HOTEL LA PALMA

Last updated: 30 เม.ย 2568  |  182 จำนวนผู้เข้าชม  | 

HOTEL LA PALMA

โฮเทล ลา ปาลมา (Hotel La Palma) โรงแรมระดับมาสเตอร์พีซแห่งแรกของเอิตเคอร์ คอลเลกชั่น (Oetker Collection) ในอิตาลี ประกาศเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2568

อาคารสุดไอคอนิกแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อ 200 ปีที่แล้ว แต่มีการปรับปรุงใหม่และเปิดตัวในชื่อ โฮเทล ลา ปาลมา ซึ่งมีชื่อเสียงในระดับโลกเมื่อปีพ.ศ. 2566 ในจำนวนห้องพักทั้งหมด 50 ห้อง มีห้องสวีต 18 ห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ทุกห้องออกแบบมาเพื่อเน้นความเป็นส่วนตัว มาพร้อมระเบียงที่มองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของเกาะ โดยมีห้อง La Palma Suite ที่ถือเป็นสุดยอดแห่งความเป็นเลิศด้านการออกแบบ ผลงานสร้างสรรค์ของฟรานซิส ซัลตานา (Francis Sultana) ที่เฉลิมฉลองมรดกอันทรงคุณค่าของเกาะคาปรี เสริมด้วยความงามสมัยใหม่ที่ละเอียดประณีตและทันสมัย

โฮเทล ลา ปาลมา พร้อมเปิดตัวต้อนรับฤดูกาลแห่งปี 2568 ด้วยประสบการณ์การรับประทานอาหารใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นและกิจกรรมสุดพิเศษที่คัดสรรมาอย่างดีในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ฤดูร้อนบนเกาะคาปรีของคุณกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร


ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม
โฮเทล ลา ปาลมา ยังคงสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับลักชัวรีไดนิ่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคัดสรรเมนูอาหารที่ยอดเยี่ยม ซึ่งแต่ละจานได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของการต้อนรับแบบอิตาเลียนและเสน่ห์อันไม่สามารถเลียนแบบของเกาะคาปรี

เบียงกา รูฟท็อป (Bianca Rooftop) คือส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโรงแรม ที่นี่เตรียมเปิดตัวแนวคิดการรับประทานอาหารใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งจะยกระดับการรับประทานอาหารบนรูฟท็อปในคาปรี ด้วยการผสมผสานแรงบันดาลใจจากสเต๊กเฮาส์คลาสสิกกับบาร์อาหารดิบ กลายเป็น เบียงกา รูฟท็อป การ์เน เอ กรูโด (Bianca Rooftop Carne & Crudo) โฉมใหม่ซึ่งนำเสนอการตีความที่ทันสมัยและโดดเด่นในการเสิร์ฟเนื้อชั้นดีและอาหารทะเลสด ๆ ผสมผสานทั้งความหรูหรา พลัง และชีวิตชีวาของคาปรี ยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารให้เป็นความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนใต้แสงดาว ที่ซึ่งรสชาติอันยอดเยี่ยมมาพร้อมกับวิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจและค็อกเทลที่สร้างสรรค์รสชาติอย่างประณีต

ที่ห้องอาหารเจนนาโรส์ (Gennaro's Restaurant) การรับประทานอาหารแบบอิตาเลียนอันเปี่ยมด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งได้รับการเฉลิมฉลองด้วยการผสมผสานความทันสมัย ด้วยแรงบันดาลใจจากความอบอุ่นและเสน่ห์ต้นตำรับของร้านอาหารแบบดั้งเดิม พื้นที่ที่ทั้งหรูหราและอบอุ่นนี้เชิญชวนให้แขกได้สัมผัสรสชาติอาหารเมดิเตอร์เรเนียนคลาสสิกที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่ดีที่สุด ภายใต้การดูแลของเชฟโจวานนี บาวุโซ (Giovanni Bavuso) อาหารทุกจานบอกเล่าเรื่องราวของรสชาติ ความดั้งเดิม และนวัตกรรม สร้างประสบการณ์ที่ทั้งสง่างามและลึกซึ้งในวัฒนธรรมการทำอาหารของเกาะคาปรี

สำหรับผู้ที่มองหาบรรยากาศที่เรียบหรูและผ่อนคลาย ลา ปาลมา บาร์ แอนด์ เทอร์เรซ (La Palma Bar & Terrace) ซึ่งหันหน้าออกสู่ถนนวิตโตริโอ เอมานูเอลเล (Via Vittorio Emanuele) ถนนสายสำคัญบนเกาะคาปรีที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของถนนสายแฟชั่นในอิตาลี เปิดบริการตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ให้คุณนั่งผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่การละเลียดกาแฟร้อนสักแก้วในตอนเช้า ดื่มอะเปริติโวในช่วงบ่าย จิบเครื่องดื่มเพลิน ๆ ยามค่ำคืน หรือสนุกไปกับดนตรีสดในอีเวนต์พิเศษของโรงแรม

ลา ปาลมา บีชคลับ (La Palma Beach Club) ตั้งอยู่ริมชายหาดในบริเวณ มารีนา ปิกโกลา (Marina Piccola) ถ่ายทอดแนวคิดของการพักผ่อนหรูหราแบบเท้าเปล่า (barefoot luxury) ได้อย่างงดงาม ท่ามกลางทัศนียภาพของน้ำทะเลใสสะอาด แขกผู้มาเยือนจะได้สัมผัสรสชาติแห่งคาปรีอย่างแท้จริง ผ่านเมนูอาหารทะเลสดใหม่ที่คัดสรรจากท้องทะเลในแต่ละวัน และอาหารตามฤดูกาลที่เปี่ยมไปด้วยสีสันและความสดชื่น ไม่ว่าจะเดินทางมาทางเรือหรือจากตัวโรงแรม ลา ปาลมา บีชคลับ พร้อมมอบประสบการณ์การพักผ่อนเหนือระดับ ท่ามกลางบรรยากาศหรูหราเป็นกันเอง โดยมีเสียงคลื่นคอยขับกล่อมช่วงเวลาแห่งการอาบแดดให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

คุณอิเมลดา ชลาคู (Imelda Shllaku) ผู้จัดการทั่วไปของโฮเทล ลา ปาลมา เผยว่าปรัชญาการทำอาหารของโรงแรมยึดโยงกับการเชิดชูรสชาติท้องถิ่นควบคู่ไปกับแนวทางที่ยั่งยืน เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกร ชาวประมง และช่างฝีมือในท้องถิ่น เพื่อคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพสูงสุด โดยมุ่งมั่นให้อาหารทุกจานถ่ายทอดเรื่องราวของคาปรีและมรดกทางอาหารอย่างลึกซึ้ง เมนูต่าง ๆ ถูกออกแบบตามฤดูกาล เน้นรสชาติแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่แท้จริงและบริสุทธิ์ พร้อมใส่ใจในเรื่องการลดขยะอาหารและการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ เราเชื่อว่าความหรูหราที่แท้จริง อยู่ที่ความแท้จริงของวัตถุดิบและความซื่อสัตย์ในที่มา ที่สำคัญที่สุด เราต้องการให้แขกของเราได้สัมผัสวัฒนธรรมการทำอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมลิ้มลองรสชาติแห่งประวัติศาสตร์ของคาปรีและดินแดนแคมปาเนียได้อย่างเต็มอิ่ม


ความร่วมมือพิเศษ
โฮเทล ลา ปาลมา ภาคภูมิใจในการเปิดตัวความร่วมมือสุดพิเศษแห่งฤดูกาลปี 2568 ซึ่งยังคงเป็นปีแห่งความมุ่งมั่นในการเฉลิมฉลองมรดกอิตาเลียน งานฝีมือ และนวัตกรรม โดยจับมือกับแบรนด์ชั้นนำในแวดวงลักชูรีและการออกแบบที่ล้วนเป็นตัวแทนของความเป็นเลิศในแบบฉบับอิตาเลียน

วาเล็กซ์ตรา (Valextra) ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2480 ที่มิลาน เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่เรียบง่ายอย่างมีระดับ งานฝีมือที่ไร้ที่ติ และความเป็นเลิศแบบ 'Made in Italy' มีชื่อเสียงเรื่องผลิตภัณฑ์เครื่องหนังสุดประณีต บ่งบอกความเป็นเลิศของอิตาลีในด้านความละเอียดของงานฝีมือ ด้วยการผสมผสานการออกแบบที่เหนือกาลเวลาเข้ากับสไตล์สมัยใหม่ สำหรับฤดูกาลปี 2568 โฮเทล ลา ปาลมา เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับวาเล็กซ์ตรา เพื่อสร้างสรรค์โปรเจ็กต์พิเศษที่อุทิศแก่แก่นแท้ของคาปรี ผ่านการออกแบบกระเป๋าถือสองรุ่นพิเศษของวาเล็กซ์ตราซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสีสันอันโดดเด่นของโฮเทล ลา ปาลมา ได้แก่ Iside x La Palma และ Micro Raffia Tote x La Palma สองผลงานที่เปี่ยมด้วยหรูหรา และสะท้อนสีสันสดใสของสภาพแวดล้อมอันร่มรื่นของโรงแรม และในการเฉลิมฉลองการร่วมมือครั้งนี้ โฮเทล ลา ปาลมา จะจัด Trunk Show สุดพิเศษ ซึ่งแขกจะได้สัมผัสกระเป๋าทั้งสองรุ่น พร้อมกับผลงานออกแบบชิ้นโดดเด่นต่าง ๆ ของวาเล็กซ์ตรา

ความร่วมมืออันยาวนานของโฮเทล ลา ปาลมา กับแบรนด์ดังจากเนเปิลส์อย่าง อี. มาริเนลลา (E. Marinella) ยังคงดำเนินต่อไปอย่างน่าภาคภูมิใจ แบรนด์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศในงานตัดเย็บเสื้อผ้าผู้ชายที่หรูหรา ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2457 โดยดอน ยูเจนิโอ มาริเนลลา (Don Eugenio Marinella) ที่เมืองเนเปิลส์ โดยเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ ที่เชี่ยวชาญด้านเนกไทและเสื้อเชิ้ตที่ทำด้วยมือ ได้แรงบันดาลใจจากสไตล์การตัดเย็บเสื้อผ้าแบบอังกฤษ ซึ่งตลอดช่วงระยะเวลาหลายปี คุณภาพที่ไม่เหมือนใครและความใส่ใจในทุกรายละเอียดทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับจากสังคมชั้นสูงของเนเปิลส์และผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นจากทั่วโลก จนมีชื่อเสียงโดดเด่นในวงการเสื้อผ้าลักชัวรีของผู้ชาย และในปัจจุบัน ภายใต้การนำของโมริซิโอ (Maurizio) และอเลซซานโดร มาริเนลลา (Alessandro Marinella) ทายาทรุ่นที่สามและสี่ของครอบครัว อี. มาริเนลลา ยังคงรักษามรดกงานฝีมือไว้ ผสานกับการเปิดรับความหรูหราสมัยใหม่


อิซาอิยา (Isaia) ยังคงสืบสานจิตวิญญาณแห่งการตัดเย็บแบบเนเปิลส์ แบรนด์นี้ได้เข้ามาเปลี่ยนโฉมแฟชั่นลักชูรีของผู้ชายด้วยแนวทางที่โดดเด่นในการนำเสนอความสง่างาม ก่อตั้งขึ้นในเมืองเนเปิลส์ในช่วงทศวรรษ 1920s ก่อนจะกลายมาเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของสไตล์อิตาเลียนที่เปี่ยมด้วยความประณีต เป็นที่รู้จักจากการตัดเย็บที่ไร้ที่ติ เนื้อผ้านวัตกรรม และโลโก้ปะการังแดงอันเป็นเอกลักษณ์ ในฤดูกาลนี้ โฮเทล ลา ปาลมา ยินดีต้อนรับแบรนด์อิซาอิยาด้วยเวิร์กช็อปสุดพิเศษในเดือนกรกฎาคม ซึ่งแขกจะมีโอกาสได้สัมผัสกับคอลเลกชั่นล่าสุดของแบรนด์ พูดคุยกับช่างตัดเสื้อผู้เชี่ยวชาญ และสำรวจศิลปะการตัดเย็บแบบเนเปิลส์ในบรรยากาศที่เติมเต็มมรดกของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์

การเฉลิมฉลองสไตล์อิตาเลียนจะสมบูรณ์แบบไปไม่ได้เลยหากขาดไวน์ชั้นเลิศ และ แบลลาวิสตา (Bellavista) หนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี ได้ร่วมมือกับโฮเทล ลา ปาลมา เพื่อเพิ่มมิติให้กับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสในฤดูกาลแห่งปี 2568 แบลลาวิสตาก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2520 โดยวิตโตริโอ โมเร็ตติ (Vittorio Moretti) สร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่โดดเด่นที่สุดในฟรานเชียคอร์ตา (Franciacorta) ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของอิตาลีที่มีชื่อเสียงในด้านไวน์สปาร์กลิงคุณภาพเยี่ยม แบลลาวิสต้ายึดมั่นในปรัชญาของความแม่นยำ ความเรียบง่าย และความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับผืนแผ่นดิน ทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตไวน์ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละขวดจะสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของฟรานเชียคอร์ตา และความหลงใหลของผู้ที่ปลูกมัน โดยปัจจุบัน มีฟรานเชสกา โมเร็ตติ (Francesca Moretti) นักชิมไวน์ของครอบครัว (ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากริชาร์ด โจฟฟรอย (Richard Geoffroy)) เป็นผู้นำทีมช่างเทคนิคในโรงบ่มไวน์และไร่องุ่น แขกจะได้สัมผัสรสชาติของกูเวส์ (cuvées) หรือการผสมไวน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเบลลาวิสตาผ่านการชิมและการจับคู่ไวน์ที่คัดสรรมาแล้ว ซึ่งจะยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ห้องอาหารเจนนาโรส์, ห้องอาหาร ลา ปาลมา บาร์ แอนด์ เทอร์เรซ และ ลา ปาลมา บีชคลับ

“เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการรักษาเอกลักษณ์แห่งการบริการแบบอิตาเลียนไว้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งเปิดรับนวัตกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของแขกผู้มาเยือน” อิเมลดา ชลาคู ผู้จัดการทั่วไป กล่าว

“ความร่วมมือกับแบรนด์อิตาเลียนระดับตำนานเหล่านี้ ช่วยเติมเต็มความสมดุลระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและงานฝีมือชั้นสูงกับบรรยากาศหรูหราทันสมัยได้อย่างลงตัว เป็นการผสมผสานกันอย่างกลมกลืนซึ่งทำให้เรามอบประสบการณ์ที่ทั้งคงคุณค่าเหนือกาลเวลาและก้าวล้ำไปข้างหน้า ทั้งยังถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งชุมชนที่เราต้องการให้แขกผู้มาเยือนได้สัมผัส”


กิจกรรมและอีเวนต์พิเศษ
โฮเทล ลา ปาลมา เตรียมยกระดับประสบการณ์ในคาปรีในฤดูกาลนี้ด้วยกิจกรรมและอีเวนต์สุดพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจ สะท้อนแก่นแท้ของความสง่างาม สไตล์ และความหรูหราที่ไม่มีวันล้าสมัยของอิตาลี

ด้วยความร่วมมือกับ อี. มาริเนลลา แบรนด์อิตาเลียนระดับตำนานซึ่งมีชื่อเสียงในการสร้างสรรค์เนคไททำมือที่มีเอกลักษณ์ ผ้าพันคอไหมอันประณีต และเอ็กเซสเซอรี่สุดพิเศษทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง โฮเทล ลา ปาลมา ขอนำเสนอ เวเนดรี อิตาเลียโน (Venerdì Italiano) อีเวนต์พิเศษทุกวันศุกร์เย็น ให้แขกได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศหรูหราที่ ลา ปาลมา บาร์ แอนด์ เทอร์เรซ พร้อมเพลิดเพลินกับดนตรีสดจาก The LP Band ที่จะมาเติมเต็มรสชาติของอาหารอิตาเลียนและไวน์ชั้นเลิศซึ่งคัดสรรมาเป็นอย่างดี

งาน เวเนดรี อิตาเลียโน ซาร์โตริอาเล (Venerdì Italiano Sartoriale) หรือกิจกรรมโชว์ศิลปะการตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยมือจากแบรนด์เนเปิลส์สุดหรูนี้จะจัดขึ้นเดือนละครั้ง โดยมีช่างเย็บของแบรนด์อี. มาริเนลลา มาเยือนที่คาปรี แขกจะได้เห็นและสัมผัสกระบวนการการทำเนคไททำมือรวมถึงการสร้างสรรค์เอ็กเซสเซอรี่ต่าง ๆ โดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เป็นการนำเสนอความทุ่มเทในมรดกในงานฝีมือแบบเนเปิลส์ ร่วมกับความทันสมัยและสไตล์ที่ไม่เหมือนใครในใจกลางคาปรี

ส่งท้ายช่วงวีคเอนด์กับ ซันเดย์ บรันช์ เมนูอาหารแสนอร่อยในบรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลายที่ห้องอาหาร ลา ปาลมา บาร์ แอนด์ เทอร์เรซ เพื่อเติมพลังให้คุณก่อนเข้าสู่สัปดาห์ใหม่ แต่สำหรับกลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ซันเดย์ บรันช์ จะเปลี่ยนเป็น โดลเช วิตา (Dolce Vita)ให้แขกได้สัมผัสกับจิตวิญญาณแท้ของฤดูร้อนในคาปรี ทุกบ่ายวันอาทิตย์ โรงแรมจะเนรมิตบรรยากาศที่แสนมีชีวิตชีวาด้วยเสียงดนตรีสด ๆ จากดีเจ ค็อกเทลสูตรพิเศษ และช่วงเวลาแสนพิเศษให้คุณดื่มด่ำอะเปริติโว (Aperitivo) ถ่ายทอดความงามของสไตล์อิตาเลียน ดนตรี และเสน่ห์อันแสนผ่อนคลายของชีวิตแบบ La Dolce Vita


และสุดท้าย สำหรับผู้ที่อยากย้อนเวลากลับไปสู่ยุคทองของดนตรีและแฟชั่น งาน Bring Back the 80’s ที่เบียงกา รูฟท็อป การ์เน เอ กรูโด พร้อมพาคุณสัมผัสค่ำคืนแห่งความทรงจำ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิก เคล้าเสียงเพลงจากยุค '80s แขกจะได้เพลิดเพลินกับค็อกเทลธีมพิเศษ เต้นรำใต้แสงดาว และดื่มด่ำไปกับเสน่ห์ของยุค '80s ที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในสไตล์คาปรีอย่างแท้จริง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้