Last updated: 21 พ.ย. 2561 | 825 จำนวนผู้เข้าชม |
เพื่อความสอดคล้องกับฤดูกาลต่างๆ ที่ผันเปลี่ยนเวียนไปอย่างต่อเนื่อง Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ & อารเปลส์) นำความดื่มด่ำในปรากฏการณ์อัศจรรย์ธรรมชาติ มาเป็นแรงบันดาลใจสรรสร้างผลงานสุดหรูหราวิจิตรบรรจง เพื่อยกย่องความงดงามตระการตาเหล่านั้นจากภูมิทัศน์ภายใต้การปกคลุมของผืนหิมะซึ่งไม่ต่างอะไรจากภาพฝันในเทพนิยาย เครื่องประดับ Snowflake collection ได้รับการรังสรรค์ ขึ้นใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดมาตลอดหลายทศวรรษ โดยนำโมทิฟแผ่นลาย “เกล็ดละอองหิมะ” ที่เรียกว่า flocon motif (ฟลอก็อง โมทิฟ) ซึ่งเมซงริเริ่มออกแบบไว้ในระหว่างทศวรรษ 1940 มาดัดแปลง พลิกแพลง ความงามได้อย่างไร้ขีดจำกัด เพชรล้วนขาวใสสุกสกาว ถูกนำมาขึ้นตัวเรือนเป็นตัวแทนรสนิยมของ Van Cleef & Arpels อันมีต่อเครื่องประดับชั้นสูง White High Jewelry
สำหรับฤดูหนาวปีนี้ เครื่องประดับเกล็ดหิมะ Snowflake collection ทวีความครบครันด้วยเข็มกลัดสองแบบ กับสร้อยคอที่พลิกแพลงวิธีสวมใส่ได้อีกสองเส้น ความงามสง่าอันเลอค่าเหนือกระแส ความนิยมของยุคสมัย คือตัวกำหนดในการเลือกประกายสุกสกาวของแพล็ทตินั่ม เป็นตัวเรือนรองรับพรายเพชรระยิบระยับเพื่อสืบสานธรรมเนียมดั้งเดิมของเมซง
ความงามสง่าของเครื่องประดับคอลเลคชั่นเกล็ดหิมะ หรือ Snowflake collection ปรากฏตัวในฤดูกาลนี้ ผ่านสร้อยคอ ซึ่งอาศัยงานออกแบบยกย่องความสำคัญ ให้แก่แวดวงแฟชั่น เส้นโค้งของการจัดวางเพชรลูกทรงกลมจำลองแบบคอปกเสื้อแบบคลอเดีย (Claudine collar : ปกเสื้อแบบคอบัว) ประกอบขึ้นจากแผ่นโมทิฟเกล็ดหิมะ ล้อแสงเป็นประกายระยิบระยับวับวาว ตัวเรือนฉลุโปร่งละเอียดอ่อนและบอบบางไม่ต่างอะไรจากผ้าลูกไม้สุดวิจิตรบรรจง ที่พร้อมคลี่ตัวมอบสัมผัสทะนุถนอม มอบความงามประดับลำคอและเพื่อมอบตัวเลือกในการพลิกแพลงวิธีสวมใส่แผ่นโมทิฟชิ้นกลางสร้อยคอก็สามารถปลดออกไปใช้เป็นจี้เดี่ยวร้อยสร้อยสายโซ่ได้อย่างโดดเด่น ด้วยตรึงใจในความงดงามของน้ำเพชรทอประกายแสงสุกใส เมซงจึงนำความงามพิสุทธิ์จากธรรมชาติอันเลอเลิศมาสรรสร้างเป็นผลงานเครื่องประดับชั้นสูง เต็มไปด้วยความวิจิตรบรรจงเฉกเช่นเกล็ดละอองหิมะซึ่งถือกำเนิดมาจากปรากฏการณ์ซับซ้อนเหนือความเข้าใจในอาณาจักรธรรมชาติ สกาวเพชรเกล็ดหิมะต้องแสงเจิดจรัสสว่างสุกใสดุจดาวฤกษ์ก่อวงรัศมี รายล้อมรอบตัวอย่างมีชั้นเชิง ด้วยงานออกแบบซึ่งได้รับอิทธิพลทางการออกแบบมาจากเข็มกลัด “คริสโตซ์ เดอ แนช” (Cristaux de neige clip) รุ่นต้นแบบของเมซงเมื่อปี 1948 ผลงานสุดวิจิตรบรรจงชิ้นนี้สามารถใช้เป็นเข็มกลัดประดับปกเสื้อแจ็คเก็ต หรือเป็นจี้ร้อยสร้อยคอสายโซ่ได้เช่นกัน
แนวทางการออกแบบเครื่องประดับ โดยพลิกแพลงและดัดแปลงมาจากผลงานของวงการแฟชั่น นับแต่เมซงก่อตั้งนำมาสู่ การสรรสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเข็มกลัดโบว์เพชร ซึ่งปรากฏเป็นผลงานต้นแบบรุ่นต่างๆ ของ Van Cleef & Arpels นับจากทศวรรษ 1930 เป็นต้นมา ในการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับเหล่านี้ ตัวเรือนทองฉลุโปร่งบอบบาง ชวนให้นึกถึงแพรพรรณเลอค่าบางเบาไร้น้ำหนักที่คลอเคลียบนผิวกายของผู้สวมใส่ของเข็มกลัดโบว์ เพชรเกล็ดหิมะชิ้นนี้ อาศัยโครงสร้างแพล็ทตินั่มเป็นตัวเรือนทรงโบว์รองรับเพชรขาวสุกใส ใช้แผ่นโมทิฟกระหวัดโค้งฝังรัตนชาติน้ำงามทั่วทุกอณูต่างปมมัดรวบ เพื่อให้ผลงานในสัดส่วนสมมาตรสามมิติชิ้นนี้มีความสมจริงเหมือนโบว์ประดับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือใช้กลัดแต่งบนผมดุจริบบิ้นถักทอร้อยสายจากพรายแสง
เพื่อสืบสานธรรมเนียมการสรรสร้างเครื่องประดับ ซึ่งสามารถดัดแปลงรูปแบบ วิธีสวมใส่ได้ของ Van Cleef & Arpels สร้อยคอระยับแสงเส้นนี้สามารถพลิกแพลงการใช้งานได้ถึงเก้าแบบ เก้าอารมณ์ ด้วยการติดตั้งกลไกกลัดซ่อนสำหรับยึดองค์ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างแยบยล อำนวยต่อการแยกตัวโครงสร้างหลักออกเป็นสร้อยข้อมือสามเส้นและสร้อยคอหกแบบ จากสร้อยทรงปลอกคอเพชรแถวเดี่ยวไปจนถึงแผงสร้อยคอเพชรสองหรือสามสาย โดยที่แต่ละด้านของชิ้นงานจะมีแผ่นโมทิฟเพชรทรงจันทร์เสี้ยวประกบคู่ไว้เป็นตัวยึดบรรดาสร้อยเพชรเส้นย่อยอันบอบบาง โครงสร้างประกอบชิ้นส่วนของผลงานรุ่นนี้ ยังอำนวยให้สายสร้อยเพชรเส้นย่อยแต่ละแถวสามารถโอบกระชับรับสัดส่วนลำคอ หรือข้อมือผ่านสัมผัสอ่อนโยน ละมุนละไมได้อย่างพอดี ไม่ต่างอะไรจากเกล็ดหิมะแรกที่โปรยละอองลงมาตกต้องผิว
ผลงานสร้างสรรค์อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากมรดกทางการออกแบบประจำเมซง
บรรดาผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งกำลังล้อแสงทอประกายสุกสว่างเรืองรองเหล่านี้ คือ บทรังสรรค์ของเมซงในการ รื้อฟื้นขนบธรรมเนียมดั้งเดิม อันเป็นแรงบันดาลใจอย่างต่อเนื่องมานับแต่ก่อตั้งเครื่องประดับชั้นสูงเพชรล้วนขาวใสสุกสกาว หรือ White High Jewelry ครองความนิยมในยุคอาร์ต เดคโค ตลอดระหว่างช่วงทศวรรษ 1950 ถึง 1960 ถือกำเนิดจากตัวเรือนโลหะล้ำค่าสีขาวเงินเงางามอย่างทองคำขาว หรือแพล็ทตินั่มรองรับการฝังเพชรน้ำงามขึ้นตัวเรือน อวดประกายระยิบระยับสะกดอารมณ์ปรารถนา Van Cleef & Arpels นำแนวคิดนี้มาพลิกแพลงพัฒนาขึ้นเป็นเครื่องประดับรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเติมเต็มความครบครันให้แก่ผลงานคอลเลคชั่นสัญลักษณ์ชุดต่างๆ อย่าง Snowflake, Olympia, Palmyre หรือ À Cheval
เครื่องประดับเกล็ดหิมะชิ้นต่างๆ ใน Snowflake collection ได้รับความชื่นชอบจากประกายล้อแสงระยับบนตัวเรือนน้ำหนักเบาอีกทั้งยังอาศัยแรงบันดาลใจจากหนึ่งในแผ่นโมทิฟลายเกล็ดหิมะ หรือที่เรียกว่า ฟลอก็อง โมทิฟ (flocon motif) ซึ่งเมซง นำมารังสรรค์เป็นเครื่องประดับแบบต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แผ่นโมทิฟเกล็ดหิมะนี้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Van Cleef & Arpels ระหว่างทศวรรษ 1940 ผ่านเข็มกลัด Cristaux de neige ที่สร้างความโดดเด่นเป็นหนึ่งจากการใช้เส้นกราฟิกก่อลวดลายเรขาคณิตบนตัวเรือนทองคำเหลืองสุกสกาวจำลองแฉกรัศมีในเกล็ดหิมะอย่างสมจริง รองรับเพชรลูกทรงกลมสุกใสสกาวแสง ไม่กี่ปีต่อมา จากเข็มกลัด ถูกดัดแปลง ย่อส่วนให้กลายเป็นแผ่นโมทิฟผ่านการปรับแต่งอย่างอ่อนช้อย วิจิตรบรรจงจนกลายเป็นผลึกเกล็ดหิมะฝังเพชรลูกทรงกลมเจ็ดเม็ด สำหรับใช้เป็นชิ้นส่วน ประดับความงามบนตัวเรือนฉลุโปร่งอำนวยให้แสงส่องผ่านของบรรดาสร้อยคอ สร้อยคอมือ แหวน และต่างหู
ความชำนาญด้านเครื่องประดับชั้นสูง
— ประกายพรายเพชรระยับแสง —
นับแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1906 เมซงสร้างชื่อเสียงอันลือเลื่องจากความพิถีพิถันทางการคัดสรรเพื่อเลือกรัตนชาติ นำมาใช้กับบรรดาเครื่องประดับรุ่นต่างๆ แต่ละเม็ดล้วนแสดงออกถึงจิตวิญญาณ และมีอารมณ์แบบฉบับเฉพาะตัว สำหรับผลงานสร้างสรรค์ทุกชิ้น แต่ละชิ้น Van Cleef & Arpels เลือกใช้แต่อัญมณีที่มีคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเด่นชิ้นกลาง หรืองานขึ้นลวดลายตกแต่ง ต่างล้วนอาศัยมาตรฐานอันเคร่งครัดกับความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียดอย่างยิ่งยวด ในกรณีของเพชร ต้องได้มาตรฐานระดับ D, E หรือ F ในแง่ของสี และ IF จนถึง VVS2 เมื่อพิจารณาถึงความกระจ่างใสในน้ำเพชร เพื่อนำมาร้อยเรียงอย่างกลมกลืน ให้เครื่องประดับชิ้นต่างๆ ทวีอำนาจสะกดสายตาด้วยความเข้มแสงระดับสูง
— ความเป็นเลิศเชิงไหวพริบในการใช้ทักษะทางการผลิตเครื่องประดับ —
เพื่อให้ตัวเรือนเครื่องประดับ Snowflake แต่ละชิ้นมีน้ำหนักเบา และทวีประกายสุกสว่างเรืองรองถึงขีดสุด บรรดา“ช่างมือทอง” เจ้าของสมญาจดทะเบียนการค้าว่า Mains d’Or™ ผู้เก่งฉกาจในห้องผลิตงานแผนกต่างๆ ของ Van Cleef & Arpels ต่างถ่ายทอดความสามารถเฉพาะด้านในเทคนิคแขนงต่างๆ ตามธรรมเนียมดั้งเดิม บนครรลองของความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด มาสู่การสรรค์สร้างผลงานสุดซับซ้อนซึ่งต้องใช้เวลารวมหลายร้อยชั่วโมงในการผลิต สำหรับสร้อยคอ แผ่นโมทิฟอัญมณีหลายชิ้นถูกนำมาเรียงร้อย ประกอบต่อเข้าด้วยกันเป็นโครงสร้างที่งามสง่าในรูปทรง มอบความสบายยามสวมใส่
งานขึ้นตัวเรือนยังอาศัยการฝังเพชรแบบต่างๆ อย่างการฝังแบบหนีบเรียวแถว ฝังลงหนามเตยและฝังลายเกล็ด เพื่อยึดรัตนชาติเลอค่าทั้งหลายให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นโมทิฟเกล็ดหิมะ ในขณะที่งานฝังหุ้มหรือฝังแบบสอด จะช่วยเน้นความกลมกลึงของลูกเพชรที่เรียงแถว ทวีความชัดเจนของเส้นรายละเอียด และตกแต่งเป็นงานเดินขอบของสร้อยคอ
ศิลปะการสร้างสรรค์เครื่องประดับอัญมณีที่พลิกแพลงรูปทรง ดัดแปลงวิธีสวมใส่ ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของเมซง ได้ปรากฏตัวอย่างโดดเด่นผ่านสร้อยคอ Snowflake รุ่นใหม่ทั้งสองแบบ ด้วยไหวพริบในการใช้ทักษะ ความชำนาญอันเป็นเลิศของช่างมือทอง Mains d’Or กลไกกลัดซ่อนที่ใช้ยึดบรรดาชิ้นส่วนเข้าด้วยกันอย่างแยบคาย อำนวยต่อการแยกองค์ประกอบต่างๆ ของสร้อยคอให้กลายเป็นสร้อยคอข้อมือได้อีกหลายเส้น หรือปลดจี้ชิ้นกลางออกมาใช้เป็นเข็มกลัด หรือจี้เดี่ยว เพื่อรองรับกับโอกาสการสวมใส่ และความต้องการตามอารมณ์
20 ก.ย. 2567
7 ต.ค. 2567
26 ก.ย. 2567
19 ก.ย. 2567