Last updated: 16 ส.ค. 2564 | 635 จำนวนผู้เข้าชม |
อาจพูดได้ว่า “ไซโก” เป็นคำที่คุ้นหูกันมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มจำความได้ เพราะเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกยุคทุกสมัย SEIKO เป็นภาษาญี่ปุ่น ที่แปลว่า “นาที” “ความดีเยี่ยม” และ “ความสำเร็จ” โดย SEIKO เป็นชื่อแบรนด์นาฬิกาสัญชาติญี่ปุ่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการนาฬิกา จนประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ เพราะเป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือแบรนด์แรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มผลิตนาฬิกาควอตซ์จนทำให้เกิดยุค Quartz Crisis และเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาดำน้ำไทเทเนียมรุ่นแรกของโลก รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆอีกมากมาย
ไซโก นั้นไม่ได้เป็นแค่โรงงานผลิตนาฬิกา แต่เป็น House of Watchmaking ที่ผลิตทุกชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยแบรนด์เองและมีช่างผู้ชำนาญการที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของนาฬิกาซึ่งเป็นดังงานฝีมือชั้นเยี่ยมและยังคงยึดถือตลอดมา แม้ในปัจจุบัน จะมีนาฬิกาแบรนด์อื่นๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ Seiko ยังยึดคติ Keep Going Forward ซึ่งหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาและก้าวต่อไปอยู่เสมอ โดยในปี 2021 นี้ แบรนด์ Seiko ในระดับ Global เองยังได้เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส ครบ 140 ปี และมีรุ่นพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นจากรุ่นที่โด่งดังในตำนานเพื่อย้อนระลึกถึงความสำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลากหลายรุ่นด้วยกัน
ปี 2021 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น เพราะสำหรับ ไซโก ประเทศไทย เองก็ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” เช่นกัน โดยในปี 2564 หรือ ปี 2021 นั้น ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ได้ครบรอบการดำเนินกิจการในเมืองไทยมาครบ 30 ปีเช่นกัน หากใครเป็นแฟนไซโกกันมาตั้งแต่ยุคต้นๆที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้นต้องขอบอกคำเดียวเลยว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่าง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับวงการนาฬิกาในประเทศไทย
Seiko “Real Thai” Collection
ความเป็นไทย ที่ภูมิใจนำเสนอ
ความพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นในปี 2021 นี้ ก็เพื่อขอบคุณแฟนๆชาวไทยในทุกภูมิภาคของประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ นาฬิกา ไซโก และสินค้าในเครือด้วยดีเสมอมา เพราะหลากหลายความสำเร็จที่ทำให้สินค้า โดยเฉพาะ Thailand Limited Edition เป็นที่จดจำและโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ส่วนสำคัญเกิดขึ้นจากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆและนักสะสมชาวไทยที่ทำให้เกิดกระแส และได้รับการยอมรับจนโด่งดังไปทั่วโลก ยกตัวอย่างจากความสำเร็จในอดีต เช่น Seiko Propex รุ่นที่นักสะสมชาวไทยขนานนามว่า “ไซโก มอนสเตอร์” หรือ “ไซโก ซี มอนสเตอร์” ปีศาจที่มีชื่อที่เรียกติดปากไปทั่วโลกจากแฟนๆชาวไทยจนญี่ปุ่นนำกลับมาผลิตเป็น โมเดลหลักและวางขายจนถึง ณ ปัจจุบัน หรือแม้รุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักเดินทางแห่งท้องทะเลอย่าง Seiko Prospex Zimbe Limited Edition หรือ ฉลามวาฬ ก็เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังรุ่นต่อๆมาที่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกต่างชื่นชมและอยากมีไว้ในครอบครอง และหากยังไม่นับถึง ไทยแลนด์ ลิมิเตด เอดิชั่น รุ่นอื่นๆ ที่หลายๆตัวก็ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย
ISAN : PHI TA KHON (SPB247J)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ): ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
“อีสานบ้านเฮา” ถิ่นกำเนิดของเทศกาลประเพณีแห่ “ผีตาโขน” เป็นหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ที่เรียกว่า "งานบุญหลวง" หรือ "บุญผะเหวด" เล่ากันว่าเทศกาลนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก “มหาเวสสันดรชาดก” เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง เหล่าผีป่าและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า "ผีตามคน" หรือ "ผีตาขน" จนเพี้ยนกลายมาเป็น "ผีตาโขน" ในปัจจุบัน โดยถือเป็นประเพณีที่จะจัดขึ้นทุกปีที่พระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ด้วยความมีเอกลัษณ์ของเทศกาลนี้จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการนำสีสันของเครื่องแต่งกายผีตาโขนมาออกแบบตกแต่ง นาฬิการุ่นพิเศษบนตัวเรือนแบบ “ซูโม่” ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกของโมเดลที่ผลิตในญี่ปุ่นและนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นรุ่นแรกๆ โดยให้สีสันขอบตัวเรือนสีดำแดงตัดกับ สเกลและหลักชั่วโมงสีทองที่ได้รับแรงบันดาลใจตามสีสันของหน้ากากและเครื่องแต่งกายของ ผีตาโขน
แพทเทิร์นหน้าปัดแบบพิเศษที่มีเส้นสายเหมือนลวดลายของงานหัตถกรรมเครื่องจักรสาน ฝาหลังประทับสัญลักษณ์ลวดลายของหน้ากากผีตาโขน พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือนที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่สีแดงเข้ม ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ “หน้ากากผีตาโขนสีทอง” พร้อมสายยางคุณภาพ โดยเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 สิงหาคม 2564 นี้ สนนราคา 39,800 บาท
NORTH : KHOM YEE PENG (SRPH35K)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคเหนือ : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
“สวัสดีเจ้า” คือคำทักทายในภาษาเหนือที่มีความอ่อนช้อยและจัดว่าไพเราะที่สุดในบรรดาภาษาพื้นเมืองทั้งหมดก็ว่าได้ ในทางเหนือนั้นจะมีเทศกาลหนึ่งที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจโดยเฉพาะตัว อย่างงานประเพณีที่เรียกว่า “ยี่เป็ง” หรือเรียกว่า “ประเพณีเดือนยี่” ของชาวล้านนา เทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนไปถึงทางเหนือของประเทศไทยทุกๆ ปี เทศกาลนี้เป็นการลอยกระทงแบบล้านนาในคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยนั้นเป็นการบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือบ้างก็เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ ให้เกิดความเป็นมงคลแก่ชีวิต ซึ่งคำว่า ยี่ แปลว่า สอง และเป็ง หมายถึง เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง
ความสวยงามของโคมนับพันบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญนั้น ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนนาฬิกา Seiko King Turtle หรือตัวเรือนที่มีรูปทรงเหมือนกระดอง “เต่า” หน้าปัดทรงกลมคือตัวแทนของโคมลอยที่มีลักษณะโค้งมน ภายใต้รหัส SRPH35K ขอบหน้าตัวเรือนแบบเซรามิกสีดำรับกับสเกลสีส้มและสีครีมดูตัดกันอย่างกลมกลืน หน้าปัดเล่นระดับการไล่สีส้มกลืนไปกับขอบสีดำ สื่อถึงความสวยงามของแสงไฟในโคมลอยบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญ ฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูปโคมล้านนา พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่น้ำเงินเข้ม ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ ”โคมล้านนา” สีทอง พร้อมสายยางคุณภาพสีส้ม โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน ธันวาคม 2564 นี้ สนนราคาราว 27,800 บาท
CENTRAL : YAK WAT CHANG (SRPH42K, SRPH44K)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคกลาง : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
สำหรับภาคกลางนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมักจะไปเยือนและถือโอกาสได้ไปชมศิลปะและประติมากรรมแบบไทย ก็คงจะหนีไม่พ้นพระราชวังหรือ อารามระดับวัดหลวง โดยเฉพาะ “วัดแจ้ง” หรือ “วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร” ที่เปรียบดั่งแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพหรือบางกอกที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดอรุณ มีความสวยงามในเรื่องของพระปรางค์ประธานที่มีขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้า และยิ่งสะท้อนความสวยงามดึงดูดสายตาของผู้คนเมื่ออาทิตย์อัสดง
ซึ่งนอกเหนือจากความสวยงามของพระปรางค์แล้ว ยังมีตำนาน เรื่องเล่าแห่งท่าเตียน โดยตัวเอกของเรื่องเล่าในวัยเด็ก ที่เราเคยได้ฟังนั้นคงหนีไม่พ้นยักษ์ 2 ตนที่เป็นประติมากรรมที่สำคัญของวัด ผู้รับหน้าที่เฝ้าซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณซึ่ง เป็นผลงานประติมากรรมที่มีทั้งความสวยงามและความแข็งแกร่งน่าเกรงขาม โดยมีเรื่องที่เล่าปากต่อปากกันมาว่า บริเวณท่าเตียนอันเป็นพื้นที่โล่งเตียนนั้น เป็นผลจากการต่อสู้ของ “ยักษ์วัดแจ้ง” กับ “ยักษ์วัดโพธิ์” ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกัน แต่เกิดความขัดแย้งจนทะเลาะและเกิดการต่อสู้กัน จนทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกยักษ์ทั้งสองเหยียบย่ำจนล้มตายลงหมด บริเวณนั้นจึงราบเรียบเป็นหน้ากลองกลายเป็นสถานที่ที่โล่งเตียนไปหมด จนเป็นที่มาของชื่อ “ท่าเตียน” ในปัจจุบัน
เรื่องเล่าที่สนุกสนานประทับใจในวัยเด็กของยักษ์ 2 ตนถูกนำมาเป็นไอเดียต้นแบบให้กับนาฬิกาโมเดลที่แฟนๆเรียกกันว่า “ซามูไร” จากรูปทรงของตัวเรือนที่เฉียบคม โดยรุ่น “ยักษ์” ของภาคกลางนั้น ถูกผลิตออกมาด้วยกัน 2 เรือน ตามต้นแบบคือ
“สหัสเดชะ” (ยักษ์กายสีขาว) ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Seiko Prospex รหัส SRPH42K หน้าปัดสีขาวแพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเหมือนผิวกายประติมากรรมของยักษ์ที่ถูกตกแต่งและประดับประดาด้วยกระเบื้องชิ้นเล็กๆอย่างปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีขาวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฎชัย ชุดเข็มตกแต่งด้วยสีทองสื่อถึงดินแดนแห่งสุวรรณภูมิ หรือ ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์
“ทศกัณฐ์” (ยักษ์กายเขียว) เป็นแรงบันดาลใจของ Seiko Prospex รหัส SRPH44K หน้าปัดสีเขียวแพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเลียนแบบผิวกายของยักษ์ที่ถูกประดับด้วยชิ้นกระเบื้องสวยงามปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีของริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีเขียวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฏจีน ชุดเข็มสีทองตัดกับเข็มวินาทีสีแดงเพิ่มความหรูหรา
โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูป “ยักษ์” พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน โดยแบ่งผลิตในรหัส SRPH44K สีเขียวจำนวน 996 เรือน และ SRPH42K สีขาว จำนวน 995 เรือน รวม 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่ ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์รูป “ยักษ์สีทอง” พร้อมสายยางคุณภาพสีดำและเขียว โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน มีนาคม 2565 สนนราคาเรือนละ 27,800 บาท
8 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
8 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567