Last updated: 2 มิ.ย. 2567 | 473 จำนวนผู้เข้าชม |
เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของ Sincere Fine Watches แบรนด์ Moritz Grossmann ขอนำเสนอผลงานรุ่นพิเศษ HAMATIC Astral Sincere Platinum Jubilee Edition (ฮามาติก แอสทรัล ซินเซีย แพลทินัม จูบิลี่ เอดิชั่น) ที่เปี่ยมเสน่ห์ ด้วยหน้าปัดโกลด์สโตน (goldstone) อันน่าหลงใหล ให้สัมผัสประสบการณ์ที่เปลี่ยนผ่านของเวลาบนฉากหลังที่เปรียบประดุจท้องฟ้าที่เปล่งประกายแวววาว นาฬิกาสุดพิเศษเรือนนี้ แสดงให้เห็นถึงศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกาที่เป็นเลิศ โดยมอบสุนทรียศาสตร์อันน่าหลงใหลที่ได้รับการยืนยันด้วยงานฝีมือที่เป็นแบบอย่างอันงดงาม
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ช่วงเวลาขณะหนึ่งที่เปลี่ยนจากอนาคตสู่ปัจจุบันไปสู่อดีต ทิ้งความทรงจำที่ราวกับแสงที่ห่างไกลของดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ด้วยผลงานพิเศษรุ่น HAMATIC Astral Sincere Platinum Jubilee Edition แบรนด์ Moritz Grossmann ไม่เพียงแต่เฉลิมฉลองให้กับวาระครบ 70 ปีแห่งความทุ่มเทอย่างจริงใจในการพัฒนาความชื่นชอบนาฬิกาในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความคาดหวังจากผู้ค้าปลีกต่อโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดที่รออยู่ข้างหน้า ในการสร้างสรรค์ความโดดเด่นนี้ แบรนด์ได้ผสมผสานแก่นแท้ของบทกวีเข้ากับความแม่นยำทางกลไกจักรกลที่ก้าวล้ำอย่างไร้รอยต่อ การสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอกที่น่าหลงใหลนี้ ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความสามารถเชิงเทคนิคของผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติเยอรมันเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างแบรนด์และผู้ค้าปลีกอีกด้วย
จักรวาลที่กำลังหมุน ด้วยพื้นหน้าปัดหินสีทองที่แวววาว
นาฬิกา HAMATIC Astral ถือเป็นการเปิดตัวหน้าปัดหินสีทองสำหรับนาฬิกา Mortiz Grossmann ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน หน้าปัดโกลด์สโตนก็แสดงให้เห็นถึงรูปแบบที่ละเอีอดอ่อนแต่น่าหลงใหล โทนสีทองและน้ำเงินของประกายจากจุดทอแสงที่เรืองสว่างตัดกับพื้นหลังสีน้ำเงินมิดไนท์บลู ชวนให้นึกถึงภาพจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมาย และช่วงเวลาที่น่าจดจำซึ่งสะสมอยู่ในห้วงเวลา
หน้าปัดโกลด์สโตนของกาแล็กซี่ที่น่าพิศวงทำหน้าที่เป็นเสมือนประตูเชิงสัญลักษณ์ที่นำเสนอภาพรวมของอดีต ปัจจุบันและอนาคตไปพร้อมๆ กัน ทำให้หน้าปัดนี้เป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของประวัติศาสตร์และมรดกที่สืบทอดมายาวนานตลอด 70 ปีของ Sincere Fine Watches ได้เป็นอย่างดี
การทำหน้าปัดโกลด์สโตน: สรรค์สร้างผ่านศิลปะแห่งการทำแก้ว
กระบวนการผลิตโกลด์สโตนสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีที่สืบทอดมายาวนานของการผลิตนาฬิกา ที่ได้รับการค้นพบโดยบังเอิญในเมืองเวนิสเมื่อศตวรรษที่ 17 โกลด์สโตนผลิตโดยการหลอมแก้วด้วยความร้อนสูงพร้อมกับการเติมทองแดง ที่ต้องใช้ความระวังในการควบคุมอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันความร้อนที่สูงเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้คือ ผลึกเล็กๆ แวววาวที่แผ่กระจายฝังอยู่ภายในวัสดุ ซึ่งต้องใช้ความเขี่ยวชาญรอบด้านในการตัด ขัดเงาและการหล่อที่จะทำให้โกลด์สโตนเป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับหน้าปัดนาฬิกา
โกลด์สโตนช่วยเสริมดีไซน์วินเทจของนาฬิกาเรือนนี้ให้โดดเด่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เปล่งประกายรัศมีแห่งความสง่างามและความประณีต เสริมด้วยการใช้สีทองและตัวอักษรวินเทจของโลโก้ M. Grossmann นาฬิกาเรือนนี้ยังโดดเด่นด้วยเข็มทรงลูกแพร (poiré-shaped) ทำด้วยทองโรสโกลด์ ภาษาการออกแบบที่สวยงามและสอดคล้องกัน เป็นการแสดงถึงความเคารพต่อประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อของการผลิตนาฬิกาในเยอรมนี ซึ่งพัฒนาด้วยเครื่องจักรอันทันสมัย แต่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันทรงคุณค่าที่น่าหลงใหลไว้เสมอ
แรงบรรดาลใจจากกลไกอัตโนมัติชุดแรกของโลก
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลายคนสนใจแนวคิดในเรื่องของการเคลื่อนที่อันเป็นนิรันดร์โดยปราศจากการขับเคลื่อนด้วยแหล่งพลังงานภายนอกใดๆ ในขอบเขตของศาสตร์แห่งเครื่องบอกเวลา ความอัศจรรย์อันน่าหลงใหลนี้พบได้จากความชาญฉลาดของการใช้พลังงานจลน์ที่เกิดจากผู้สวมใส่ ซึ่งย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 18 ผู้บุกเบิกการผลิตนาฬิกาได้แนะนำนาฬิกากลไกอัตโนมัติเรือนแรกของโลกที่ใช้ตุ้มเหวี่ยงขึ้นลานในรูปค้อน โดยหัวค้อนที่มีน้ำหนักจะควบคุมการเหวี่ยงของพลังงานจลน์ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ได้อย่างหลักแหลม
ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิดดั้งเดิมนี้ วิศวกรกลไกที่ Grossmann ได้แสดงความเคารพต่อมรดกทางศาสตร์แห่งการผลิตนาฬิกาด้วยการเปิดตัวชุดกลไก คาลิเบอร์ 106.0 กลไกอันน่าที่งชุดนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงกลไกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน สะท้อนถึงงานฝีมืออันเป็นเลิศของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นคืนความงามอันน่าหลงใหลชองระบลูกตุ้มทรงค้อนอีกด้วย คาลิเบอร์ 106.0 ได้รับการปกป้องภายในกรอบที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน และเปิดส่วนกลาง เผยให้เห็นการทำงานร่วมกันอันน่าอัศจรรย์ของสปริงค้อนและหัวห้อนสีทองอันโดดเด่น
ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ที่โปร่งใสเผยให้ชื่นชอบการเต้นรำอย่างเป็นจังหวะของระบลูกตุ้มได้อย่างเต็มตา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ Moritz Grossmann ที่มีต่อนวัตกรรมและประเพณีดั้งเดิม
รูปทรงและฟังก์ชั่น: คาลิเบอร์ 106.0
กลไก Hamatic ที่ขึ้นลานด้วยชิ้นส่วนกลไกทรงค้อนที่เหวี่ยงขึ้นลานในสองทิศทางช่วยให้มั่นใจในการขึ้นลานที่มีประสิทธิภาพและให้การส่งกำลังมีความสม่ำเสมอ เพื่อการทำงานที่มีความแม่นยำสูงและเชื่อถือได้ ด้วยพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง เมื่อขึ้นลานจนเต็ม นาฬิกาจึงสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติตลอดทั้งสุดสัปดาห์หรือสามวัน โดยที่ผู้สวมใส่มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด
ข้อได้เปรียบสำคัญประการหนึ่งของระบบลูกตุ้มทรงค้อนอยู่ที่ตำแหน่งเชิงกลของจุดศูนย์กลางมวลรวมของค้นที่สัมพันธ์กับแกนหมุน คาลิเบอร์ 103.0 ได้รับการออกแบบอย่างตั้งใจด้วยรูปทรงนี้ เพื่อสร้างแรงบิดที่สำคัญ จึงสามารถส่งแรงขึ้นลานสปริงได้ และแม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยแค่เปลี่ยนตำแหน่ง 5 องศาจากจุดเริ่มต้น หรือเพียงแค่การแกว่งสองมิลลิเมตร พลังงานจลน์จะถูกเก็บอย่างมีประสิทธิภาพไว้ในตลับลานของกลไก
กลไกนี้สร้างสรรค์โดย Mortiz Grossman และได้รับการปรับแต่งอย่างเหมาะสม เพื่อจับคู่กับการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ด้วยการโก่งตัวของแกนค้อนที่กว้างขึ้น การเคลื่อนไหวที่แรงยิ่งขึ้นจะถูกลดทอดกำลังลงอย่างระมัดระวังด้วยสปริงที่ยึดติดอยู่ด้านปลายที่สร้างสรรค์อย่างประณีตภายในเฟรมของค้อน ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยที่ทำให้รัศมีของวงสวิงเล็กลง จะลดการสูญเสียแรงเสียดทานลงอย่างมาก และรับประกันการส่งต่อพลังงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกเหนือจากความสามารถในการขึ้นลานอัตโนมัติแล้ว นาฬิกายังมีฟังก์ชั่นการไขลานด้วยมือ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกโดยแกนไขที่ติดตั้งสะพานจักรที่แยกจากกัน การออกแบบนี้ช่วยให้แน่ใจว่า การไขลานด้วยมือจะแยกจาก เฟืองล้อ (ratchet wheel) เสมอ เมื่อระบบ Hamatic เปิดใช้งานเมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อมือ ในทางกลับกัน เมื่ออยู่ในโหมดการขึ้นลานแบบด้วยมือ เฟืองทดจะถูกแยกจากเฟืองล้อด้วยเฟืองหลังที่ควบคุมความปลอดภัยในการหมุนของเฟือง
นาฬิกา Moritz Grossmann HAMATIC Astral Sincere Platinum Jubilee Edition ได้รับการสลักหมายเลขประจำเรือนด้วยมือไว้ด้านหลังตัวเรือนโรสโกลด์ นาฬิกามาพร้อมสายสีน้ำเงินที่ทำด้วยหนังจระเข้ และประดับโลโก้ฉลองครบรอบ 70 ปีบนฝาหลังที่โปร่งใส ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 10 เรือน
เกี่ยวกับ Sincere Fine Watches
นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1954 Sincere Fine Watches กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหายากและความประณีต โดยมีคอลเลกชั่นนาฬิกาอันวิจิตรบรรจบที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันชาญฉลาดของนักสะสมนาฬิกา ปัจจุบัน ผู้ค้าปลีกรายนี้ได้ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมด้วยบูติกที่มีมากกว่า 20 แห่งทั่วเอเชีย รวมถึงร้านที่ดำเนินการโดย Pendulum Ltd. (เพนดูลัม) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Sincere Watch Limited ภายใต้การบริหารของ Sincere ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 1992 Pendulum Ltd. มีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกอุตสาหกรรมนาฬิกาหรูสำหรับตลาดประเทศไทย และได้สร้างจุดยืนที่มั่นคงในตลาดนี้ ปัจจุบัน ผลงานหลากหลายของกรุ๊กที่ครอบคุลมแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมากกว่า 40 แบรนด์ ความน่าสนใจของคอลเลกชั่นสุดพิเศษจากแบรนด์อันทรงเกียรติมากมายและตลาดที่กว้างขวาง Cortina Holdings (คอร์ทิน่า โฮลดิ้งส) เข้าซื้อกิจการของ Sincere ในวันที่ 16 มีนาคม 2021 ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ช่วยให้ผู้ค้าปลีกใช้ประโยชน์จากจุดเด่นในการการเข้าถึงลูกค้า และเครือข่ายจำหน่ายของ Cortina Holdings ทำให้ Sincere ขยายการทำธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเองในฐานะตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ระดับหรูชั้นนำของภูมิภาค และเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกา
เกี่ยวกับนาฬิกา Moritz Grossmann
Moritz Grossmann (มอริทซ์ กรอสสแมนน์) เกิดในเมืองเดรสเดน เมื่อปี 1826 นับเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ในหมู่ช่างนาฬิกาที่ยิ่งใหญ่ของเยอรมนี ในปี 1854 Ferdinand Adolph Lange (เฟอร์ดินานด์ อดอล์ฟ ลังเงอ) เพื่อนของเขา ได้ขักชวนช่างนาฬิกาอายุน้อยที่มีพรสวรรค์มาร่วมก่อตั้งเวิร์กช้อปการทำกลไกของตนเองขึ้นเมืองกลาสฮุตเตอ นอกจากจะสร้างธุรกิจการผลิตนาฬิกาที่ได้รับการยอมรับแล้ว Grossmann ยังมุ่งมั่นในด้านการเมืองและสังคม เขาได้ก่อตั้งโรงเรียนการผลิตนาฬิกาแห่งเยอรมนีขึ้นเมือ่ปี 1878 Moritz Grossmann เสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1885 หลังจากนั้นโรงงานผลิตของเขาก็หยุดดำเนินการ
จิตวิญญาณแห่งการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงของ Moritz Grossmann ได้หวนกลับมามีชีวิตอีกครั้งในปี 2008 เมื่อช่างซ่อมนาฬิกาที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นอย่าง Christine Hutter (คริสติน ฮัตเตอร์) ได้ค้นพบแบรนด์แห่งกลาสฮุตเตอที่น่านับถือและจดทะเบียนใหม่อีกครั้ง เธอพัฒนาแนวคิดและได้แรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูมรดกของ Grossmann ในอีกกว่า 120 ปีต่อมา ด้วยนาฬิกาข้อมือที่มีความประณีตสุดพิศษ เธอโน้มน้าวให้ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิการ่วมสนับสนุนเธอในการทำฝันให้เป็นจริง เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2008 เธอได้ก่อตั้งบริษัท Grossmann Uhren GmbH ขึ้นในเมืองกลาสฮุตเตอ ช่างทำนาฬิกาที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ใน Grossmann กำลังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโดยไม่ลอกเลียนแบบนาฬิกาจากประวัติศาสตร์ แต่ใช้นวัตกรรม งานฝีมืออันยอดเยี่ยม ผสมผสานวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมและกระวนการผลิตร่วมสมัย รวมไปถึงวัสดุล้ำค่า พวกเขาได้เฉลิมฉลองให้กับ Schönstes deutsches Handwerk (งานฝีมือเยอรมันที่สวยงามที่สุด) ด้วยเครื่องบอกเวลาของพวกเขา
5 พ.ย. 2567
6 พ.ย. 2567
7 พ.ย. 2567
1 พ.ย. 2567