CARTIER The Eye Of The Jeweller

Last updated: 17 ธ.ค. 2568  |  364 จำนวนผู้เข้าชม  | 

CARTIER The Eye Of The Jeweller

อ่อนช้อยและประณีต คือคำจำกัดความของเรือนเวลาอัญมณีของคาร์เทียร์ ที่หลอมรวมความเชี่ยวชาญของศาสตร์แห่งการรังสรรค์เรือนเวลาและเครื่องประดับอัญมณีเข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นงานศิลปะอันทรงพลังที่สะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมซง ทุกรายละเอียดเผยให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขอบเขต ตั้งแต่การตีความเรือนเวลารุ่นคลาสสิคของคาร์เทียร์ขึ้นใหม่ ไปจนถึงการเปิดตัวดีไซน์อันแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน บรรดาเรือนเวลาอัญมณีอันล้ำค่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1910s ก่อนได้รับการสานต่อจนกลายเป็นโลกแห่งเรือนเวลาอีกหนึ่งใบที่งดงามสมบูรณ์แบบอย่างทุกวันนี้


ศิลปะแห่งเส้นโค้ง
เรือนเวลาเบญนัวร์ (Baignoire) แบบกำไลที่เผยโฉมเมื่อสามปีก่อนคือนิยามของการรังสรรค์เรือนเวลาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับของคาร์เทียร์ สำหรับเรือนนี้ความพิเศษถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบเปี่ยมเอกลักษณ์ที่หรูหราทว่าลงตัวอย่างพอดี

ดีไซน์โดดเด่นด้วยการประดับเพชรกว่า 380 เม็ดบนส่วนกำไลโค้ง และอีก 171 เม็ดบนตัวเรือนทรงวงรี หน้าปัดครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงโดม เผยพื้นผิวสีเงิน เสริมด้วยตัวเลขโรมันสีเทาเข้ม เข็มทรงดาบสีน้ำเงินหมุนผ่านมอบแสงระเรื่อสีฟ้าอย่างงดงาม ตัวล็อกเปิดด้วยปุ่มกดสองข้างและกลมกลืนไปกับเส้นขอบโค้งของกำไล ขณะที่เม็ดมะยมตกแต่งด้วยเพชรเม็ดเดียวเป็นจุดนำสายตาอย่างพอดี

การฝังเพชรทั้ง 552 เม็ดใช้เวลากว่าแปดชั่วโมง โดยรูปทรงโค้งของทั้งตัวเรือนและกำไลถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับช่างอัญมณี

ทวีคูณความล้ำค่า
เรือนเวลาเบญนัวร์รุ่นล่าสุดเผยให้เห็นถึงความสามารถในการตีความใหม่อยู่เสมอ ด้วยความโดดเด่นด้วยของเส้นสายประดับเพชรที่แยกตัวออกมาโอบรับตัวเรือน ดีไซน์ที่อ่อนช้อยและลื่นไหลนี้สะท้อนเอกลักษณ์ของเรือนเวลาค็อกเทลวอตช์ในแบบฉบับคาร์เทียร์อย่างสมบูรณ์แบบ ทั่วทั้งเรือนประดับด้วยเพชรกว่า 307 เม็ด ส่องประกายแวววาวราวกับเปลวไฟอันเจิดจรัส ด้านในหน้าปัด ช่างอัญมณีเลือกใช้การฝังแบบสโนว์เซตติ้ง (Snow Setting) เพื่อให้แสงสะท้อนเล่นกับพื้นผิวเพชรอย่างมีชีวิตชีวา พร้อมส่งต่อความระยิบระยับนี้ไปบนข้อมือด้วยเพชรที่เรียงตัวเป็นเส้นสายขนานกันสองแถวที่ยิ่งขับเน้นความล้ำค่า จนเห็นเพียงแสงสว่างอันแพรวพราวสะกดทุกสายตา งานฝังอัญมณีของเรือนเวลาเรือนนี้ใช้เวลากว่า 70 ชั่วโมง โดยอาศัยความละเอียดประณีตในทุกขั้นตอน


ความเรียบง่ายอันเปล่งประกาย
เรือนเวลาไอคอนิคสองรุ่นจากผลงานสร้างสรรค์ในตำนานของคาร์เทียร์ถูกเติมมนต์เสน่ห์ขึ้นใหม่ด้วยประกายเพชรอันทรงคุณค่า ผสานกับการเลือกใช้ไวท์โกลด์และดีไซน์เส้นสายที่คมชัด กลายเป็นเรือนเวลาสุดเรียบหรูที่มีสัดส่วนอันประณีตและงดงาม

แทงก์ อเมริกัน (Tank Américaine) รุ่นมินิ  การประดับเพชรกว่า 569 เม็ด ได้เปลี่ยนเรือนเวลานี้ให้กลายเป็นเครื่องประดับสำหรับยามราตรีอย่างแท้จริง หน้าปัดมาพร้อมผิวสัมผัสซาตินสีเงินที่โอบรับกับแนวข้อมือไว้โดยยังคงรายละเอียดสำคัญของนาฬิกาแทงก์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งดีไซน์โครงตัวเรือนอันเฉียบคม กรอบรางบอกนาทีมุมโค้ง เข็มทรงดาบสีน้ำเงิน และเม็ดมะยมประดับเพชรเจียระไนแบบบริลเลียนท์คัต (brilliant-cut)


เรือนเวลาปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) เผยออร่าในเวอร์ชันประดับเพชรทั้งเรือน ส่วนสายประดับเพชรกว่า 370 เม็ดประกอบกับเพชรอีก 106 เม็ดบนตัวเรือน สร้างประกายแสงระยิบระยับที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตอยู่บนข้อมือ ทั้งหมดลงตัวอย่างสมดุลด้วยหน้าปัดมินิมัลอันเป็นเอกลักษณ์ของปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ไว้ ทั้งพื้นหน้าปัดสีเงิน รางบอกนาที เข็มทรงดาบสีน้ำเงิน รวมถึงซิกเนเจอร์ลับประจำรุ่น ส่วนเม็ดมะยมยังประดับด้วยเพชรเจียระไนแบบบริลเลียนท์คัต เพื่อเติมเต็มความแววาวขั้นกว่าได้อย่างงดงาม

ความประณีตฉบับย่อส่วน
เรือนเวลาในกลุ่ม “ค็อกเทลวอตช์” เหล่านี้สานต่อเสน่ห์ของเรือนเวลาสำหรับงานกลางคืนตั้งแต่ยุค 1920 ที่เปลี่ยนความประณีตให้กลายเป็นศิลปะ และแปรเส้นแบ่งระหว่างการทำเรือนเวลากับงานเครื่องประดับให้แทบเลือนหายไป

แนวคิดเริ่มต้นของดีไซน์คือการล้างทุกความเชื่อแบบเดิมเกี่ยวกับรูปทรงของตัวเรือน นักออกแบบของเมซงจึงสร้างสรรค์เรือนเวลารูปทรงขนาดเล็กหลายดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ร่วมกัน ทั้งขนาดอันกะทัดรัด การประดับเพชรเต็มพื้นที่ โดยยังคงสัมผัสอันนุ่มนวลเมื่อสวมใส่บนข้อมือ


รุ่นแรกคือการตีความรูปทรงเรขาคณิตแบบสี่เหลี่ยมในสไตล์คาร์เทียร์ ตัวเรือนประดับเพชรทั้งชิ้น ส่วนสายโดดเด่นด้วยการผสมผสานเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์และบริลเลียนท์คัตในแบบที่คาดไม่ถึง

รุ่นที่สองเผยรายละเอียดแบบอาร์ตเดโคอย่างสง่างาม ตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมล้อมรอบหน้าปัดสี่เหลี่ยม พื้นหน้าปัดแต่งเอฟเฟกต์ซันเรย์เพิ่มความโมเดิร์น ส่วนสายตกแต่งด้วยลวดลายเรขาคณิตให้ดูพลิ้วไหวราวกับริบบิ้น ช่างอัญมณีใช้ทั้งเทคนิคฝังเพชรแบบเกรนเซตติ้ง (grain setting) เป็นทรงสามเหลี่ยมและคัตดาวน์เซตติ้ง (cut-down setting) สะท้อนประกายแสงแบบไร้ขีดจำกัดจากการบรรจงจัดวางข้อต่อหลากหลายรูปทรง

สำหรับเรือนเวลาทั้งสองรุ่นนี้ งานฝังเพชรใช้เวลากว่า 30 ชั่วโมง
นอกจากนี้ คาร์เทียร์ยังนำแนวคิดในการออกแบบนี้มาต่อยอดด้วยการจับคู่สีเขียวและดีอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง ผ่านการเลือกใช้มรกตและโอนิกซ์ ที่เมื่อนำมาผสมกับเพชรจึงเกิดรูปแบบของงานดีไซน์ที่คาร์เทียร์ใช้มาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในยุคอาร์ตเดโค อัญมณีสองชนิดนี้ช่วยเพิ่มมิติ ความคมชัด และความทันสมัยได้อย่างมีชั้นเชิง สำหรับรุ่นนี้ ช่างเจียระไนโอนิกซ์อย่างพิถีพิถันเพื่อนำมาตกแต่งขอบตัวเรือน โทนสีเข้มแต่แวววาวขับความเงางามของหน้าปัดสีเงินและลวดลายรัศมีให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

เรือนเวลาทุกรุ่นในคอลเลคชั่นนี้มาพร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่เจียระไนแบบอัญมณี ตอกย้ำความเป็นเรือนเวลาจิวเวลรีอย่างแท้จริง และเพื่อคงเส้นสายอันเรียบเนียนโดยไม่ให้เม็ดมะยมมาขัดจังหวะ ดีไซน์จึงซ่อนระบบตั้งเวลาไว้ภายในที่สามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์พิเศษโดยเฉพาะ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์เทียร์ โปรดเยี่ยมชม WWW.CARTIER.CO.TH 
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cartier Thailand

LINE Official Account @CartierTH

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้