TAG Heuer Aquaracer Professional 300

Last updated: 4 ส.ค. 2564  |  565 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TAG Heuer Aquaracer Professional 300

เราดำดิ่งลึกลงไปกว่าที่เคยสู่จักรวาลของ TAG Heuer ในการทดสอบที่ก้าวล้ำผ่านกระบวนการทำงานที่ก้าวข้ามขีดจำกัด...  Beyond fear, beyond reason, beyond the edge (ก้าวข้ามความกลัว ก้าวข้ามเหตุผล ก้าวข้ามขีดจำกัด)

 



TAG Heuer ก้าวไปอีกขั้นในเรื่องของการสร้างมาตรฐานความงดงามในโลกนาฬิกา ดังเช่น การเลือกใช้สีเข้มสดที่สะท้อนถึงพลัง ในภาพยนตร์แคมเปญโดย Jonas Egi นักสร้างภาพยนตร์ชาวสวิส สามนักกีฬาผู้มีฝีมือโดดเด่นได้ออกมาแสดงพลังในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ได้แก่ Kai Lenny นักกระดานโต้คลื่นชาวอเมริกันซึ่งเป็นแอมบาสเดอร์ของแบรนด์มาอย่างยาวนาน Julie Gautier แชมป์ฟรีไดฟ์ ช่างวิดีโอ และเฟรนด์ของแบรนด์ และ Robin George นักดำน้ำ ทั้งสามได้ไต่ขึ้นสู่ปลายสุดของคลื่นยักษ์ ดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทร และล่องลอยอยู่ในอากาศ...ภาพการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมนี้ถ่ายทำขึ้นที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมืองนาซาเร ประเทศโปรตุเกส และเกาะเป็นภาพที่ท้าทายธรรมชาติ ไต่สูงขึ้น ไกลขึ้น และดำดิ่งลึกลงไปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

 



เมื่อคุณฝ่าฟันขีดจำกัดของความเป็นไปได้ เวลาก็จะหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนที่ช้าลง ในทางจิตวิทยา เรียกช่วงนี้ว่า ภาวะลื่นไหล (flow state) หรือ การอยู่ในโซน ที่ถือเป็นสภาวะจิตแห่งความสำเร็จ เป็นสภาวะที่เรามีสมาธิขั้นสูงสุด ก่อให้เกิดความรู้สึกพิเศษจากการจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะการก้าวออกมาจากพื้นที่ปลอดภัย หรือ คอมฟอร์ตโซนเพื่อพัฒนาตนเองให้กลายเป็นตัวคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุด คือแนวคิดในเรื่องของประสิทธิภาพและประสบการณ์ทางด้านจิตวิญญาณซึ่งไม่จำกัดแค่เพียงนักกีฬาระดับแชมป์เท่านั้น

 



“เรารู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างสรรค์แคมเปญเปิดตัวผลงานใหม่ในคอลเลกชั่น TAG Heuer Aquaracer แนวคิดเบื้องหลังแคมเปญนี้คือการนำผู้ชมออกเดินทางไปให้ไกลเกินขอบเขตของกีฬาเอ็กซ์ตรีม เราอยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมด้วยการให้ความสำคัญกับช่วงเวลาพิเศษเหล่านี้เมื่อนักกีฬาชั้นนำระดับโลกฝ่าฟันขีดจำกัดของตัวเองและก้าวเข้าสู่มิติใหม่ และด้วยเส้นเรื่องนี้ เรายังสามารถนำเสนอคุณภาพชั้นยอดของนาฬิกา Aquaracer รุ่นใหม่ได้ด้วย” Mr. George Ciz ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ TAG Heuer กล่าว

 



“การตัดสินใจนำเสนอภาพที่มีความเข้มข้น ใช้เฉดสีที่สดเข้ม และสไตล์แอบสแตรกต์ที่ดูคาบเกี่ยวกับภาพแนวไซไฟตัดด้วยภาพกีฬาโต้คลื่นและภาพมหาสมุทรที่เราคุ้นเคย เราจึงรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่อีกมิติ ดิ่งลึกลงไปในจินตนาการ”

 



“เราตั้งใจนำเสนอภาพกีฬาและความหรูหรา ความแม่นยำ และมุมมองทางศิลปะ คุณอาจจะเรียกว่าหยินหยางหรือจะเรียกว่าการผสมผสานสิ่งที่สุดขั้วเข้าด้วยกันก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นเอกลักษณ์ของ TAG Heuer” อเล็กซานเดอร์ คาลเชฟ ผู้บริหารฝ่ายครีเอทีฟ จากเอเจนซี่ครีเอทีฟ DDB Paris กล่าว

 



นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอนาฬิกาในฐานะอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นใช้งานได้จริงแล้ว  TAG Heuer ยังตอกย้ำการแสวงหาความท้าทายอย่างไม่สิ้นสุด โดยเชิดชูความแข็งแกร่งของจิตใจที่มีอยู่ในตัวเราทุกคนเรียกได้ว่าเป็นการให้ความสำคัญกับการส่งสารที่มีความหมายกว่าครั้งไหนๆ

 



“ตอนที่ผมสวมเว็ทสูท สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของผมมันพลุ่งพล่านขึ้นพร้อมกับจิตวิญญาณในการแข่งขัน แต่การแข่งขันนี้ไม่ใช่การเอาชนะผู้อื่น แต่เป็นการผลักดันตัวเองให้ฟันฝ่าขีดจำกัด พยายามแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มกำลัง

 



Beyond The Edge จึงเป็นจุดขั้นสุดของช่วงเวลาที่เราไม่มีทางย้อนกลับ เมื่อคุณมุ่งมั่นเต็มร้อย และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อมั่นในตัวเองอย่างถึงที่สุด มันไม่ใช่แค่ตัวคุณ คุณยังสัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่รอบตัว แล้วหลังจากนั้น มันจะรู้สึกเหมือนว่าคุณเพิ่งหลุดไปอีกโลกหนึ่ง คุณจะมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน” Kai Lenny แชมป์กีฬาโต้คลื่น วินด์เซิร์ฟ และไคท์เซิร์ฟ และแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TAG Heuer กล่าว

 

 

 

เกี่ยวกับ TAG Heuer

TAG Heuer ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยเอดูอาร์ด ฮอยเออร์ ในปี 1860 ณ เทือกเขาจูรา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูในสังกัดกลุ่มบริษัทหรูชั้นนำระดับโลกอย่าง LVMH Moët Hennessey Louis Vuitton SE (“LVMH”) ปัจจุบัน TAG Heuer ตั้งอยู่ ณ เมือง ลา โชซ์-เดอ-ฟงด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีฐานการผลิตสี่แห่ง  มีพนักงานทั้งหมด 1470 คนและดำเนินธุรกิจอยู่ใน 139 ประเทศทั่วโลก ผลงานของ TAG Heuer มีวางจำหน่ายทางออนไลน์ผ่าน www.tagheuer.com และในบูติก 160 แห่ง และจุดจำหน่ายอีก  3,000 แห่งทั่วโลก ปัจจุบัน TAG Heuer บริหารงานโดย CEO มร. เฟรเดริก อาร์โนลต์

ตลอดระยะเวลา 160 ปี TAG Heuer ได้ตอกย้ำจิตวิญญาณความล้ำสมัยในการสร้างสรรค์นาฬิกาและความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ดังที่ปรากฏผ่านผลงานต่างๆ ทั้ง oscillating pinion ในนาฬิกาจักรกลกดจับเวลาในปี 1887 นาฬิกา Mikrograph ในปี 1916 กลไกอัตโนมัติโครโนกราฟเครื่องแรก Calibre 11 ในปี 1969 นาฬิกาสมาร์ทวอทช์หรูรุ่นแรกในปี 2015 และเทคโนโลยี Isograph ในปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับทาง TAG Heuer Institute

ปัจจุบัน คอลเลกชั่นหลักของแบรนด์มีทั้งคอลเลกชั่นที่เน้นดีไซน์ไอคอนิกที่ออกแบบโดย Jack Heuer นั่นคือ TAG Heuer  Carrera, Monaco และ  Autavia และคอลเลกชั่นดีไซน์ร่วมสมัย ประกอบด้วย Link, Aquaracer, Formula 1 และ Connected
 


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้