VAN CLEEF & ARPELS

Last updated: 30 ต.ค. 2568  |  235 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VAN CLEEF & ARPELS

“ถ้าอยากมีโชค เราก็ต้องเชื่อในโชค” เป็นคำกล่าวติดปากของฌาคส์ อารเปลส์ หลานชายของเอสแต็ลล์ อารเปลส์ อันที่จริง ค่านิยมนี้เป็นแรงบันดาลใจในงานสรรค์สร้างของเมซงอย่างต่อเนื่องมานับแต่ก่อตั้ง ส่วนตัวของฌาคส์ อารเปลส์เองนั้น ก็เชื่อว่าเครื่องประดับสักชิ้น สมควรเป็นเครื่องรางนำโชคให้แก่ผู้เป็นเจ้าของยามสวมใส่ นอกจากนั้น เขายังมักเด็ดใบโคลเวอร์สี่แฉกที่พบเจอในสวนหลังบ้านพักของตนย่านแฌร์มิญี-ลีเวค ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนครปารีสมาให้แก่บรรดาพนักงานลูกจ้างโดยแนบไว้กับบทกวี “อย่าหยุดยั้ง” (Don’t Quit) เพื่อจุดประกายความหวัง สร้างขวัญ และกำลังใจให้ทุกคน


กว่าห้าสิบปีแห่งการสร้างสรรค์
ในปี 1968 Van Cleef & Arpels ได้ให้กำเนิดเครื่องประดับนำโชคอย่างแท้จริงผ่านการสรรค์สร้างสร้อยคอยาวอัลลองบราชิ้นแรกขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากทรวดทรงของใบโคลเวอร์สี่แฉก สัญลักษณ์นำโชคซึ่ง อาศัยงานออกแบบอันลงตัวในการร้อยโมทีฟ 20 แผ่นทำจากทองคำสีเหลืองอัดลายริ้วประดับงานเดินขอบรอบด้วยลูกปัดทองรุ่นนี้ ประสบความสำเร็จในทันที และกลายเป็นหนึ่งในผลงานสัญลักษณ์ประจำเมซงอย่างรวดเร็ว งานออกแบบดำรงความโดดเด่นเป็นหนึ่ง เป็นที่รู้จัก และจดจำได้ในทันทีมาอย่างต่อเนื่องกว่าครึ่งศตวรรษ อีกทั้งยังสะท้อนถึงสไตล์เหนือกระแสความนิยมทางยุคสมัยของ Van Cleef & Arpels รวมถึงไหวพริบชั้นเลิศในการพลิกแพลงทักษะความชำนาญด้านต่างๆ เชิงหัตถศิลป์ เป็นเวลากว่าหลายทศวรรษที่คอลเลกชันอัลลองบราไม่เคยหยุดยั้งในการพัฒนารูปแบบให้รุดหน้า ก่อกำเนิดผลงานต่างรุ่นมากมาย ให้ความหลากหลายทางตัวเลือกทั้งในแง่ของขนาดและวัสดุ ขณะเดียวกัน ก็ยังดำรงลักษณะเฉพาะตัวจากผลงานรุ่นต้นแบบไว้ได้อย่างเป็นเลิศ งานออกแบบอันเอื้ออำนวยต่อความต่อเนื่องในการรังสรรค์ศิลปะเครื่องประดับให้สอดคล้องไปกับจิตวิญญาณของแต่ละยุคสมัย ทำให้อัลลองบราครองตำแหน่งเครื่องประดับร่วมสมัยอย่างแท้จริง


ไหวพริบในการใช้ และพลิกแพลงทักษะความชำนาญ
หลากแขนงแห่ง VAN CLEEF & ARPELS
ในฐานะผลงานสืบทอดขนบธรรมเนียมแห่งความเป็นเลิศของ Van Cleef & Arpels เครื่องประดับอัลลองบราคอลเลกชันต่างๆ ล้วนเป็นบทสะท้อนถึงทักษะ ความชำนาญเหนือชั้นของเมซงผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง งานฝีมือต่างแขนงถูกระดมมาหลอมรวมอยู่ร่วมกันในผลงานแต่ละชิ้น จากหัตถกรรมการเจียระไนเพชรพลอยไปจนถึงงานประดิษฐ์ตัวเรือน จากความละเอียดลออในการฝังรัตนชาติขึ้นตัวเรือน ไปสู่ความละเมียดละไมในงานขัดผิววัสดุ เพื่อยืนหยัดถึงมาตรฐานต่างๆ ของเมซง แผ่นโมทิฟซึ่งทำจากแม่มุก และรัตนชาติเนื้อแข็งทั้งหลาย ต้องอาศัยความพิถีพิถันในการตัดเจียน และขัดผิว ก่อนถูกนำมาจับคู่เพื่อสรรค์สร้างชุดเครื่องประดับที่มีความกลมกลืน อย่างเช่นแผ่นโมทิฟสลักลายริ้วรัศมีตะวัน หรือกวิโญเช ร่องลายจำลองแบบลำแสงแผ่ตัวออกมาอยู่ท่ามกลางความงามสง่าของกรอบลูกปัดทองซ่อนเขี้ยวหนามเตยปลายลูกปัดสำหรับใช้ยึดแผ่นโมทิฟให้ตรึงติดบนตัวเรือน 


ท่ามกลางงานเดินขอบด้วยลูกปัดทองกลมกลึง เนื้อผิวเกลี้ยงเกลาเป็นเงางาม ให้ความรู้สึกละมุนละไมคือเขี้ยวหนามเคยปลายลูกปัดสำหรับใช้ดัดงอลงมายึดแผ่นโมทิฟให้ประกบแนบแน่นกับตัวเรือน ภายใต้ความประณีต พิถีพิถันทางงานฝีมือของสุดยอดช่างศิลป์เครื่องประดับ งานขัดผิวขั้นตอนสุดท้ายจะช่วยเร่งความเข้มแสงสะท้อน เผยความงดงามในเนื้อแท้ของชิ้นงานจนถึงขีดสุด กล่าวโดยรวม เพื่อก่อกำเนิดผลงานสร้างสรรค์อันทรงเอกลักษณ์ ให้ยืนหยัดท้าทายทุกกระแสความนิยมแห่งยุคสมัย ต้องอาศัยกระบวนการกว่าสิบห้าขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกไปจนถึงงานฝีมือทางการผลิต และยังการตรวจสอบผลลัพธ์สำหรับแต่ละลำดับกรรมวิธีโดยละเอียด

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้