URWERK UR-10 SpaceMeter

Last updated: 16 ต.ค. 2568  |  213 จำนวนผู้เข้าชม  | 

URWERK UR-10 SpaceMeter

UR-10 ไม่ใช่เพียงอีกหนึ่งก้าวสำคัญบนเส้นทางของ URWERK แต่คือการหลอมรวมเรื่องราวของเวลาและอวกาศ มรดกและเสรีภาพ วิทยาศาสตร์และอารมณ์ ผลงานที่เปิดพื้นที่ให้ URWERK ได้นำเสนอสิ่งใหม่ โดยไม่ละทิ้งอุดมคติที่เป็นหัวใจหลักของแบรนด์

เมื่อแรกเห็น ความย้อนแย้งก็ปรากฏ: หน้าปัดทรงกลม เข็มชี้กลางหน้าปัด มาตรวัดแบบวงแหวนซ้อน... คุณลักษณะเหล่านี้ดูเหมือนจะสวนทางกับรูปลักษณ์ของ URWERK แต่แท้จริงแล้วกลับสะท้อนอีกหนึ่งปรัชญาที่แบรนด์ยึดมั่นมาตลอด


รูปแบบ URWERK ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
นี่คือ URWERK ที่มาพร้อมหน้าปัด ตัวเรือนทรงกลม และเข็มชี้เวลากลางหน้าปัด องค์ประกอบที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการท้าทายต่อแนวคิดดั้งเดิมของแบรนด์ ในแวบแรก UR-10 อาจดูเหมือนการพลิกรูปลักษณ์ครั้งใหญ่ของ URWERK แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด กลับพบว่านี่คือผลงาน ‘Special Projects’ อย่างแท้จริง คอลเลกชั่นแห่งความกล้า ท้าทาย และความคิดนอกกรอบ ที่ URWERK เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์

แม้ว่า UR-10 จะมาพร้อมหน้าปัดย่อยสามวง แต่ไม่ใช่นาฬิกาเรกูเลเตอร์ ไม่ใช่โครโนกราฟ และไม่ใช่นาฬิกาคาเลนดาร์ใดๆ การแสดงผลบนหน้าปัดย่อยเหล่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจับเวลาหรือวัดการผ่านไปของเวลาแต่อย่างใด UR-10 ได้รับสมญานามว่า SpaceMeter ก็ด้วยเหตุผลอันชัดเจน คือนาฬิกาที่ใช้วัดระยะทางซึ่งโลกของเราเคลื่อนผ่านในห้วงอวกาศและเวลา นับเป็นครั้งแรกของโลก!

และหน้าปัดย่อยทั้งสามวงของ UR-10 ก็เปรียบได้กับเครื่องมือทางดาราศาสตร์:
ที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา หน้าปัดที่มีคำว่า EARTH ใช้สำหรับวัดระยะทางที่โลกหมุนรอบตัวเองในแต่ละวัน โดยแสดงผลทุกระยะทาง 10 กิโลเมตร และแบ่งละเอียดเป็นช่วงละ 500 เมตร ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา หน้าปัดที่ระบุว่า SUN แสดงระยะทางที่โลกเคลื่อนที่บนวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยขยับทุก ๆ 20 กิโลเมตร และแสดงค่าทุกระยะทาง 1,000 กิโลเมตร ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา หน้าปัด ORBIT ทำหน้าที่รวมเส้นทางทั้งสอง ทั้งการหมุนรอบตัวเองและการโคจรรอบดวงอาทิตย์เข้าด้วยกัน โดยแสดงผลบนสองสเกลที่เคลื่อนที่สอดประสานกัน: หนึ่งสเกลสำหรับทุก ๆ 1,000 กิโลเมตรของการหมุนรอบตัวเอง และอีกหนึ่งสเกลสำหรับทุก ๆ 64,000 กิโลเมตรของการโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้านหลังของตัวเรือน เข็มวงนอกจะชี้บอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง สะท้อนการหมุนรอบตัวเองของโลกหนึ่งรอบอย่างแม่นยำฝาหลังยังแกะสลักคำว่า Rotation (การหมุนรอบตัวเอง) และ Revolution (การโคจรรอบดวงอาทิตย์) ไว้อย่างชัดเจน โดยการหมุนของ Rotation อ่านตามเข็มนาฬิกา ขณะที่ Revolution ต้องอ่านทวนเข็มนาฬิกา ความแตกต่างนี้ เป็นการสะท้อน “การหมุนสวนทาง” ของโลกที่แท้จริง เป็นบทกวีแห่งจักรวาลที่เตือนใจถึงการเคลื่อนที่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด


Martin Frei ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK กล่าวว่า « เวลาและอวกาศ คือความจริงที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว UR-10 ถ่ายทอดสองแง่มุมของสภาวการณ์ การดำรงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของเวลา และการเป็นเพียงผู้โดยสารบนดาวเคราะห์ที่กำลังเดินทางท่ามกลางจักรวาล

เรื่องราวของครอบครัว
ประวัติศาสตร์ของตระกูล Baumgartner มีบทบาทสำคัญในการให้กำเนิด UR-10 คุณปู่ของ Felix เป็นช่างนาฬิกา ส่วนบิดาของเขา Gérard เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบูรณะนาฬิกาโบราณ ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้ด้วยความประณีตและความชำนาญ Felix เองก็เลือกเดินตามเส้นทางของบรรพบุรุษ เข้าสู่วงการนาฬิกาเช่นเดียวกัน แต่หากบรรพบุรุษของเขายึดมั่นในขนบธรรมเนียมและงานหัตถศิลป์ดั้งเดิม Felix กลับเลือกที่จะตีความศาสตร์แห่งเวลาผ่านมุมมองร่วมสมัย และในบางครั้งก็ก้าวล้ำไปไกลถึงโลกแห่งอนาคต

ในปี 1996 Gérard Baumgartner ได้ค้นพบนาฬิกาลูกตุ้มเรือนหนึ่งที่ดูไม่ธรรมดา โดยมีลายเซ็นของ Gustave Sandoz กำกับ ปรมาจารย์แห่งศิลปะแห่งเวลาในศตวรรษที่ 19 ผู้เคยดำรงตำแหน่ง “ช่างนาฬิกาประจำราชสำนักและกองทัพเรือฝรั่งเศส”
ตั้งแต่ปี 1874 ความสนใจในลายเซ็นนี้ทำให้ Gérard ตัดสินใจซื้อนาฬิกาเรือนนั้นมา แม้ว่ากลไกภายในจะดูซับซ้อนและยากจะเข้าใจในตอนแรกก็ตาม แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเครื่องบอกเวลาที่มีหน้าปัดย่อยสามวง ซึ่งดูเหมือนไม่สัมพันธ์กับการแสดงเวลาในรูปแบบทั่วไป อีกทั้งลูกตุ้มยังแกว่งเร็วกว่าปกติ ด้วยความหลงใหลในกลไก Gérard ค่อย ๆ ไขปริศนา จนค้นพบว่าแท้จริงแล้ว คือเครื่องติดตามเส้นทางการโคจรของโลก ผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมกลไกที่ออกแบบมาเพื่อวัดการหมุนของโลกตามหลักการของระบบเรกูเลเตอร์ โดยแสดงระยะทางที่โลกเคลื่อนผ่านในสามสเกลเวลาที่แตกต่างกัน


เมื่อนาฬิกาเรือนนี้ได้รับการบูรณะจนสมบูรณ์ Gérard จึงมอบให้แก่ลูกชายของเขา โดย Felix Baumgartner ช่างทำนาฬิการะดับปรมาจารย์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK เล่าว่า “พ่อของผม ผู้ที่เคารพในขนบธรรมเนียมแห่งศาสตร์นาฬิกา มอบนาฬิกาคลาสสิกเรือนหนึ่งให้แก่ผม นาฬิกาที่มีเข็มหมุนเป็นปกติ…แต่ไม่สามารถบอกเวลาได้จริง ของขวัญชิ้นนี้เปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงสองโลกเข้าด้วยกัน โลกของบิดาที่อุทิศตนให้กับงานหัตถศิลป์แบบดั้งเดิม และโลกของ URWERK ที่มุ่งแสวงหาการปฏิวัติแนวคิดเดิม ๆ คือแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้เราสร้างสรรค์ UR-10 โครโนมิเตอร์เรือนแรกที่ถ่ายทอดการเคลื่อนที่ของโลกออกมาเป็นระยะทางในหน่วยกิโลเมตร”

ผลงานหลัก
“เราทุ่มเทความรักให้ให้กับนาฬิกาเรือนนี้” Felix Baumgartner กล่าว “เราร่วมมือกับ Vaucher Manufacture ในการพัฒนากลไกพื้นฐานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดที่เคร่งครัดทั้งด้านเทคนิคและการออกแบบ ขณะเดียวกันโมดูลกลไกสลับซับซ้อนของ URWERK ซึ่งพัฒนาขึ้นภายในทั้งหมด ก็เปิดทางสู่ความท้าทายใหม่ด้านการจัดการน้ำหนักและพลังงาน ซึ่งเป็นแก่นแท้ของปรัชญาเรามาโดยตลอด เราผลักดันงานวิจัยและพัฒนาไปถึงขีดสุด ใส่ใจทุกรายละเอียดเพื่อคงไว้เฉพาะสิ่งจำเป็น กลไกนี้ประกอบด้วยเฟืองห้าแกน หมุนบนทับทิมเพื่อลดแรงเสียดทาน พร้อมระบบควบคุมพลังงานที่แม่นยำ ถ่ายทอดจังหวะการทำงานสองแบบในกลไกเดียว เราใช้เฟืองแบบสเกเลตัน (skeletonized LIGA wheels) ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 0.015 ถึง 0.009 กรัม เท่าขนตาเส้นหนึ่ง เพื่อประหยัดพลังงานสูงสุด ทั้งหมดนี้เพื่อรักษาความแม่นยำ ความแข็งแกร่ง ที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณ”

อีกหนึ่งพัฒนาการทางวิศวกรรมนาฬิกาที่เกี่ยวข้องกับ UR-10 คือการเพิ่ม Double Flow Turbine ซึ่งเป็นวิวัฒนาการของระบบขึ้นลานอัตโนมัติแบบทิศทางเดียวของ URWERK โดยเทอร์ไบน์ที่จดสิทธิบัตรนี้ประกอบด้วยใบพัดสองชุดที่ซ้อนกัน หมุนในทิศทางตรงข้ามกัน เมื่อกลไกขึ้นลานอัตโนมัติไม่ได้หมุนในทิศทางที่ใช้ในการขึ้นลาน การเคลื่อนไหวของโรเตอร์จะสร้างแรงเฉื่อยที่ส่งผลกระทบต่อระบบกลไก เทอร์ไบน์คู่นี้จึงช่วยสร้างกระแสลมระหว่างใบพัดทั้งสองชุด ซึ่งช่วยชะลอความเร็วและปกป้องกลไกจากการสึกหรอ นอกจากนี้ ใบพัดทั้งสองยังสร้างภาพเคลื่อนไหวที่ดึงดูดสายตาราวกับมนต์สะกด


กำเนิดจากดาวเคราะห์ลำดับที่สามจากดวงอาทิตย์
ตัวเรือนสเตนเลสสตีลและไทเทเนียมหนาเพียง 7.13 มิลลิเมตร ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่บางที่สุดของ URWERK ความบางนี้มาพร้อมความซับซ้อน ตัวเรือนไทเทเนียมและฝาหลังสเตนเลสสตีลประกอบแน่นด้วยสกรูแนวยาวที่ขันจากด้านข้าง “ตัวเรือนเรียบสมมาตรแต่มีดีไซน์เฉพาะตัว” Martin Frei กล่าว “โครงสร้างขันสกรูด้านข้างตามแบบ Gérald Genta เป็นเอกลักษณ์ของนาฬิการะดับตำนาน ตัวเรือนมีเพียงสองชิ้น ไม่มีวงแหวนรอบขอบหน้าปัด แม้ดูเรียบง่าย แต่ซับซ้อนอย่างยิ่ง”

ในโอกาสนี้ URWERK ได้ผลิตเข็มและหน้าปัดนาฬิกาของ UR-10 ภายในเวิร์กช็อปของตนเอง และตกแต่งจนได้ผลงานที่สมบูรณ์แบบ

โมเมนตัมดั้งเดิม
สุดท้ายนี้ UR-10 คือคำเชิญให้เราทบทวนความหมายที่แท้จริงของ URWERK มากกว่าการแสดงเวลาชั่วโมงด้วยแซทเทิลไลต์ แบรนด์นี้มีแก่นแท้ที่ตั้งอยู่บนสามแนวคิด

แนวคิดแรกคือความผูกพันพื้นฐานของมนุษย์ มรดกและการถ่ายทอดภายในตระกูล Baumgartner เป็นด้านหนึ่งของเรื่องนี้ อีกด้านหนึ่งคือความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้ก่อตั้งทั้งสองคน

เสาหลักที่สองคือภาษาการออกแบบร่วมสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การวิวัฒนาการไปจนถึงการอัปเดต ตั้งแต่การตีความใหม่ไปจนถึงกระโดดแบบควอนตัม รูปทรงและรายละเอียดจึงอยู่ในสภาพเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

แนวคิดที่สามคือการผสมผสานระหว่างภาษาออกแบบกับพลังแห่งนวัตกรรมนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผล วัสดุ งานตกแต่ง
การคำนวณแรงบิด หรือการแสวงหาความเบา URWERK ยืนหยัดเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมนาฬิกาอย่างแท้จริง

Martin Frei กล่าวทิ้งท้ายว่า “UR-10 คือการสะท้อนปรัชญาเกี่ยวกับตำแหน่งของเราภายในจักรวาล จิตวิญญาณที่ปรากฏชัดในทุกผลงานของ URWERK”

เกี่ยวกับ URWERK
Felix Baumgartner ช่างทำนาฬิการะดับปรมาจารย์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่เคยจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบของกลไกชั้นสูงแบบดั้งเดิม เพราะเป้าหมายของเราคือการผลักขอบเขตของศาสตร์นาฬิกาและสร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว”

ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Martin Frei หัวหน้าฝ่ายออกแบบและผู้ร่วมก่อตั้งอีกคน ที่กล่าวว่า “พื้นฐานทางศิลปะของผมตั้งอยู่บนความคิดสร้างสรรค์ไร้ขอบเขต และเมื่อเป็นอิสระจากข้อจำกัดของนาฬิกาคลาสสิก ผมจึงสามารถนำองค์ประกอบทางวัฒนธรรมส่วนตัวมาใช้ในการสร้างสรรค์งานออกแบบในแบบของตัวเอง”

URWERK ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 และปัจจุบันได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกแห่งวงการนาฬิกาอิสระ ด้วยกำลังการผลิตจำกัดประมาณ 150 เรือนต่อปี แบรนด์สัญชาติสวิสดำเนินงานเสมือนห้องทดลองของศาสตร์การผลิตนาฬิกา ที่ซึ่งเทคโนโลยีอันล้ำสมัยผสานเข้ากับงานออกแบบที่แปลกใหม่ ผลงานของ URWERK แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Hour Satellite Collection ไอคอนของแบรนด์ที่นิยามการบอกเวลาใหม่ด้วยกลไกชั่วโมงเคลื่อนที่, Chronometry Collection พื้นที่ทดลองด้านความเที่ยงตรงและกลไกล้ำสมัย และ Special Projects แพลตฟอร์มสำหรับแนวคิดสุดขั้วและการทดลองที่กล้าท้าทายความคิดดั้งเดิม

นาฬิกา URWERK โดดเด่นด้วยความทันสมัย ซับซ้อน และแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดของศิลปะการทำนาฬิกาชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยอย่างอิสระ การใช้วัสดุขั้นสูง ไปจนถึงการตกแต่งด้วยมืออย่างประณีตทุกขั้นตอน

ชื่อ URWERK มาจากชื่อเมืองโบราณ Ur ของชาวชาลดีสในเมโสโปเตเมีย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 6,000 ปีที่แล้ว ที่ซึ่งชาวซูเมเรียนเริ่มกำหนดหน่วยเวลาโดยอ้างอิงจากเงาที่ตกกระทบจากอนุสาวรีย์ต่าง ๆ ของเมืองนั้น "Ur" ในภาษาเยอรมันหมายถึงดั้งเดิมหรือแรกเริ่ม ส่วน "Werk" หมายถึง ความสำเร็จหรือกลไก เมื่อนำสองคำนี้มาประกอบกันจึงสื่อถึงกลไกต้นแบบ สัญลักษณ์สมบูรณ์แบบของแบรนด์ที่มุ่งสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ของกาลเวลา

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้