SLIM D’HERMÈS La Source de Pégase

Last updated: 22 มิ.ย. 2564  |  938 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SLIM D’HERMÈS La Source de Pégase

            นาฬิกา Slim d'Hermès สร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 2015 คือการรวมองค์ประกอบที่สำคัญเข้าด้วยกัน: ความเรียบง่ายที่ผสมผสานกับกฎระเบียบที่เข้มงวดเข้ากับสุนทรียศาสตร์ที่สมดุล เส้นสายที่โดดเด่นแต่เรียบง่ายของตัวเรือนทรงกลมพร้อมข้อต่อตัวเรือนที่มีเหลี่ยมมุมเป็นโครงประกอบให้กับพื้นหน้าปัดที่เปลี่ยนแปลง นาฬิกา Slim d'Hermès La Source de Pégase (สลิม เดอ แอร์เมส ลา ซอกเซอ เดอ ปิกาซ) ได้รับการผสมผสานหลากหลายเทคนิคการสร้างงานขนาดเล็ก เผยความงามของปีกม้าที่มีสีสันสดใสที่เกิดจากทักษะอันชาญฉลาดของช่างเคลือบสีลงยาและช่างแกะสลักอย่างลงตัว

 

 

           สัญลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานได้รับการตีความใหม่ผ่านงานฝีมือด้านศิลปะที่มาจากผ้าพันคอไหม La Source de Pégase (ลา ซอกเซอ เดอ ปิกาซ) ที่ออกแบบโดย Pierre Marie (ปิแอร์ มารี) ศิลปินชาวฝรั่งเศส ผู้วาดภาพประกอบที่แสดงให้เห็นถึงม้าที่มีปีก ที่ใช้กีบกระแทกก้อนหินเพื่อสร้างน้ำพุ Hippocrene (ฮิปโปครีนี) บนภูเขา Helicon (เฮลิคอน) สไตล์การเล่าเรื่องและการตกแต่งประกอบไปด้วยเพกาซัสที่เปล่งประกายในจักรวาลแฟนตาซีที่สนุกสนาน เปลี่ยนพื้นหน้าปัดบางเฉียบของนาฬิกา Slim d'Hermès ด้วยสิ่งมีชีวิตในตำนานที่แสดงออกถึงมิติใหม่แห่งการสร้างสรรค์

 

 

             การตีความเรือนแรกในเฉดสีเหลืองประดับด้วยเพชรทรงสี่เหลี่ยมบาเก็ตต์ 52 เม็ด ผสานกับงานเคลือบสีลงยาด้วยเทคนิค Grand Feu (กรองด์ เฟอ) กับเทคนิคการตัดต่อลายด้วยฟางข้าว พื้นฐานปัดเคลือบสีลงยาด้วยเทคนิคชอมเลอเว่ (Champlevé) ถูกตัดเป็นช่องขวาง เพื่อเติมผงแก้วสีที่ผสมกับน้ำมันธรรมชาติ จากนั้นนำไปเผาที่อุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียส เพื่อสร้างสีสัน ภาพเพกาซัสที่นูนขึ้นประกอบด้วยชั้นเคลือบสีหลายชั้นที่ผ่านการอบและเผาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะนำไปแกะสลักด้วยมือ ปีกทรงพัดถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการตัดต่อลายด้วยฟางข้าว ซึ่งช่างฝีมือจะตัดแต่ละส่วนของข้าวไรย์ที่ถูกย้อมและทำให้แห้งที่เลือกไว้ล่วงหน้า และสร้างลายหลักโดยประกอบแต่ละเส้นบนแผ่นทองคำ จากนั้นก็วางลงบนพื้นเคลือบสีลงยา

 



 

             ผลงานรุ่นที่สองที่เปล่งประกายอย่างเท่าเทียมกันในโทนสีฟ้าของท้องฟ้า เด่นด้วยภาพแกะสลักของเพกาซัส ปีกทอสีทองโดดเด่นบนพื้นหลังเปลือกหอยมุกที่ได้รับการลงสี สีที่แตกต่างกันถูกระบายบนพื้นหน้าปัดอย่างประณีตด้วยพู่กัน และถูกนำไปอบในเตาก่อนที่รูปของม้าสีทองจะปรากฏนูนเด่นด้วยเหล็กแหลมและสิ่วของช่างแกะสลัก และนำไประบายสีด้วยมือ สุดท้าย ขนปีกของมันก็จะถูกประกอบขึ้นด้วยแผ่นทองล้ำค่าที่ประกอบขึ้นเป็นชั้นๆ หลายชั้น และระบายทับด้วยสีสันที่สดใส

             พื้นหน้าปัดที่โดดเด่นทั้งสองแบบโอบล้อมด้วยตัวเรือน ไวท์ โกลด์ ทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติบางพิเศษ คาลิเบอร์ H1950 ที่ประดับตกแต่งด้วยลาย “ตัวอักษร Hs ทอประกาย” รังสรรค์ขึ้นในเวิร์กชอปของ Hermès Horloger ประกอบสายหนังจระเข้สีขาว Chantilly (ชานทิลลี่) หรือสีฟ้า Mykonos (มิโคนอส) ตามความแตกต่างของนาฬิกาแต่ละรุ่น ที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงแบบละ 12 เรือน

 

 

             Hermès รังสรรค์ชิ้นงานมากมาย ชิ้นงานที่กลั่นกรองจากฝีมือช่างผู้ชำนาญเพื่อให้เป็นเพื่อนคู่ใจของของผู้สวมใส ชิ้นงานของแอร์เมสสร้างความดึงพอใจเหนือความคาดหมาย เน้นประโยชน์ใช้สอย พร้อมคุณสมบัติด้านฟังก์ชั่นการทำงาน ที่ก่อเกิดจากทักษะความเชี่ยวชาญที่หาได้ยาก เป็นชิ้นงานที่จะเปลี่ยนทุกวันในการใช้ชีวิตให้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และทำให้ทุกจังหวะของชีวิตให้เป็นช่วงเวลาสุดพิเศษ

 



 

             สำหรับแอร์เมสแล้ว เวลาเป็นอีกชิ้นงาน ความกดดันโดยธรรมชาติของเวลาได้ผ่านการตีความสู่ลักษณะเฉพาะตัว นอกเหนือจากการบอกเวลา จัดลำดับ และค้นหาวิธีที่จะควบคุมเวลาแล้ว แอร์เมสยังกล้าที่จะมองหาเวลาแบบใหม่ๆ นำมาออกแบบเพื่อกระตุ้นความรู้สึก เปิดการเว้นจังหวะและสร้างพื้นที่สำหรับความเป็นธรรมชาติและความผ่อนคลาย

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้