TAG HEUER Monaco

TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิส เฉลิมฉลองการเป็น Title Partner เจ้าแรกให้กับการแข่งขัน Formula 1 TAG Heuer Grand Prix de Monaco กับงาน “TAG Heuer Monaco Moment: Where Time Meets Speed” จัดขึ้น ณ ONE BANGKOK เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา โดยภายในงานได้มีการเปิดตัวนาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจากคอลเลกชัน TAG Heuer Monaco สุดคลาสสิกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานของแบรนด์กับโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต พร้อมแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการทั้งเซเลบริตี้ อย่าง เจษ-เจษฎ์พิพัฒ และเหล่านักแข่งรถ รวมไปถึงบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ร่วมด้วยดร.วิทย์ สิทธิเวคิน มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาตร์ของคอลเลกชัน Monaco อันเป็นตำนานและเฉลิมฉลองค่ำคืนนี้

เรื่องราวระหว่าง TAG Heuer และการแข่งขัน Monaco Grand Prix เปรียบเสมือนบทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์แห่งเรือนเวลาที่บอกเล่าถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม ความเร็ว และความหรูหราเหนือกาลเวลา TAG Heuer คือแบรนด์แรกที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Chronograph ตัวเรือนสี่เหลี่ยมในปี 1969 ซึ่งนับเป็นเรือนแรกของโลกที่ผสานกลไก Automatic Chronograph เข้ากับตัวเรือนทรงเหลี่ยมที่กันน้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ มรดกแห่งความกล้าท้าทายนี้ ได้รับการสานต่อจนกลายเป็นสัญลักษณ์คู่กับสนามแข่งอันเป็นตำนานอย่าง Monaco Grand Prix การแข่งขันที่สะท้อนความคลาสสิก ความหรูหรา และความเร็วได้อย่างเต็มเปี่ยม

การกลับมาครั้งนี้ TAG Heuer เปิดตัวนาฬิการุ่นลิมิเต็ดจากคอลเลกชัน TAG Heuer Monaco ทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ นาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph Stopwatch ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 970 เรือนทั่วโลก โดยใช้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาจับเวลา Heuer ในช่วงทศวรรษ 1970s ซึ่งเป็นยุคทองของแบรนด์และมอเตอร์สปอร์ต ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 11 ที่สืบทอดจากรุ่นดั้งเดิม สายหนังลูกวัวเจาะรูได้แรงบันดาลใจจากถุงมือขับรถแข่งในอดีต ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความแม่นยำและสมรรถนะสูงในแบบ TAG Heuer พร้อมนาฬิกา TAG Heuer Monaco Chronograph x Gulf รุ่นใหม่ ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งความเร็วจากรุ่นต้นแบบปี 1969 ด้วยกลไก Calibre 11 และเม็ดมะยมด้านซ้ายอันเป็นเอกลักษณ์ และแรงบันดาลใจจากชุดแข่งของ Steve McQueen ในภาพยนตร์เรื่อง Le Mans สู่ดีไซน์หน้าปัดสีเงินโดดเด่นด้วยลายเส้นสีฟ้า-ส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gulf และโลโก้ Heuer แบบวินเทจ ตัวเรือนขัดทราย มาพร้อมสายผ้าสีขาวตามแบบของชุดแข่ง และสายหนังลูกวัวสีน้ำเงิน ผลิตในจำนวนจำกัด 971 เรือน อันเป็นการรำลึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Le Mans ที่ออกฉายในปี 1971 และยังสะท้อนรากเหง้าแห่งจิตวิญญาณมอร์เตอร์สปอร์ตและความร่วมสมัยของ TAG Heuer ได้อย่างลงตัว

งานครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนักแสดงชื่อดัง เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ที่มาร่วมถ่ายทอดเสน่ห์ของนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph ที่สื่อถึงจิตวิญญาณของนักแข่งผู้เปี่ยมไปด้วยแพสชันและความแม่นยำ โดยภายในงาน เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ได้สวมนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Chronograph ซึ่งเป็นรุ่นที่มาพร้อมดีไซน์คลาสสิก ด้วยหน้าปัดน้ำเงินสุดไอคอนิกกลไก TH 20-00 พร้อมหน้าปัดย่อยโครโนกราฟสองหน้าปัด เสริมความสุขุมด้วยสายหนังจระเข้น้ำเงินที่คงความเร้าใจไว้อย่างเต็มเปี่ยม

ขณะเดียวกันยังมีเหล่าบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ สื่อมวลชน และเหล่านักสะสมนาฬิกา ภายในงานยังได้รับความสนใจจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์และแฟชั่น อาทิ ไปป์-บรม ที่สวมใส่ TAG Heuer Carrera Black Aligator  ไปจนถึงนักแข่งรถรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงอย่าง โรเตอร์-ทองเจือ และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์อื่นๆอีกมายมาย บรรยากาศค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ และการก้าวข้ามขีดจำกัด พร้อมเป็นผู้นำนวัตกรรมในโลกแห่งความเร็ว โดย TAG Heuer ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณ “Designed to Win” ได้อย่างสมบูรณ์แบบในค่ำคืนแห่งตำนาน

เกี่ยวกับ TAG Heuer
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดยเอดูอาร์ด ฮอยเออร์ (Edouard Heuer) ณ เทือกเขาจูรา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SE (“LVMH”) กลุ่มธุรกิจลักชัวรีชั้นนำของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองลาโชว์-เดอ-ฟงด์ (La Chaux-de-Fonds) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีโรงงานผลิตทั้งหมด 4 แห่ง พร้อมทีมงานกว่า 1,900 คน และดำเนินธุรกิจใน 139 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของ TAG Heuer วางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ www.tagheuer.com ในบางประเทศ รวมถึง     บูติกกว่า 260 แห่ง และจุดจำหน่ายกว่า 2,300 แห่งทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทดำเนินงานภายใต้การนำของ อองตวน ปิน (Antoine Pin) CEO ของ TAG Heuer

ตลอดระยะเวลากว่า 165 ปี TAG Heuer ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์เรือนเวลาในแบบอาวองการ์ดอย่างแท้จริง พร้อมยึดมั่นในนวัตกรรมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลไก Oscillating Pinion สำหรับนาฬิกาจับเวลาเชิงกลในปี 1887 การเปิดตัว Mikrograph ในปี 1916 การเปิดตัวกลไกโครโนกราฟแบบไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก Calibre 11 ในปี 1969 และการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์หรูรุ่นแรกในปี 2015 ปัจจุบัน คอลเลกชันหลักของแบรนด์ประกอบด้วยสองตระกูลไอคอนิกที่ออกแบบโดย แจ็ค ฮอยเออร์ (Jack Heuer) ได้แก่ TAG Heuer Carrera และ TAG Heuer Monaco เสริมด้วยคอลเลกชันร่วมสมัยอย่าง TAG Heuer Aquaracer, Formula 1, Link และ Connected

TAG Heuer ได้สะท้อนปรัชญาใหม่ “Designed to Win” (สร้างสรรค์สู่ชัยชนะ) อย่างชัดเจน โดยสานต่อมรดกแห่งนวัตกรรมอันกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และสมรรถนะระดับสูง ความร่วมมือและแบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังของแบรนด์ล้วนสะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนในการฝ่าขีดจำกัด และพร้อมส่งมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมในทุกช่วงเวลาสำคัญ

#TAGHeuerThailand #TAGHeuerMonaco #TAGHeuer
www.tagheuer.com @TAGHeuer