Last updated: 22 ก.ค. 2568 | 162 จำนวนผู้เข้าชม |
1) A family of fragrances
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ FENDI เผยโฉมคอลเล็กชั่นน้ำหอม
ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษแห่งเมซงโรมัน FENDI เผยโฉมความเป็นตัวตนผ่านรูปแบบใหม่ ด้วยแง่มุมที่เข้าถึงง่ายและยังใกล้ชิดกับผิวยิ่งขึ้น คอลเล็กชั่นน้ำหอมเอ็กซ์คลูซีฟนี้บรรจุจิตวิญญาณของเมซง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันยาวนาน สะท้อนคุณค่า และพาเราดื่มด่ำสู่วัฒนธรรมครอบครัวอันเป็นเอกลักษณ์ของ FENDI
เรื่องราวเกี่ยวกับกลิ่นหอมนี้เกิดขึ้นจากรากฐานในปี ค.ศ. 1925 เมื่อ Adele Casagrande Fendi และ Edoardo Fendi สามีของเธอเปิดตัวเวิร์คช็อปด้านขนเฟอร์และสินค้าเครื่องหนัง ณ กรุงโรม ซึ่งเป็นการส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จากผู้นำตระกูลสู่สตรีผู้แข็งแกร่งที่เป็นทั้งผู้สร้างและให้แรงบันดาลใจผ่านครอบครัวซึ่งมีความผูกพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษ การเล่าเรื่อง ความมีชีวิตชีวา ตัวตน และความล้ำค่า รวมไปถึงความหลงใหล จนมาเป็นเรื่องเรื่องราวบทสรุปอนาคตของการผลิตน้ำหอม
น้ำหอม บุคลิกเฉพาะตัว และสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวดั่งครอบครัว คอลเล็กชั่นนี้เปรียบเสมือนคำเชิญสำหรับการร่วมเดินทางไปพบกับความสัมพันธ์และบุคคลสำคัญของ FENDI
2) FENDI ROMA
เมืองที่ปลุกทุกประสาทสัมผัส
ผู้คนสามารถเยี่ยมชมกรุงโรมได้ผ่านทั้งทางสายตา หัวใจ และสัมผัสถึงกลิ่นได้ด้วยจมูก ตั้งแต่กลิ่นของก้อนหินและหินอ่อนที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวันในขณะที่ดวงอาทิตย์กระจายแร่ธาตุออกมา หรือกลิ่นหอมของต้นสนร่ม (umbrella pines) ความสดชื่นของสวนด้วยเหล่าพันธุ์ไม้อย่าง ต้นลอเริล (laurel) ต้นกุหลาบ และต้นผกากรอง (lantana) กลิ่นหอมอันโดดเด่นของเครื่องหนังจากการเวิร์คช็อปของช่างฝีมือ สิ่งนี้เหล่าเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่ากรุงโรมคือเมืองแห่งน้ำหอม FENDI หัวใจหลักแห่งกรุงโรม อันเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมตะวันตก อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของชีวิตอันแสนหวาน (Dolce Vita) ที่ถูกอธิบายโดย Federico Fellini นอกจากนี้ยังรวมถึงความหรูหราด้วยการผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความงดงามและความแปลกใหม่ พร้อมการผสมผสานสิ่งที่แต่งต่างอย่างความอลังการและความเรียบง่ายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยแท้จริงแล้ว FENDI มีความเป็นโรมันก่อนจะแปรผันมาเป็นแบบอิตาเลียน ซึ่งเมซงได้สะท้อนคุณค่าของเมืองด้วยการน้อมรับประวัติศาสตร์ และการเปรียบเปรยถึงจิตวิญญาณของเมืองนี้
3) Incarnations
น้ำหอมแห่งเรื่องราวของตำนานครอบครัว
น้ำหอมแต่ละกลิ่นได้รับแรงบันดาลใจมาจากบุคคลสำคัญที่โดดเด่นในครอบครัวที่ผูกพันกันอย่างใกล้ชิดนี้ ความทรงจำของพวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักปรุงน้ำหอมรังสรรค์เรื่องราวผ่านกลิ่นหอมที่แสดงออกถึงแต่ละองค์ประกอบ พร้อมด้วยความอ่อนโยน ความมีอารมณ์ขัน และความเรียบง่าย
Prima inter pares คือ Adele Casagrande Fendi หรือ ผู้นำตระกูลนี้ สื่อถึงโชคชะตาและความสำเร็จของ FENDI ด้วยน้ำหอมกลิ่น Casa Grande ที่นับเป็นสัญลักษณ์ของเมซงอันยิ่งใหญ่ Anna Fendi ลูกสาวของเธอและหนึ่งในพี่น้อง Fendi ผู้เป็นตำนาน พร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Dolce Bacio สะท้อนถึงความทรงจำของความรักจากแม่
Silvia Venturini Fendi ทายาทรุ่นที่สามของครอบครัว ผู้สร้างสรรค์กระเป๋าไอคอนิกอย่างกระเป๋า Baguette และกระเป๋า Peekaboo โดยมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Perché No ซึ่งเป็นวลีที่เธอใช้ติดปาก เพราะ FENDI ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ลูกสาวสองคนของเธออย่าง Leonetta Luciano Fendi และ Delfina Delettrez Fendi ทายาทรุ่นที่สี่ของครอบครัว มาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่น Ciao amore ซึ่งสื่อถึงการทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ และน้ำหอมกลิ่น Semper Mio ที่บ่งบอกถึงรากฐานที่สืบสานมาจากมรดก
ส่วนฝาแฝดวัยเยาว์ของ Delfina อย่าง Tazio และ Dardo Vascellari Delettrez Fendi กับน้ำหอมกลิ่น La Baguette นำเสนอถึงความเรียบง่ายอันประณีตที่มาบรรจบกับกระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์
น้ำหอมแต่ละกลิ่นได้เชิญชวนให้ค้นพบสวนแห่งความลับที่ร้อยเรียงเรื่องราวของคอลเล็กชั่นนี้
“คอลเล็กชั่นน้ำหอมได้บอกเล่าเรื่องราวของ FENDI จากอีกมุมมองหนึ่ง และแสดงออกถึงแก่นแท้ของเมซงในรูปแบบที่แตกต่าง ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวในหลากหลายภาษา ในปัจจุบัน FENDI เราสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าเราได้สำรวจและใช้ทุกประสาทสัมผัส” กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi
วางจำหน่ายเฉพาะในร้านบูติก FENDI และที่ fendi.com โดยน้ำหอมเหล่านี้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของเมซงผ่านภาษาแห่งการปรุงน้ำหอม
ในขณะที่ FENDI กำลังฉลองครบรอบ 100 ปี เมซงยืนหยัดในความมุ่งมั่นในประเพณี รวมถึงวิสัยทัศน์ที่ทันสมัยอย่างเด็ดเดี่ยว ด้วยน้ำหอมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามอันน่าหลงไหลของกรุงโรม เมืองนิรันดร์และเมืองแห่งต้นกำเนิด Eaux d’Artifice มีกลิ่นหอมหวานของการเฉลิมฉลอง ย้ำเตือนว่า FENDI คือ ‘irei, oggi, domani’ (เมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้) น้ำหอมนี้นำจิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลองทั้งหมดมาไว้ในชื่อ เพราะดอกไม้ไฟในภาษาฝรั่งเศษเรียกว่า feux d’artifice
4) Eaux d’Artifice – Delfina Delettrez Fendi
Perfumer: Jérôme di Marino
น้ำหอมที่เปรียบเสมือนภาพวาดที่มีชีวิต นั่นคือกรุงโรม เมืองแห่งน้ำพุสองพันแห่งที่หล่อหลอมจิตวิญญาณและภูมิทัศน์ของเมือง ได้รับแรงบันดาลใจจากมุมมองยามค่ำคืนของ Delfina Delettrez Fendi ที่มีต่อน้ำพุที่โด่งดังที่สุดนั่นคือน้ำพุเทรวี บรรยากาศลึกลับของปรากฏการณ์นั้น คือโรงละครหินที่มาพร้อมกับการเต้นรำของน้ำที่ไหลรินลงบนฉากหลังหินอ่อนอย่างต่อเนื่อง หนาแน่นและเข้มข้น กลิ่นหอมของแร่ธาตุและน้ำที่ให้ความรู้สึกเย้ายวนและมีกลิ่นมัสก์ เพิ่มความสดชื่นด้วยกลิ่นหอมของจูนิเปอร์ น้ำหอมนี้ยังจับกลิ่นโลหะของเหรียญนำโชคที่นักท่องเที่ยวโยนลงไปในน้ำพุ ชวนให้นึกถึงเครื่องประดับชั้นสูงที่ออกแบบโดย Delfina; นี่คือการแสดงความเคารพของนักอัญมณีในรูปแบบของน้ำหอม เหมือนสร้อยคอที่อยู่บนผิว ขอพร: เพื่อความเป็นนิรันดร์
“น้ำหอมก็เหมือนเครื่องประดับ เป็นเครื่องประดับเงียบๆ ที่ส่งข้อความเกี่ยวกับตัวตนของเรา หรือคนที่เราอยากเป็น” — Delfina Delettrez Fendi
หนึ่งปีหลังจากการเปิดตัวคอลเล็กชั่นน้ำหอมแรกของ FENDI, Eaux d'Artifice ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผลงานสร้างสรรค์อันโดดเด่นที่สุดในกลุ่มน้ำหอมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของแบรนด์ นั่นคือ Perché No และ La Baguette
5) Hero Fragrances
Perché No – Silvia Venturini Fendi
Perfumer: Quentin Bisch
นี่เป็นมากกว่าน้ำหอม แต่มันคือทัศนคติ ของ Silvia Venturini Fendi คำว่า Why not เปรียบเสมือนกับคำขวัญประจำชีวิตของเธอ กลิ่นหอมที่มีความเรียบง่ายเป็นหัวใจสำคัญ ดุจแร่ธาตุในหินของกรุงโรม ทั้งสดชื่นและเป็นธรรมชาติ ราวกับผ้าขาวที่ตากแห้งในแสงแดดท่ามกลางสวนของ I Casali del Pino บ้านพักในชนบทของโรมที่ครอบครัว Fendi มักจะมาพบกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ ผ้าห่มที่พร้อมให้ความอบอุ่น เหมือนความทรงจำในวัยเด็ก ให้ความรู้สึกสบาย ลงตัว ท่ามกลางความสดชื่นนี้ มีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ นั่นคือ Pink pepper จากบราซิล ที่มีกลิ่นควันอ่อนๆ จากกำยาน เกิดจากความอบอุ่นของการเป็นอยู่ Sandalwood ที่มีกลิ่น Balsamic และละเอียดอ่อนช่วยตีกรอบความทรงจำ ไม่ได้พูดว่า "ไม่เคย" ไม่ได้พูดว่า "ตลอดไป" แต่มันบอกว่า "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"?
"ผ้าขาวที่ตากแห้งในแสงแดดนั้นเรียบง่าย สวยงาม และน่าประทับใจมากในเวลาเดียวกัน" กล่าวโดย Silvia Venturini Fendi
La Baguette – ฝาแฝด Tazio และ Dardo Vascellari Delettrez Fendi
ผู้รังสรรค์น้ำหอม: Anne Flipo
น้ำหอมสีทองเหมือนข้าวสาลี เหมือนแสงอาทิตย์ยามฤดูร้อนที่ขึ้นเหนือกรุงโรม เหมือนความไร้เดียงสาในวัยเด็กของฝาแฝด Tazio และ Dardo ลูกชายของ Delfina Delettrez Fendi หอมหวานเหมือนของว่างของพวกเขา: ขนมปังทาเนยและน้ำตาล น้ำหอมแห่งยามเช้าที่ทอดยาวไปตลอดทั้งวัน ของการรวมญาติในวันอาทิตย์ที่แสนสบาย มันมีความสมบูรณ์ของการสนทนาและความอ่อนโยนของความเงียบสงบ ความอบอุ่นของการแบ่งปัน และความเย้ายวนของความรักที่ไหลเวียนอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ FENDI, Baguette คือกระเป๋า เช่นเดียวกับไอคอน สัญลักษณ์ การเฉลิมฉลอง ประตูสู่ความอนาคต สายสัมพันธ์ระหว่างรุ่น และวันนี้, น้ำหอม "La Baguette" ที่รวมเอาทุกสิ่งเหล่านี้ไว้ในหนึ่งเดียว กลิ่นไอริสจากฝรั่งเศสที่หอมดอกไม้และแป้งฝุ่น ทำให้มันดูหรูหราเหมือนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ เบื้องหลังวานิลลามาดากัสการ์: ความหอมหวานของขนมที่น่าติดใจ เป็นความสุขที่ได้แบ่งปัน และเพื่อผสมผสานสิ่งเหล่านี้: กลิ่นหนังที่เย้ายวนและนุ่มนวล
“ฉันกำลังตั้งครรภ์เมื่อฉันออกแบบกระเป๋า Baguette: มันเป็นชิ้นงานอมตะที่จะเชื่อมโยงกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่เสมอ” — Silvia Venturini Fendi
#FendiFragrances
14 ก.ค. 2568
22 ก.ค. 2568
22 ก.ค. 2568
22 ก.ค. 2568