Last updated: 18 มิ.ย. 2567 | 560 จำนวนผู้เข้าชม |
สําหรับผลงานการรังสรรค์ครั้งล่าสุดนี้ Rolex ได้นําเสนอนาฬิการะดับไอคอนของแบรนด์ ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ผ่านการผสมผสานวัสดุ สีสัน และพื้นผิว เพื่อสร้างนาฬิกาปี 2024 ให้เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นและสะท้อนให้เห็นถึงความยึดมั่นในเจตนารมณ์แห่งศิลปะของช่างทํานาฬิกาที่มากด้วยความรู้และความชํานาญ อีกทั้งยังได้ส่งมอบคุณภาพที่เหนือระดับครอบคลุมแม้กระทั่งรายละเอียดที่เล็กที่สุด โดย Rolex ได้นําเอาความรู้ความเชี่ยวชาญชั้นเลิศด้านการผลิตนาฬิกา มารังสรรค์เรือนเวลาใหม่นี้ภายใต้แนวทางแห่งความสมดุลที่สอดประสานระหว่างฟังก์ชันการทํางานกับความงดงาม ประสิทธิภาพกับความเลอค่า ตลอดจนขนบประเพณีดั้งเดิมกับนวัตกรรมนําสมัย
PERPETUAL 1908
สง่างามทุกการเคลื่อนไหว
Perpetual 1908 มาพร้อมวัสดุแพลทินัม 950 และหน้าปัดสีไอซ์บลู ซึ่งเป็นเฉดสีอันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสําหรับนาฬิกา Rolex ที่ผลิตจากวัสดุโลหะล้ำค่าชนิดนี้เท่านั้น หน้าปัดลายกิโยเช่ที่ตกแต่งด้วยลวดลายเม็ดข้าว แสงที่ตกกระทบลวดลายที่นูนสูงขึ้นมา เหล่านี้จะสะท้อนประกายหลากหลายรูปแบบที่แปรผันไปตามจังหวะการขยับข้อมือ นาฬิการุ่นใหม่นี้ยังคงยืนหยัดสะท้อนความหรูหราและความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การวาดลวดลายบนหน้าปัดใช้กระบวนการกิโยเช่หรือการกลึง ซึ่งเป็นเทคนิคการตกแต่งโดยใช้เครื่องกลึงเพื่อสร้างลวดลายเรขาคณิตลงบนพื้นผิว การตกแต่งชวนให้นึกถึงการผลิตนาฬิกาในแบบฉบับดั้งเดิม ส่วนลายโรเซตต์ตรงส่วนแสดงวินาทีขนาดเล็กในตําแหน่ง 6 นาฬิกาได้เติมแต่งให้นาฬิกาเรือนนี้มีบุคลิกโดดเด่นอย่างชัดเจน
นาฬิการุ่น 1908 โฉมใหม่คือผลงานชิ้นเอกที่มีความโดดเด่นซึ่งหาได้ยากยิ่ง ทั้งในส่วนของหน้าปัดเงาวาวและงานฝีมือแสนประณีต ในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การออกแบบหน้าปัดไปจนถึงการเซาะร่องขอบตัวเรือนที่ละเอียดพิถีพิถัน รวมถึงตกแต่งขอบด้วยลวดลายกิโยเช่รอบขีดบอกนาทีด้วย
OYSTER PERPETUAL DAY-DATE
ความหลากหลายที่กลมกลืน
หน้าปัดออมเบรสีฟ้า-เขียว หรือในรูปแบบที่ทําจากเปลือกหอยมุกสีขาวของแท้ ประดับด้วยตัวเลขโรมันแยกส่วนทรงเหลี่ยมพร้อมเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม รวมถึงขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ทั้งหมดนี้ล้วนรังสรรค์ขึ้นสําหรับ Day-Date เวอร์ชันใหม่ อันแสดงให้เห็นถึงปณิธานของ Rolex ที่ต้องการนําเสนอผลงานแห่งความเชี่ยวชาญที่หลากหลายและหายากในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเล็กน้อยสักเพียงใด ทั้งสีสัน วัสดุ ลวดลาย และเครื่องหมายบอกชั่วโมง ล้วนผสานสร้างความกลมกลืนอย่างลงตัวให้รูปลักษณ์โฉมใหม่
Oyster Perpetual Day-Date 40 โฉมใหม่เปิดตัวพร้อมดีไซน์สองรูปแบบ เวอร์ชันแรกเป็น Everose gold 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสีเทาอมน้ำเงินออมเบร ดีไซน์นี้เผยให้เห็นการผันเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนจากสีโทนสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีโทนมืดตรงขอบ การ ไล่เรียงเฉดสีที่กลมกลืนนี้ต้องอาศัยกระบวนการผลิตที่มีความเที่ยงตรงแม่นยําอย่างมาก ส่วนอีกเวอร์ชันหนึ่งใช้วัสดุทองคําขาว 18 กะรัต และมาพร้อม หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวของแท้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสําหรับรุ่น Day-Date 40 เปลือกหอยมุกเนื้อละเอียดที่หายากนี้ได้ฉายประกายแวววาวงดงามที่แปรเปลี่ยนเป็นแสงสะท้อนอันน่าทึ่งในหลากหลายรูปแบบ ขณะที่พื้นผิวซึ่งมีความหนาและระดับแตกต่างกันทําให้ดูคล้ายเกลียวเมฆที่เรียงซ้อนกัน และสรรค์สร้างประกายสะท้อนยามต้องแสงสว่าง โดยมีเครื่องหมายบอกชั่วโมงประดับเพชร ทรงสี่เหลี่ยมยาว 10 เม็ดที่ขับเน้นความแวววาวให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
นาฬิการุ่น Oyster Perpetual Day-Date 36 ได้รับการเปิดตัว ในสองรูปโฉมใหม่ด้วยเช่นกัน เวอร์ชันแรกทําจากทองคํา 18 กะรัต มีหน้าปัดเคลือบเงาสีขาว ประดับด้วยตัวเลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมพร้อมเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม ซึ่งเครื่องหมายบอกชั่วโมงที่มีผิวเรียบเป็นเงาและก่อนหน้านี้มีเฉพาะในรุ่น Day-Date 40 เท่านั้น ช่วยเสริมความโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยความชัดเจน
ส่วนรุ่น Day-Date 36 ได้รับการนําเสนอในรูปแบบ Everose gold 18 กะรัต ที่มาพร้อมหน้าปัดสีฟ้า-เขียว สีเข้มลุ่มลึกที่เพิ่ม เข้ามาใหม่สำหรับรุ่นนี้ยิ่งดูงดงามเจิดจรัส เมื่อเคียงคู่กับขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 60 เม็ด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนําขอบตัวเรือนในรูปแบบนี้มาใช้กับนาฬิกา Day-Date 36 รุ่นทองคํา 18 กะรัต
OYSTER PERPETUAL GMT-MASTER II
สะท้อนอารมณ์
นับเป็นครั้งแรกที่ Oyster Perpetual GMT-Master II ที่รังสรรค์ ขึ้นจาก Oystersteel มาพร้อมกับขอบหน้าปัด Cerachrom แบบ เซรามิกสีเทาและสีดํา การจับคู่โทนสีขรึมในลักษณะนี้เริ่มมีขึ้นในปี 2023 เพื่อเป็นนัยสื่อถึงการเปลี่ยนผ่านระหว่างช่วงเวลากลางวันและกลางคืน โดยวัสดุของนาฬิกาโฉมใหม่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมของนาฬิการุ่นนี้ไว้ด้วยการเปิดตัวเฉพาะรุ่นที่ผลิตจากสตีลเท่านั้น สายนาฬิกามีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ สายนาฬิกา Oyster และสาย นาฬิกา Jubilee ซึ่งต่างก็ผสมผสานความเรียบหรูและประสิทธิภาพการใช้งานเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
หน้าปัดเคลือบเงาสีดําพร้อมสลักคําว่า “GMT-Master" สีเขียว โดยเข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงก็ยังเป็นสีเขียวด้วยเช่นกัน ซึ่งดูคล้ายกับเส้นแสงที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับโลกใบนี้ นอกจากจะแสดงเขตเวลาอื่นที่เลือกไว้แล้ว เข็มนาฬิกายังชี้ไปยังอีกตําแหน่งที่ตั้งหนึ่งที่สอดคล้องกับผู้สวมใส่ ซึ่งเป็นการแจ้งบอกอารมณ์ความรู้สึกของนักเดินทางแต่ละคนด้วย
OYSTER PERPETUAL ROLEX DEEPSEA
แสงสว่างกลางห้วงลึก
Oyster Perpetual Rolex Deepsea โฉมใหม่ คือนาฬิกาสําหรับนักดําน้ำใต้ทะเลลึกเรือนแรกของ Rolex ที่ใช้วัสดุทองคํา 18 กะรัต และมาพร้อมความโดดเด่นทั้งในส่วนของการเลือกใช้สีน้ำเงินและการผสมผสานวัสดุที่ยังไม่เคยมีมาก่อนอย่างการนําวัสดุทองคํามาใช้ร่วมกับเซรามิกและไทเทเนียม RLX สําหรับการรังสรรค์เรือนเวลา ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความเชี่ยวชาญชั้นยอดของ Rolex ทั้งในด้านวัสดุและการเล่นสี
แหวนอัดทําจากเซรามิกสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทางเทคนิคที่เป็นแนวทางใหม่ในการนําวัสดุชนิดนี้มาใช้ผลิตตัวเรือนนาฬิกา วงแหวน Cerachrom ลายชาตินแบบวงกลมนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบ Ringlock ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมตัวเรือนที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพนาฬิกาให้สามารถต้านทานแรงดันมหาศาลในระดับความลึกที่สูงมาก ขณะที่วาล์วคายฮีเลียมซึ่งทําหน้าที่ปกป้องประสิทธิภาพของนาฬิกาในระหว่างกระบวนการคลายแรงดัน ได้รับการผลิตขึ้นจากไทเทเนียม RLX เช่นเดียวกับตัวเรือนด้านหลัง สีที่สอดผสานอย่างกลมกลืนของหน้าปัด ขอบหน้าปัด และแหวนอัดคือความสําเร็จอันเด่นชัดที่ได้รับการเติมแต่งให้สมบูรณ์แบบ ยิ่งขึ้นด้วยตัวเรือนที่ทําจากทองคํา 18 กะรัต และสายนาฬิกา Oyster เลอค่าด้วยเทคนิคอันล้ําหน้า สง่างามและเปี่ยมล้นด้วยนวัตกรรมนำสมัย และเป็นเรือนเวลาที่นํามาซึ่งความกระจ่างกลางห้วงลึก โดย Rolex Deepsea เวอร์ชันใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อความโดดเด่นเป็นเลิศใต้ท้องทะเลลึกอย่างแท้จริง
OYSTER PERPETUALCOSMOGRAPH DAYTONA
โฉมใหม่แห่งตํานานอมตะ
Rolex เปิดตัว Oyster Perpetual Cosmograph Daytona โฉมใหม่สองรุ่น โดยมีหน้าปัดเป็นเปลือกหอยมุกธรรมชาติสีขาวตัดกับสีดําา พร้อมด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชร องค์ประกอบที่ปรับเปลี่ยนใหม่ของเรือนเวลาระดับตํานานรุ่นนี้มาพร้อมความสมบูรณ์แบบแห่งสมดุลระหว่างความเที่ยงตรงและความเลอค่า โดยเฉดสีที่ละเมียดละไมของนาฬิกาเรือนนี้สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การฟังอัญมณีไปจนถึงศิลปะการผลิตหน้าปัดนาฬิกา นี่คืออีกบทหนึ่งในตํานานของนาฬิกาที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย และแสดงถึงศักยภาพแห่งการพัฒนาสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องที่ซ่อนอยู่ในตัวเราทุกคน
เรือนเวลาทั้งสองรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นจากทองคําาขาว 18 กะรัต และโดดเด่นด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกสองสีธรรมชาติ รุ่นหน้าปัดสีขาวจะใช้ส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดํา ส่วนรุ่นหน้าปัดสีดําจะใช้ส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีขาว ความตัดกันระหว่างคู่สีตรงข้ามและระดับ ความเข้มของสีสันที่เลือกใช้ ตลอดจนประกายแวววาวที่สะท้อนเด่นชัดเหล่านี้เป็นผลจากการบรรจงคัดสรรวัสดุด้วยมาตรฐานอันเข้มงวด เปลือกหอยมุกทั้ง 2 แบบถูกนํามาใช้ผลิตด้วยความประณีต สูงสุดโดยช่างศิลป์ของ Rolex เรือนเวลาโฉมใหม่ทั้งสองรุ่นนี้มาพร้อมขอบตัวเรือนประดับเพชรเจียระไนเหลี่ยมเกสร 36 เม็ด และสายนาฬิกาที่เข้ากับสีของส่วน แสดงเวลาขนาดเล็ก โดยรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดําจะใช้สาย Oysterflex ส่วนรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีขาวจะใช้สายนาฬิกา Oyster
Oyster Perpetual Sky-Dweller
ส่องประกายสอดประสาน
ความละเอียดซับซ้อน เทคนิคที่เหนือชั้น และความโดดเด่นเฉพาะตัว คือคุณสมบัติของ Oyster Perpetual Sky-Dweller ที่ในครั้งนี้มาพร้อมกับสายนาฬิกา Jubilee และมีให้เลือกทั้งในรุ่นทองคําและ Everose gold 18 กะรัต นาฬิการุ่น Sky-Dweller นี้ออกแบบมา เพื่อให้นักเดินทางสามารถค้นหาทิศทางของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว โดยยังคงความหรูหราและความรื่นรมย์ในทุกสัมผัสแห่งการรับรู้
รูปแบบการเรียงข้อสายต่างขนาดและรูปแบบพื้นผิวสลับกัน โดยจัดวางข้อสายขัดเงาเรียบขนาดเล็กให้อยู่ตรงกลาง ส่วนข้อสายขัดเงาซาตินขนาดใหญ่ให้อยู่ด้านนอกนั้น ช่วยขับเน้นสายนาฬิกา Jubilee ที่ทําจากทองคํา 18 กะรัตให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งจากประกายแวววาวและรูปทรงที่กลมกลืนสอดรับกันอย่างลงตัว เมื่อจับคู่กับหน้าปัดสีเทาอมน้ำเงินในรุ่น Everose gold 18 กะรัต และหน้าปัดสีขาวเข้มในรุ่นทองคํา 18 กะรัต ก็ยิ่งทําให้สายนาฬิการุ่นนี้สร้างความประทับใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของก้านสอดเซรามิกที่ทางแบรนด์ออกแบบเองและถูกสอดไว้ในข้อสายนาฬิกา ซึ่งช่วยเสริมความทนทานในการใช้งานและเพิ่มความยืดหยุ่นเมื่อสวมใส่บนข้อมือ
เกี่ยวกับ Rolex
เหนือชั้นด้วยคุณสมบัติและ ความเชี่ยวชาญ
Rolex เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาอิสระแบบครบวงจรสัญชาติสวิส โดยมีสํานักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเจนีวา และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั่วโลกทั้งในด้านความเชี่ยวชาญของแบรนด์และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศ ความหรูหราสง่างาม และเกียรติภูมิ กลไกการทํางานของนาฬิการุ่น Oyster Perpetual และ Perpetual ผ่านการ รับรองโดย COSC และมีการทดสอบเป็นการภายในอีกครั้งเพื่อรับประกัน ความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ การรับรอง Superlative Chronometer ซึ่งใช้ตราสัญลักษณ์กรีนซีลนั้นเป็นเครื่องหมายที่ยืนยันว่า นาฬิกาแต่ละเรือนได้ผ่านการทดสอบภายในห้องปฏิบัติการของ Rolex ตามเกณฑ์ที่บริษัทกําหนด นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระภายนอกอยู่เป็นระยะ
นาฬิกา Oyster ของ Rolex ทุกเรือนมีคําว่า “Perpetual สลักไว้นี่ ไม่ใช่เพียงถ้อยคำธรรมดาที่ประดับไว้บนหน้าปัด หากแต่เป็นปรัชญาที่สะท้อนวิสัยทัศน์และค่านิยมของบริษัท Hans Wilsdorf ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทได้ปลูกผังแนวคิดเรื่องความเป็นเลิศที่ยั่งยืนอันเป็นรากฐานที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้พัฒนาก้าวหน้า นี่คือสิ่งที่ทําให้ Rolex กลายเป็นผู้นําที่บุกเบิกการพัฒนานาฬิกาข้อมือรวมถึงนวัตกรรมสําคัญมากมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตนาฬิกา เช่น Oyster ซึ่งเปิดตัวในปี 1926 และถือเป็นนาฬิกาข้อมือที่สามารถกันน้ำได้เรือนแรกของโลก รวมถึงกลไกขึ้นลานอัตโนมัติด้วยโรเตอร์ Perpetual ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นในปี 1931 Rolex ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรไว้มากกว่า 600 ฉบับ ตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Rolex มีโรงงานสี่แห่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งทําหน้าที่ออกแบบ พัฒนา และผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาเองเกือบทั้งหมด โดยครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการหลอมโกลด์อัลลอยด์ ไปจนถึงการตัดเฉือน การแกะสลัก การประกอบ และการตกแต่งกลไกการทํางาน ตัวเรือน หน้าปัด และสายนาฬิกา นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนงานศิลปะวัฒนธรรม กีฬาและการสํารวจ รวมทั้งส่งเสริมการดาเนินงานต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่ออนุรักษ์โลกด้วย
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567