Omega : Celebrating a Name Born in 1894

Last updated: 6 ก.พ. 2562  |  845 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Omega : Celebrating a Name Born in 1894

ความหลงใหลในความเที่ยงตรงของ Louis Brandt ทำให้เขามุ่งพัฒนาเรือนเวลาที่มีความเที่ยงตรงมากที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถประดิษฐ์ได้ ภายในไม่ก็ปี ชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพสูงของเขาก็เป็นที่รู้จักไปทั่วสวิตเซอร์แลนด์ และไม่นานก็โด่งดังไปทั่วยุโรป

 

 

 


หลังจากการเสียชีวิตของ Louis Brandt ในปี 1879 บุตรชายทั้งสองคนของเขา – Louis-Paul และ César –  ก็ก้าวขึ้นมากุมบังเหียนธุรกิจของครอบครัวและได้รับอิทธิพลจากแรงบันดาลใจในความหลงใหลที่มีต่อการผลิตเรือนเวลาและความเที่ยงตรงของบิดา ทว่าทั้งสองต่างแทบไม่ได้ทราบได้เลยว่าชะตากรรมของพวกเขาได้ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมเรือนเวลาไปตลอดกาล

 

 

 

 

ช่วงเวลาสำคัญมาถึงในปี 1894 เมื่อสองพี่น้องสกุล Brandt ทำการเปิดตัวกลไกรุ่นใหม่อย่าง คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ ซึ่งนับว่าเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่เพราะกรรมวิธีการผลิตแบบใหม่ที่นำมาใช้ผลิต คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ทำให้สามารถผลิตกลไกได้ปริมาณคราวละมากๆ จึงเป็นการปฏิวัติวงการและสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการผลิตเครื่องบอกเวลาโดยทันที ไม่เพียงแต่กลไกที่ผลิตจะมีความเที่ยงตรงระดับสูง การเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่กลไกก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายไม่ต้องใช้ช่างนาฬิการายใดมาปรับแก้เพิ่มเติม การผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบของระบบขึ้นลานกับการตั้งเวลาเข้าไว้บนก้านเม็ดมะยมเดียวยังเป็นนวัตกรรมที่เขย่าวงการการผลิตเครื่องบอกเวลาและได้รับการใช้งานกันอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน

 

 

 

 

สองพี่น้องตั้งชื่อความสำเร็จครั้งใหม่ของพวกเขาว่า “Omega”

เฉกเช่นเดียวกับอักษรกรีกตัวสุดท้าย กลไกนาฬิกา “Omega” คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จระดับสูงสุด พวกเขามองว่ากลไกรุ่นดังกล่าวคือ “คำตอบสุดท้าย” ของความสำเร็จที่วงการนาฬิกาจะสามารถมีได้

ชื่อเสียงของบริษัทที่ขจรขจายไปทั่วโลกทำให้ทั้งสองทราบดีว่าความเที่ยงตรงของกลไกและการผลิตแบบปริมาณมากนั้นคืออนาคตของการผลิตเรือนเวลา และหลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้ผลิตรายอื่นๆ
ก็เริ่มตระหนักถึงข้อเท็จจริงนี้ด้วยเช่นกัน

ความสำเร็จของคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ “Omega” นั้นยิ่งใหญ่เสียจนสองพี่น้องตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น OMEGA Watch Co ใน 1903 นับตั้งแต่นั้นมา แบรนด์ OMEGA ก็กลายเป็นผู้ผลิตเรือนเวลาสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ปีนี้เป็นปีที่เราเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 125 ปีของชื่อแบรนด์ซึ่งไม่เพียงเป็นหมุดหมายให้เรารำลึกถึงกลไกที่เคยผลิตในปี 1894 แต่เนื่องจากกลไกดังกล่าวยังเป็นสัญลักษณ์ถึงคุณภาพ, ความเหนือระดับ และ “ความสำเร็จสูงสุด” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเฝ้าปรารถนามาตลอด

 

 

 

 

มรดกของคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ “Omega”

ปัจจัยใดที่ทำให้กลไกรุ่นหนึ่งพิเศษได้มากถึงเพียงนี้?

การออกแบบอย่างชาญฉลาด: การมาถึงของคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ ยังนำพากระแสการเปลี่ยน แปลงมาสู่โลกแห่งการผลิตเรือนเวลาอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนำระบบขึ้นลานกับระบบตั้งเวลามาผนวกไว้บนเม็ดมะยมเดียวที่นับได้ว่าเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งและทางบริษัทได้ยื่นจดสิทธิบัตรไปตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมปี 1894

การผลิตแบบอุตสาหกรรม: กรรมวิธีที่ใช้ในการผลิตคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์นั้น กล่าวได้ว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง นับเป็นครั้งแรกที่ช่างนาฬิกานำระบบการผลิต “อุตสาหกรรม” มาใช้ โดยแบ่งส่วนการทำงานออกเป็นหลายแผนก แต่ละแผนกจะผลิตชิ้นส่วนด้วยความแม่นยำระดับสูงให้ได้ตรงตามที่ระบุไว้ในใบคุณสมบัติจำเพาะ ดังนั้นอะไหล่แต่ละชิ้นจึงสามารถเปลี่ยนทดแทนกันได้ ทำให้การผลิตกลไกดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนวคิดดังกล่าวก้าวหน้ามากเสียจนกระทั่งบรรดาผู้ผลิตเรือนเวลาสวิสทั้งหมดได้นำระบบดังกล่าวไปปรับใช้ในการผลิตของตน

ความเที่ยงตรง: คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ คือตัวแทนอย่างแท้จริงถึงความทุ่มเทที่ OMEGA มอบแก่โลกแห่งความแม่นยำในการบอกเวลา ความเที่ยงตรงของกลไกยังกลายเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่วโลก รวมไปถึงการรถไฟแคนาดาที่ได้ไว้วางใจให้แบรนด์เป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

 

 

 

 

การตกแต่ง: คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามสะกดสายตาหลายรูปแบบ หนึ่งในรูปแบบที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือการตกแต่งแบบ “DDR” แบบดามัสคีนนิ่ง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากกลุ่มผู้ซื้อในประเทศสหรัฐอเมริกา และยังคงเป็นการตกแต่งที่ทำได้ยากกระทั่งในปัจจุบัน

ความสำเร็จ: ความสำเร็จของคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ได้พาให้ OMEGA ก้าวไปสู่มาตรฐานอีกระดับทั้งในด้านคุณภาพและการผลิต ความจริงแล้ว ความสำเร็จครั้งนี้ยังได้ทำให้บริษัทเติบโตจนกลายเป็นผู้ผลิตนาฬิกาสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 1903 สร้างแบรนด์ที่เรารู้จักในทุกวันนี้และมอบจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมที่หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมการผลิตเรือนเวลาจวบจนปัจจุบัน

เรื่องราวยังคงดำเนินต่อ

ปัจจุบัน คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์เป็นที่รู้จักในฐานะคาลิเบอร์อันโด่งดังของ “Omega” ซึ่งกำลังจะได้พบ กับชีวิตครั้งใหม่หลัง OMEGA ได้ริเริ่มโครงการครั้งใหม่ที่น่าตราตรึงและทั้งท้าทายอย่างยิ่ง

หลังจากที่สายการผลิตกลไกดั้งเดิมถูกปิดลงไปในปี 1923 ชิ้นส่วนกลไกในคลังที่ถูกเก็บรักษามาเกือบหนึ่งศตวรรษได้ถูกนำออกมาจากตู้นิรภัยของพิพิธภัณฑ์ OMEGA ในเมือง Bienne และจะถูกใช้โดยช่างนาฬิกาใน Atelier Tourbillon ของ OMEGA เพื่อทำการรังสรรค์คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 2019 นี้

สำหรับสะพานเครื่อง, แท่นเครื่อง และจักรกรอกชนิดโลหะคู่ จะใช้ชิ้นส่วนของคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ดั้งเดิมมาผลิต กลไกนาฬิกาที่ผลิตขึ้นใหม่จึงอัดแน่นไว้ทั้งตัวตนดั้งเดิมและจิตวิญญาณแห่งประวัติศาสตร์โดยแท้จริง

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้วยเช่นกัน OMEGA มอบความทุ่มเทให้กับการนำเอาคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์กลับมาสู่ศตวรรษที่ 21 ไปพร้อมๆกับการปรับปรุงครั้งใหญ่และชิ้นส่วนกลไกใหม่ เช่น ตลับลาน, ลาน และสกรูอีกหลายจุด สำหรับทับทิมนาฬิกาและแหวนรองจะถูกผลิตขึ้นใหม่ ระบบชุดเฟืองเองก็จะถูกนำมาคำนวณใหม่เพื่อให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานปัจจุบัน

ฟังก์ชั่นของชุดกลไกยังได้รับการพัฒนาครั้งสำคัญด้วยการติดตั้งระบบตั้งเข็มนาฬิกาของสวิสอันนำสมัยที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์

ในขั้นตอนสุดท้าย ทาง OMEGA จะทำการตกแต่งกลไกแบบ “ดามัสคีนนิ่ง” อย่างพิถีพิถัน รูปแบบเดียวกันกับที่ OMEGA ได้นำมาประยุกต์ใช้เป็นครั้งแรกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นดั่งคำมั่นสัญญาถึงคุณภาพที่เหนือระดับ ดังนั้นแล้ว คาลิเบอร์ 19-ลิญจน์ที่ผลิตขึ้นใหม่จะถูกนำไปใช้กับเรือนเวลารุ่นใดกัน?

กลไกจะถูกประกอบโดยวางตำแหน่งเม็ดมะยมไว้ที่ 3 นาฬิกาและจะถูกนำไปติดตั้งกับนาฬิกาพกแบบมีฝาปิด (hunter pocket watch)

 

 

 

 

 

นาฬิกา De Ville Trésor รุ่นฉลองครบรอบ 125 ปี

ในการฉลองวาระครบรอบ 125 ปีของ OMEGA ทางแบรนด์ภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่จะเผยโฉมเรือนเวลา De Ville รุ่นใหม่ที่ผสานไว้ทั้งความเป็นเอกลักษณ์และกลไกอันน่าตื่นตาตื่นใจ

เมื่อพิจารณาจากภายนอกจะพบว่าการออกแบบของเรือนเวลาจะเป็นลักษณะเดียวกันกับนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษในคอลเลคชั่น De Ville Trésor ของแบรนด์ OMEGA ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตัวเรือนขนาด 40 มม. ที่ได้รับการรังสรรค์ด้วยเยลโลว์โกลด์ 18K ก็มาพร้อมกับหลักชั่วโมงทรงโดมและเข็มนาฬิกาที่ออกแบบมาอย่างวิจิตร

นับเป็นครั้งแรกที่ OMEGA ได้ทำการผลิตนาฬิกาข้อมือหน้าปัดอีนาเมลสีแดงขึ้น การออกแบบสุดท้าทายนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีประจำแบรนด์อันเป็นอัตลักษณ์และยังเข้ากันได้อย่างลงตัวกับสายหนังสีเบอร์กันดีที่ตัดเย็บด้วยด้ายสีเดียวกัน

ความงามยังเป็นที่ประจักษ์กระทั่งบนฝาหลัง OMEGA เฉลิมฉลองวาระครบรอบปีที่ 125 ของชื่อแบรนด์ผ่านเหรียญที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษจากเยลโลว์โกลด์ 18K พร้อมแต่งแต้มด้วยอีนาเมลสีแดง และล้อมรอบด้วยการแกะสลักตกแต่งแบบมัสคีนนิ่งแบบเดียวกับที่แบรนด์เคยใช้บนคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์บางเครื่องของ OMEGA ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศสหรัฐอเมริกา

 

 

 



สุดท้ายเพื่อเป็นการคารวะให้กับคาลิเบอร์ 19-ลิญจน์อันโด่งดัง หัวใจจักรกลที่บรรจุอยู่ภายในเรือนเวลารุ่นใหม่จึงเป็น OMEGA Master Chronometer Calibre 8929 กลไกไขลานแบบแรกของ แบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Master Chronometer สนนราคาเรือนละ 602,000 บาท

ด้วยนวัตกรรมที่อัดแน่นไว้ทั้งภายในและภายนอก กล่าวได้ว่าอาจไม่มีหนทางเฉลิมฉลองใดที่ดีเพียงพอให้สมกับประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจของแบรนด์ OMEGA ไปมากกว่านี้อีกแล้ว

สัมผัสนวัตกรรมชั้นเลิศและประสบการณ์เหนือระดับไปกับ OMEGA ได้ที่บูติคสาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5959, สาขาสยามพารากอน โทร.02-129-4878 และ สาขาดิ เอ็มโพเรียม โทร.02-664-9550

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้