได้รับการออกแบบและผลิต เพื่อส่งต่อให้กับรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567