ARNOLD & SON Globetrotter 42 Steel Strand Blue & Greenwich Green Editions

Last updated: 30 ต.ค. 2568  |  227 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ARNOLD & SON Globetrotter 42 Steel Strand Blue & Greenwich Green Editions

Arnold & Son นําความพิเศษของคอลเลกชัน Globetrotter มาให้สัมผัสอีกครั้ง ด้วยผลงานที่ออกแบบใหม่ให้มีขนาด กะทัดรัด เพรียวบาง และอ่านค่าได้ง่ายยิ่งขึ้น Globetrotter 42 Steel ตัวเรือนสตีลขนาดใหม่ 42 มม. มีให้เลือกสองแบบ ได้แก่ “Strand Blue” และ “Greenwich Green” โดยแต่ละรุ่นมีจํานวนจํากัดเพียง 88 เรือนเท่านั้น

“ทั้ง John Arnold และบุตรชายของเขา John Roger ช่างนาฬิกาชาวอังกฤษ ได้รับความเคารพและระลึกถึงในฐานะผู้ บุกเบิกการสร้างนาฬิกาเพื่อการเดินทางและสํารวจ ในปี 1771 ผลงานของพวกเขาได้รับการทดสอบจริงในท้องทะเลโดย พลเรือเอก Harland” และต่อมาได้นํามาใช้งานจริงได้อย่างสมบูรณ์ในฐานะเครื่องมือคํานวณพิกัดลองจิจูดให้เรือเดิน สมุทร และเครื่องบ่งบอกเวลาเหล่านี้ ช่วยให้บรรดาทหาร นักสํารวจ และนักวิทยาศาสตร์อังกฤษในยุคนั้นมีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง หนึ่งในนั้นก็คือ James Cook นักสํารวจซึ่งนํานาฬิกาโครโนมิเตอร์ (ผลงานหมายเลข 1 และ 2) ของ John Arnold ไปในภารกิจการเดินทางสํารวจครั้งที่สอง ช่วงระหว่างปี 1772 ถึง 1775 รวมถึงอีกเหตุการณ์สําคัญซึ่งเกิดขึ้นในปี 1792 ณ แหลมกู๊ดโฮป แอฟริกาใต้ เมื่อผลงานของ Arnold ได้รับความไว้วางใจจากชาวดัตช์ โดยมอบให้แก่ พลเรือตรี Antoine Bruny d'Entrecasteaux ของฝรั่งเศส เพื่อช่วยในภารกิจค้นหา Jean-François de Galaup, Comte de La Pérouse นักสํารวจที่สูญหาย นาฬิกาเหล่านี้ยังเป็นเครื่องมือชิ้นสําคัญบนเรือสินค้าของบริษัทอินเดียตะวันออก หรือในภารกิจครั้งที่สามของ Sir John Franklin ในการนําเรือสํารวจช่องทางเดินเรือ Northwest Passage ซึ่งปราศจากน้ำแข็งเพื่อเชื่อมไปยังแคนาดาในปี 1847 อีกด้วย”


เพื่อรําลึกถึงยุคแห่งวีรชน ยุคที่เหล่านักสํารวจผู้กล้าหาญออกเดินทางสํารวจโลกกว้างโดยมีเพียงแผนที่และนาฬิกาโครโนมิเตอร์เป็นอุปกรณ์คู่ใจ Arnold & Son นําเสนอเรือนเวลา Globetrotter ที่มีชื่อเสียงข้ามยุคสมัยมาเพื่อเป็นเรือนเวลาคู่ใจของนักเดินในยุคปัจจุบัน Globetrotter 42 Steel ใหม่นี้ ได้รับการปรับขนาดและฟังก์ชันใหม่อย่างประณีต เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการสวมใส่ที่ร่วมสมัย ตัวเรือนสตีลขนาด 42 มม. และปรับขนาดใหม่ให้มีความหนาเพียง 15 มม. ดูสมดุลยิ่งขึ้น ขณะที่โครงสร้างหน้าปัดอันโดดเด่นยังคงไว้อย่างครบถ้วน

หน้าปัดกราฟิกที่โดดเด่นได้รับการปรับโฉมอย่างละเมียดละไม ดูสวยงามสะดุดตาและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานสําหรับนักเดินทางระหว่างประเทศ โครงสร้างหน้าปัดยังคงรักษาสะพานรูปทรงโค้งอันงดงาม ผลิตจากสตีลที่ขัดแต่งอย่างประณีตด้วยมือ ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชันไว้ สะพานนี้แบ่งเขตเวลาเวลากลางวันและกลางคืนบนวงแหวนขอบตัวเรือนแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมประดับด้วยทับทิมตรงกลางที่ช่วยยึดโดมซึ่งเป็นตัวแทนของซีกโลกเหนือในมุมมองจากขั้วโลกเหนือบนโดมนั้น พื้นผิวโลหะของทวีปต่างๆ ได้รับการขัดแต่งพื้นผิวลวดลายซันเรย์เพื่อเสริมมิติและดูเด่นตัดกับพื้นมหาสมุทรในโทนสีน้ําเงินหรือเขียวขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก

การเปลี่ยนแปลงสําคัญอีกประการหนึ่งที่ทีมผู้พัฒนาของ Arnold & Son ได้เพิ่มเติมให้กับโดม ซึ่งหมุนครบรอบทุก 24 ชั่วโมงและสามารถแสดงเวลาในโซนต่างๆ ทั่วโลกได้นี้ ก็คือการเพิ่มวงแหวนรอบๆ ขอบโดม และสลักชื่อเมืองสําคัญๆ ใช้อ้างอิงเขตเวลาจํานวน 12 เมือง เมืองเหล่านี้มาจากทั้งซีกโลกเหนือและใต้ โดยชื่อแต่ละเมืองจะถูกแทนที่ด้วยอักษรย่อที่จัดวางตรงข้ามกับตําแหน่งของเมืองบนแผนที่ ซึ่งทั้งชื่อเมืองและการออกแบบจัดวางค่าต่างๆ บนหน้าปัดเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างพื้นผิวให้เล่นระดับและดูมีมิติให้กับแผนที่โลกรูปทรงกลม พร้อมช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถจินตนาการเวลาตามสภาวการณ์จริงในแต่ละภูมิภาคได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยอ้างอิงจากตัวเลขบนวงแหวนเวลาแบบ 24 ชั่วโมงที่ติดอยู่กับหน้าปัดเวลาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ซึ่งจะอ่านค่าโดยใช้ลูกศรทั้งสองที่โผล่ออกมาด้านล่างแผนที่โลก


Arnold & Son เลือกนําเฉดสีที่เป็นเอกลักษณ์สุดคลาสสิกของอังกฤษมาไว้บนหน้าปัดของ Globetrotter 42 Steel ทั้งสองรุ่น ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบและการตั้งชื่อที่พบได้ในคอลเลกชันทั้งหมดของแบรนด์ รุ่น “Strand Blue” ได้ แรงบันดาลใจจากถนน Strand ในกรุงลอนดอน ซึ่งทอดขนานไปกับแม่น้ําเทมส์และเคยเป็นที่ตั้งของร้านนาฬิกาของ John Arnold ในอดีตขณะที่เฉดสี “Greenwich Green” ถูกเลือกเพื่อสะท้อนความเขียวชอุ่มของเนินเขาที่โอบล้อมหอดูดาว Royal Observatory ในย่านกรีนิช

เรือนเวลา Globetrotter 42 ทั้งสองรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไก A&S6122 จักรกลขึ้นลานอัตโนมัติอันทรงพลังที่แบรนด์ พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีพลังงานสํารองเพิ่มขึ้นจาก 45 เป็น 55 ชั่วโมง กลไกนี้สามารถปรับเวลาท้องถิ่น ณ จุดที่ผู้สวมใส่พํานักอยู่ และเวลาปลายทางได้อย่างแม่นยําโดยปรับเม็ดมะยมไปที่ตําแหน่งที่แตกต่างกันสามระดับและเช่นเดียวกับกลไกทุกชุดที่ประดับตรา Arnold & Son กลไกนี้ได้รับการพัฒนา ผลิต ตกแต่ง ประกอบ ปรับแต่ง และ บรรจุลงในตัวเรือนอย่างครบถ้วนในโรงงานของแบรนด์เองที่ตั้งอยู่ในเมืองลาโชเดอฟองส์ (La Chaux-de-Fonds) กลไก A&S6122 ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังแบบแซฟไฟร์คริสตัลโปร่งใส มีตุ้มเหวี่ยงขึ้นลานแบบเปลือยที่ถูกแกะสลัก และตกแต่งอย่างประณีตด้วยลวดลายของศาสตร์การผลิตนาฬิกาชั้นสูง แท่นเครื่องได้รับการตกแต่งพื้นผิวแบบ circular graining สะพานจักรอวดโฉมลวดลายแถบ Côtes de Geneve เฟืองจักรต่างๆ ผ่านการขัดแต่งพื้นผิวแบบซาติน และสกรูได้รับการขัดลบเหลี่ยมและขัดเงาอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ เทคนิคการเคลือบพื้นผิวกลไกด้วยแพลเลเดียมยังให้เฉดสีเทาอ่อนที่หรูหราและเสริมความสง่างามให้กับตัวเรือนของนาฬิการุ่นนี้ ผสานดีไซน์สุดประณีตเข้ากับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์นักเดินทาง จับคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ําเงิน "Ink' Blue หรือสีเขียว 'Cornwall ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกมาพร้อมตัวล็อกแบบหัวเข็มขัดสุดคลาสสิกในวัสดุสตีล ประดับด้วยสัญลักษณ์ของแบรนด์

PENDULUM
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1992 ในฐานะผู้แทนจําหน่ายนาฬิกาหรูแห่งแรกในประเทศไทย และมีบูติกทั้งสิ้น 6 แห่งในปัจจุบัน ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในศูนย์การค้าสําคัญๆ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันนี้ Pendulum เป็นตัวแทน จําหน่ายนาฬิกาหรูมากกว่า 30 แบรนด์ ทั้งภายในบูติกของตนเองและช่องทางการจัดจําหน่ายอื่นๆ ตอบโจทย์ความชื่น ชอบชื่นชมที่หลากหลายของคนรักนาฬิกา ความหลากหลายของแบรนด์ชั้นนํานี้เอง ช่วยตอกย้ําความเป็นผู้นําของ Pendulum ในตลาดค้าปลีกนาฬิกาหรูในประเทศไทย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้