Last updated: 31 มี.ค. 2567 | 580 จำนวนผู้เข้าชม |
Arnold & Son ผู้วางมาตรฐานในการผลิตนาฬิกาชั้นเลิศแบบคลาสสิก ได้ออกสำรวจดินแดนที่ไม่เคยมีมาก่อนบนแผนที่โลกของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง Longitude Titanium คือนาฬิกาโครโนมิเตอร์สุดสวยในสไตล์สปอร์ตที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงจาก COSC พร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 42.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับหน้าปัดของที่ได้รับการขัดด้วยลายซาตินในแนวตั้งที่ยาวต่อเนื่องมาจากลายที่บนสายโลหะของนาฬิกา ตัดกันอย่างประณีตด้วยขอบขัดเงาของข้อต่อสาย จากการที่มีหน้าปัดแสดงระดับพลังงานสำรองที่ติดตั้งอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา และเข็มวินาทีย่อยในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทำให้ Longitude Titanium แสดงความเคารพต่อนาฬิกาแบบ Marine Chronometer สำหรับใช้ในการเดินเรือของ John Arnold ที่ถือเป็นสิ่งที่แสดงถึงวิสัยทัศน์แห่งความเปลี่ยนแปลง และการตัดสินใจของเขาที่จะเข้ามามีส่วนในการผลิตเครื่องคำนวนเส้นแวง หรือ Longitude ในท้องทะเล
ความสวยงามและโครงสร้างของนาฬิกาแบบ Marine Chronometer สำหรับใช้ในการเดินเรือของ John Arnold จำเป็นต้องมีความคลาสสิกและสามารถใช้งานได้จริง พร้อมกับได้รับการปรับให้เข้ากับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยของทะเลที่เปิดกว้าง Longitude Titanium ถือกำเนิดจากการตีความด้วยแนวคิดแบบร่วมสมัยของช่างทำนาฬิกาชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ จึงกลายเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างมรดกทางเรือให้เข้ากับการออกแบบที่ประณีต และมีการเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานสูง การผ่านการรับรองระดับโครโนมิเตอร์ของกลไกคือส่วนเสริมที่สำคัญสำหรับนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องทางประวัติศาสตร์กับการสร้างสรรค์ของ Arnold และการแสวงหาความเที่ยงตรงของโลกแห่งเวลา
จิตวิญญาณแห่งสการเดินเรือ
ทะเลกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติที่มีรูปแบบเฉพาะของมัน ได้ทำให้ Longitude ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสอดรับกับเรื่องราวเหล่านี้ นาฬิกามากับตัวเรือนไทเทเนียมที่มีส่วนโค้งและรูปทรงโดยรวมที่ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากการออกแบบเรือใบให้มีความร่วมสมัย ตรงกลางตัวเรือนรูปแบบคล้ายกับเส้นแนวน้ำด้านข้างตัวเรือน ขณะที่ด้านหลังตัวเรือนถูกออกแบบให้เว้าคล้ายกระดูกงู ฐานของขอบตัวเรือนถูกออกแบบเหมือนกับรางเรือพร้อมรอยบาก 60 ร่อง สะท้อนถึงร่องบนโครงแหวนที่อยู่ในนาฬิกาแบบ Marine Chronometer ของ John Arnold บนพื้นผิวขัดเงาที่ด้านข้างและขัดลายซาตินบนพื้นผิวเรียบด้านบนตัวเรือน เม็ดมะยมมาพร้อมกับบ่ากันกระแทกและเป็นแบบขันเกลียว เพื่อความสามารถในการกันน้ำ 100 เมตร
ทุกเส้นสายเพื่อความโค้งมน
ด้วยตัวเรือนที่มาพร้อมกับเส้นโค้งที่มีความพริ้วไหว Longitude Titanium จึงสวมใส่สบายและให้ความสนุกสนานทุกครั้งที่สวมใส่อยู่บนข้อมือ มาพร้อมกับสายไทเทเนียมแบบผสานรวมกับตัวเรือน หรือ Integrated Bracelet เน้นความโค้งมนในทุกสัดส่วนจนแทบไม่เหลือเส้นตรงเลย แม้แต่ในส่วนที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยของตัวนาฬิกาซึ่งจะถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นทรงโดม การสืบทอดเส้นโค้งที่อ่อนโยนและการผสมผสานระหว่างพื้นผิวขัดมันและขัดเงาแบบซาตินถือเป็นการแสงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการส่งต่อเอกลักษณ์มายังตัวเรือน Longitude Titanium และเพิ่มความสะดวกด้วยระบบเปลี่ยนสายแบบเร็ว หรือ interchangeable system ซึ่งสามารถเปลี่ยนบุคลิกของนาฬิกาด้วยสายยางที่เพิ่มมาให้อีกเส้นในชุด
เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการผลิตนาฬิกา
หน้าปัดของ Longitude Titanium ได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงถึงความคลาสสิคผ่านทางรูปแบบต่างๆ ที่อยู่ภายใน เช่น ฟอนต์ หรือตัวอักษร โดยสามารถเห็นได้จากมาร์กเกอร์ชั่วโมงแบบขัดเงาสลับกับซาตินและเคลือบด้วยสารเรืองแสงที่คล้ายรูปทรงของสายนาฬิกา ขณะที่ตัวกราฟิกที่แสดงอยู่บนมาตรวัดต่างๆ ซึ่งจัดเรียงอยู่ในแนวเดียวกับแกนตั้งของหน้าปัด ก็มีความสอดคล้องและลงตัวอย่างมาก เช่น มาตรวัดแสดงระดับพลังงานสำรองในตำแหน่ง 12 นาฬิกา ที่มาพกับพื้นผิวที่ขัดเงาแบบกระจก เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีถูกจัดวางอยู่ตรงกลางหน้าปัด ส่วนด้านล่างในตำแหน่ง 6 นาฬิกาจะเป็นหน้าปัดย่อยของเข็มวินาทีแยก โดยรูปแบบทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกับนาฬิกา Marine Chronometer ของ John Arnold เนื่องจากเขาเป็นผู้วางมาตรฐานด้วยรูปแบบการจัดเรียงในลักษณะนี้
จิตวิญญาณแห่งสีสัน
คอร์นวอลล์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ John Arnold ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับการเลือกใช้สีสันบนหน้าปัดของ Longitude รุ่นแรก ซึ่งผลิตเพียง 88 เรือน หน้าปัดมากับเฉดสีทองของทรายที่เรียกว่า 'Kingsand' โดยสื่อถึงชายหาดที่มีชื่อเดียวกัน หนึ่งความงดงามที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองแห่งนี้ และรุ่นที่ 2 เป็นสีฟ้าน้ำทะเล ในขณะที่รุ่นที่ 3 และรุ่นสุดท้ายเป็นสีเขียวเฟิร์น
จิตวิญญาณแห่งประดิษฐกรรม
ในช่วงศตวรรษที่ 18 การค้าทางทะเลเป็นแหล่งความมั่งคั่งของชาติต่างๆ เส้นทางใหม่ๆ ถูกเปิดขึ้นใน 3 มหาสมุทรซึ่งเปรียบเสมือนกับการเปิดโอกาสอีกมากมายที่รออยู่ อย่างไรก็ตาม การนำทางในทะเลที่เปิดกว้างกลับถูกขัดขวางด้วยแผนที่และแผนภูมิที่ยังไม่สมบูรณ์ เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความไม่ถูกต้องของเส้นแวง หรือเส้นลองจิจูด เช่น ตำแหน่งของเรือในแนวที่ลากจากตะวันออก-ตะวันตก
ดั้งนั้น ในปี 1714 รัฐสภาอังกฤษได้ผ่านกฎหมายลองจิจูด ซึ่งเสนอเงินรางวัล 20,000 ปอนด์ให้ใครก็ตามที่สามารถพัฒนาวิธีการที่เรียบง่ายและเชื่อถือได้ในการกำหนดเส้นลองจิจูดให้เรือในทะเล John Harrison ชาวอังกฤษ จึงประดิษฐ์เครื่องวัดความเที่ยงตรงทางทะเล หรือ Marine Chronometer ขึ้นมา และได้ถูกใช้ในศตวรรษที่กำลังจะมาถึง วิธีการของเขา คือ การวัดความแตกต่างระหว่างเวลาท้องถิ่นบนเรือด้วยการค้นหาตำแหน่งของพระอาทิตย์ในช่วงเวลาเที่ยง กับเวลาของเมืองที่จากมา โดยยึดเวลาออกจากท่าเรือด้วยการอาศัยความเที่ยงตรงในการทำงานของนาฬิกาที่อยู่บนเรือ โดย John Arnold พัฒนา ปรับปรุง และทำให้หลักการที่นำเสนอโดย Harrison มีความง่ายขึ้น เขาเริ่มจัดหาเครื่องวัดโครโนมิเตอร์สำหรับเดินทะเลในปี 1771 ซึ่งมีความแข็งแกร่งกว่า ราคาไม่แพง มีความแม่นยำอย่างยิ่ง จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินเรือในทะเลที่เปิดกว้าง
จิตวิญญาณแห่งการขับเคลื่อน
หัวใจสำคัญของ Longitude Titanium คือกลไก Calibre A&S6302 รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการรับรองโดย Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres (COSC) นาฬิกามาพร้อมกับโรเตอร์ขึ้นลานซึ่งที่ได้รับอิทธิพลในการออกแบบจากการแล่นเรือใบ มีรูปร่างชวนให้นึกถึงหัวเรือของเรือฟริเกตอังกฤษในศตวรรษที่ 18 ขณะกำลังแล่นผ่านน้ำ และเป็นการสลักจากทองคำ 22 กะรัตแบบชิ้นเดียว อีกทั้งบนพื้นผิวยังถูกแกะสลักด้วยสัญลักษณ์ที่คล้ายกับเครื่องหมายบนเครื่องวัดมุม ซึ่งเป็นองค์ประกอบทางทะเลอีกประการหนึ่ง
กลไกได้รับการขัดแต่งอย่างหรูหราสอดรับกับมาตรฐานระดับสูงในการตกแต่งที่มักพบเห็นได้ทั่วไปใน Arnold & Son เช่น การลบมุมและสลักลายบนแท่นเครื่องที่มีลวดลายพิเศษ 'Rayons de la Gloire' โดยกลไก A&S6302 ได้รับการพัฒนา ผลิต ตกแต่ง ประกอบ ปรับแต่ง และวางในตัวเรือนที่โรงงานผลิตใน La Chaux-de-Fonds กลไกนี้มาพร้อมกับตลับลานขนาดใหญ่ เดินด้วยความถี่ 4 เฮิรตซ์ มีพลังงานสำรอง 60 ชั่วโมง
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567