Last updated: 26 เม.ย 2566 | 428 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังการเปิดตัวด้วยเวอร์ชันสีดำของคาร์บอน และสีเทาอันสุขุมของไทเทเนียมดิบ ในวันนี้ URWERK (อูร์เวิร์ก) เดินหน้าสำรวจถึงสี ‘เย็น’ เป็นธรรมชาติเหล่านี้ ที่เผยความมีชีวิตชีวาภายใต้แสงและมอบความสว่างไสวสู่สายตาผู้คน โดยเป็นมากกว่าการทำงานบนสีสัน แต่ UR-100 Magic T นับเป็นการวิจัยอันเข้มข้นสู่เฉดสี แสงสะท้อน และความละเอียดอ่อนแห่งสี จากการถ่ายทอดด้วยโทนสีเทาเมทัลลิกอันเรืองรองและหนักแน่นซึ่งผสมผสานอย่างประณีตไว้บนเรือนเวลาข้อมือ นับตั้งแต่ตัวเรือนตลอดจนสายสร้อยข้อมือ ที่ UR-100 Magic T นี้คือเรื่องราวทั้งหมดของไทเทเนียมและมนตร์วิเศษอันบริสุทธิ์
เปรียบเหมือนแผ่นกระดาษเปล่า ที่ UR-100V ได้อุทิศให้กับความปรารถนาและสัมผัสแห่งจินตนาการของนักสร้างสรรค์ของแบรนด์ “ภาพลักษณ์ของคอลเลกชัน 100 นี้นำเสนอด้วยแนวคิดของการตีความอย่างไร้สิ้นสุด” Martin Frei (มาร์ติน ไฟร ) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ร่วมก่อตั้งของ URWERK กล่าว “เราได้สร้างสรรค์นาฬิกาที่เป็นเสมือนการถ่ายทอดบทบาทแห่ง ‘ความคลาสสิก’ ของเรา เรือนเวลาอันมีความหลากหลายนี้ได้เปลี่ยนซึ่งอารมณ์ความรู้สึกและการปรากฏโฉมที่อยู่เหนือกาลเวลา และแม้ว่าผมจะเป็นหนึ่งในผู้สร้างสรรค์ผลงานนี้ ผมเองก็ยังคงค้นพบและค้นพบครั้งใหม่อย่างต่อเนื่องถึงความหลากหลายที่แตกต่าง และมักจะเป็นความพยายามอย่างไม่ลดละ รวมถึงเป็นความภูมิใจและพอใจเดียวกันเสมอ” เขากล่าวสรุป
“สำหรับ UR-100 Magic T นี้สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับชื่อเล่นของรุ่นที่ชวนให้หวนนึกถึงความมหัศจรรย์ของเทไทเนียม วัสดุที่ได้มอบซึ่งความสวยงามผ่านการตกแต่งอันประณีตละเอียดอ่อน เราหลงรักและชื่นชอบในไทเทเนียมดิบ และวันนี้ เราได้มอบซึ่งความวาววาวเจิดจรัสอย่างสมบูรณ์ให้กับไทเทเนียมอันเป็นผลลัพธ์มาจากการตกแต่งแบบชอตบลาสติ้ง (shot-blasting) อันละเอียดอ่อนและสว่างไสวมีชีวิตชีวา ความสวยงามทั้งหมดของโลหะนี้จึงได้มาปรากฏโฉมภายใต้เรือนเวลาเดียวกัน เรายังทำงานเพื่อมอบซึ่งความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างชัดเจนในนาฬิกาของเรา โดยเสริมด้วยความซับซ้อนสู่หน้าปัด ที่ในวันนี้ได้แบ่งย่อยลงเป็นองค์ประกอบมากมาย เพื่อมอบภาพแห่งโครงสร้างที่ชัดเจนมากขึ้น และพยายามที่จะสร้างความโดดเด่นและแตกต่างระหว่างระดับต่างๆ ของผลงานสร้างสรรค์แบบสามมิติ ซึ่งคุณจะได้ค้นพบกับทุกสิ่งเหล่านี้ที่ผ่านการคิดค้นอย่างละเอียดอ่อนแม้ในรายละเอียดที่เล็กที่สุด พร้อมทั้งผลักซึ่งขีดข้อจำกัดของความสามารถในการรับรู้ได้ครั้งใหม่” Felix Baumgartner (ฟิลิกซ์ โบมการ์ตเนอร์) ช่างนาฬิกามาสเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้งของ URWERK เผย
นับจากแรกเริ่ม คอลเลกชัน 100 นั้นถูกคิดค้นขึ้นด้วยความเรียบง่ายและความมินิมอลเป็นที่ตั้ง แม้ว่า ‘ความเรียบง่าย’ จะเป็นคำที่อธิบายได้ง่ายดาย แต่กระนั้น ก็ไม่อาจสะท้อนได้ทั้งหมดถึงหัวใจอันเป็นแก่นแท้ของภาษาการออกแบบเชิงศิลป์อันงดงามของ มาร์ติน ไฟร และความสามารถทางเทคนิคแห่งเครื่องบอกเวลาของ ฟิลิกซ์ โบมการ์ตเนอร์ โดยในผลงานรุ่นก่อนหน้านี้ได้เล่นกับรูปทรง ผ่านการสร้างสรรค์ศัพท์แห่งงานออกแบบที่เป็นภาษาอันมีชีวิตชีวา และยังคงถูกคิดค้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยวิถีใหม่ๆ ของการนำทางให้การแสดงชั่วโมงแบบโคจร (wandering hour) ของ อูร์เวิร์ก นั้นกลับมามีชีวิต อันเป็นหลักการของการแสดงชั่วโมงและนาทีแบบไร้เข็มชี้ที่มีพื้นฐานมาจากการโคจรของแซทเทิลไลต์ (satellites) ซึ่งเคลื่อนตัวไปตามความโค้งต่อเนื่องของรูปวงกลม โดยแซทเทิลไลต์แรกบรรจุไว้ด้วยการแสดงชั่วโมง และอีกตัวบรรจุด้วยการแสดงนาที ที่เมื่อแซทเทิลไลต์ชั่วโมงตัวหนึ่งหมุนรอบ 60 นาทีอย่างสมบูรณ์แล้ว แซทเทิลไลต์ตัวต่อไปซึ่งบรรจุไว้ด้วยชั่วโมงถัดไปก็จะปรากฏบนด้านหน้าเลขศูนย์ของเครื่องหมายหรืออินเด็กซ์ (index) บอกนาที
ทว่า แทบไม่มีใครคาดคิดถึงมาก่อนว่าหลักการนี้ซึ่งสืบทอดมาจากนาฬิกาคล็อกของศตวรรษที่ 17 จะสามารถมองเห็น เปลี่ยนรูป และแปรธาตุโดยความคิดสร้างสรรค์ภายใต้พื้นที่ ขนาด และเวลาเช่นนี้ และด้วยความสามารถของ อูร์เวิร์ก ในการคิดค้นขึ้นใหม่โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากหลักการพื้นฐานจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความยืนยงยาวนาน พร้อมทั้งแสดงออกถึงสัมผัสอันเข้มแข็งของเฉดสี ที่ UR-100วี เมจิก ที สามารถเปรียบได้เสมือนกับ ‘ยานการสำรวจแห่งสี’ หรือหากเปรียบเปรยแล้วยังเป็นเหมือนดั่งผู้สืบทอดจากผลงานรุ่นก่อนหน้า พร้อมทั้งเผยถึงภาษาแห่งสุนทรียะความสวยงาม ที่รายละเอียดมากมายของรุ่นนี้ยังคงเชื่อมโยงถึงเรื่องราวแห่งวัตถุทางท้องฟ้า
ทั้งยังนับเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนกว่าผลงานสร้างสรรค์รุ่นอื่นๆ ทั้งหมดของ อูร์เวิร์ก ที่ UR-100วี ยังคงเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์กับอาณาจักรแห่งอวกาศ ไม่เพียงเฉพาะจากงานออกแบบของรุ่นที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นดั่ง ยูเอฟโอ (UFO) และไม่ใช่เพียงเพราะงานออกแบบที่ไม่เหมือนกับทั่วไป ที่เชื้อชวนให้นึกถึงมิติอันแตกต่างทั้งหมดที่อยู่เหนือซึ่งพรมแดนของการประดิษฐ์นาฬิกาในปัจจุบัน แต่ยังรวมถึงการบรรจุช่องเปิดขนาดยาวสองช่องบนด้านข้างของตัวนำแซทเทิลไลต์ โดยตัวนำแรกคือการวัดและแสดงระยะทางกิโลเมตรที่โลกเดินทางไปตามแกนของตนเองใน 20 นาที นั่นคือ 555 ขณะที่อีกตัวนำหนึ่งยังคงเป็นการนับกิโลเมตร แต่เป็นผลลัพธ์จากการเดินทางของโลกรอบดวงอาทิตย์ในระหว่างช่วงระยะเวลาเดียวกัน หรือ 35,740 UR-100V จึงเป็นดั่งประจักษ์พยานแห่งเส้นทางการโคจรของโลกผ่านช่องว่างระหว่างอวกาศ (interstellar void) ที่ซึ่งโลกสีน้ำเงินของเรานั้นโคจรเคียงข้างโดยวัตถุท้องฟ้าแห่งสีสันของ Magic T
12 ต.ค. 2567
12 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
8 ต.ค. 2567