Last updated: 30 เม.ย 2567 | 302 จำนวนผู้เข้าชม |
URWERK เชื้อเชิญให้ร่วมสัมผัสประสบการณ์การผลิตนาฬิกาในรูปแบบใหม่ที่มีความสอดคล้องกับความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งได้ก้าวข้ามผ่านแนวคิดดั้งเดิมของเวลาและอวกาศ เพื่อนำเสนอระบบที่หาใครเทียบเคียงได้ยาก โดยพัฒนาให้ปราศจากสภาวะแทรกซ้อนจากดาวเทียม ไม่มีเข็ม ไม่มีชุดเฟือง ไม่มีตัวเรือน และไม่มีหน้าปัด ซึ่งเครื่องมือนี้ได้กำหนดนิยามใหม่ในการบอกเวลาตามแบบฉบับของ URWERK เท่านั้นที่กล้าทำ ผ่านผลงาน SpaceTime Blades (ผลิตจำนวนจำกัด 33 ชิ้น)
SpaceTime Blade แต่ละเรือนประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนประกอบ 1,446 ชิ้น
เครื่องบอกเวลา SpaceTime Blades ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับความฝันอันกว้างไกลของ URWERK ซึ่งเกิดจากความสามารถของช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญงานระดับสูง สะท้อนรสนิยมในการสร้างสรรค์ผลงานของ URWERK ที่สร้างความแปลกใหม่เหนือจินตนาการอย่างไร้ขอบเขต ซึ่งหมายความว่าทางแบรนด์จำเป็นต้องค้นหาช่างฝีมือที่มีวิสัยทัศน์ที่ท้าทายในแบบเดียวกันเพื่อรังสรรค์ผลงานที่มีชีวิตชีวา นั่นคือ glass blade สูง 1.70 เมตร หนัก 20 กิโลกรัม ผลงาน SpaceTime Blade ถือเป็นเครื่องมือบอกเวลาที่สง่างามตามแบบฉบับของโนมอน ซึ่งเป็นเสาหลักแห่งกาลเวลา SpaceTime Blades เป็นดั่งพยานถึงการเดินทางของโลกรอบดวงอาทิตย์ ถือเป็นเครื่องมือบอกเวลาแห่งอวกาศของ URWERK ซึ่ง SpaceTime Blades ปักหลักอยู่บนพื้นอย่างมั่นคง ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า โดยแสดงเวลาชั่วโมง นาที วินาที... และอื่นๆ อีกหลากหลายฟังก์ชัน
Felix Baumgartner ช่างนาฬิการะดับปรมาจารย์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK อธิบายว่า "ทางแบรนด์ยังคงสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างห้วงเวลาและอวกาศ ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1800 Gustave Sandoz ทำให้ความสัมพันธ์นี้มองเห็นได้ด้วยการสร้างนาฬิกาแทนที่จะแสดงเวลาชั่วโมง แต่กลับเป็นการแสดงระยะทางถอยหลังเป็นกิโลเมตร เครื่องมือดั้งเดิมนี้ทำให้นึกถึงสภาพของเราในฐานะผู้โดยสารบนยานอวกาศที่พุ่งทะยานผ่านกาแล็กซีด้วยความเร็วสูง แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในคอลเลกชั่น 100 และขณะนี้กำลังตีความหมายครั้งใหม่ ผ่าน SpaceTime Blade จึงทำให้การเดินทางที่สามารถคำนวณได้ ตรงกับ 940 ล้านกิโลเมตร ในการเดินทางรอบดวงอาทิตย์ในแต่ละปีเป็นชั่วโมง นาที และวินาที"
ฐานของ URWERK SpaceTime Blade คือเม็ดมะยม ซึ่งเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่และดูสง่างาม โดยฐานเม็ดมะยมประดิษฐ์โดย Mr Lukuvka ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำบล็อคจากขี้ผึ้งเพื่อหล่อฐานทองบรอนซ์ เขาเป็นช่างฝีมือที่มีความสามารถในการทำฐานเครื่องประดับ เป็นผู้ดูแลเทคนิคแบบดั้งเดิมที่ปัจจุบันเกือบจะหายสาบสูญไปแล้ว ซึ่งใช้ในการสร้างผลงานที่ละเอียดอ่อนและชิ้นงานที่มีความวิจิตรบรรจง เขาได้รับมอบหมายในการแกะสลักบล็อคซึ่งเป็นแม่พิมพ์สำหรับหล่อทองบรอนซ์หลอมเหลว จากนั้นฐานทองบรอนซ์ที่ได้จะถูกนำไปขัดเงาจนเกิดลวยลาย เป็นความพยายามที่ยิ่งใหญ่ในการดำเนินตามมาตรฐานของ URWERK
โดมแก้วที่ตั้งตระหง่านบนเม็ดมะยมนี้มีความหนาเท่ากันตั้งแต่ฐานไปจนถึงด้านบนที่โค้งมน ช่วยปกป้องมาตรแสดงของ SpaceTime Blade จากองค์ประกอบต่างๆ ข้างใต้มีหลอดไฟ Nixie แฮนด์เมดรูปทรงเปลวไฟเรียงกันแปดดวงในแนวตั้ง หลอดแก้วทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแต่ละหลอดผ่านการทดสอบ แต่ละชิ้นหมุนวนอยู่ใต้เครื่องส่งประจุไฟฟ้าเพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความมหัศจรรย์ของแก้วเหล่านี้ถูกเป่าในเวิร์คช็อปของ Mr Votrubec ในสาธารณรัฐเช็ก ใกล้กับ Novy Bor ซึ่งมีชื่อเรียกว่า "Crystal Valley" โดยภูมิภาคนี้มีชื่ออยู่ในรายการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของ UNESCO ทางด้านทักษะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ภายใต้การทำงานอันชาญฉลาดของ Dalibor Farny หลอดแก้วแต่ละหลอดจะกลายเป็นหลอดไฟ Nixie โดยมีแอโนดจัดเรียงอยู่ในตะแกรงโลหะ และแคโทดกลายเป็นตัวเลข สำหรับแต่ละหน่วยแสดงตั้งแต่ 0 ถึง 9 มีความหนา 0.1 มม แคโทดเหล็กได้รับการออกแบบ (แบบอักษรตัวเลขที่ใช้ในที่นี้เหมือนกับแบบอักษรที่แสดงบนหน้าปัด URWERK) เช่น 10 ต่อหลอด จากนั้นการสร้างสรรค์ทั้งหมดจะถูกประกอบอย่างประณีตทีละองค์ประกอบโดยใช้แหนบที่มีความแม่นยำ เช่นเดียวกับโครงสร้างที่ละเอียดอ่อนที่สุด แต่ละหลอดประกอบด้วย 88 ส่วน! สัญลักษณ์ของ SpaceTime Blade ปรากฏอยู่บนแผงโลหะ และความผสมผสานที่น่าพึงพอใจขององค์ประกอบต่างๆ ทำให้ดูสวยงามและดึงดูดความสนใจในเครื่องมือบอกเวลานี้
เขากล่าวว่า: “การทำงานร่วมกับ URWERK ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการสร้างสรรค์อันล้ำสมัย ถือเป็นทั้งการร่วมเดินทางและประสบกาณณ์ที่ไม่ธรรมดา การสร้างนาฬิกา SpaceTime Blade นำพาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความท้าทาย สถานที่ที่แนวคิดบ้าบิ่นที่อาจถูกมองข้ามแต่กลับได้รับการต้อนรับอย่างเปิดกว้าง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะ URWERK ได้ผลักดันให้ออกจากคอมฟอร์ทโซนของตัวเอง ทำให้เทคโนโลยี nixie tube ก้าวขึ้นไปอีกระดับ”
เมื่อเปิดกระแสไฟ แสงสีส้มจะแสดงภาพอันมหัศจรรย์อย่างแท้จริงโดยแสดงเวลาในเสี้ยววินาที จอแสดงผลสามารถเปลี่ยนได้ 500 ครั้งต่อวินาที รีโมทคอนโทรลสำหรับนาฬิกาเรือนนี้มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ปลุกโลกแห่งจินตนาการของเลเซอร์เซเบอร์ โดยมีโหมดการแสดงผลให้เลือกถึง 8 โหมด ตั้งแต่การวัดเวลาไปจนถึงการคำนวณระยะทาง:
โหมดที่ 1: แสดงเวลาชั่วโมง, นาทีและวินาที
โหมดที่ 2: แสดงเวลาชั่วโมง, นาที, วินาที จับเวลา 1/10 และ 1/100 วินาที
โหมดที่ 3: แสดงวันที่, เดือนและปี
โหมดที่ 4: มาตรวัดที่โลกหมุนรอบตัวเองในแต่ละวัน มีหน่วยเป็น กม. (วัดจากเส้นศูนย์สูตร-นับถอยหลังในช่วงเวลาหนึ่งวัน)
โหมดที่ 5: มาตรวัดที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ มีหน่อยเป็น กม. (นับระยะในเวลาหนึ่งวัน)
โหมดที่ 6: มาตรวัดที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ มีหน่อยเป็น กม. (นับระยะในเวลาหนึ่งปี)
โหมดที่ 7: โหมดสลับ
โหมดที่ 8: โหมดหยุดชั่วคราว
"เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น กล้องโทรทรรศน์และกล้องจุลทรรศน์ ตลอดจนนาฬิกาและเครื่องมือวัดอื่นๆ ส่วนใหญ่ทำจากทองบรอนซ์ SpaceTime Blade ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องมือดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ผสมผสานรหัสความงามจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ โดยคาดการณ์ถึงอิทธิพลของความนิยม วัฒนธรรม SpaceTime Blade เป็นทั้งนาฬิกาและวัตถุทางศิลปะและการออกแบบซึ่งเป็นประติมากรรมแห่งกาลเวลา” Martin Frei ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ URWERK และผู้ร่วมก่อตั้ง Martin Frei กล่าวโดยสรุป
TECHNICAL SPECIFICATIONS
SPACETIME BLADE (33 units)
ขนาด
สูง: 170 เซนติเมตร
หนัก: 20 กิโลกรัม
ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 1,445 ชิ้น
หลอดแก้ว Nixies 8 หลอด ( ชิ้นส่วนประกอบ 88 ชิ้นต่อหนึ่ง Nixie)
ประกอบด้วย: การบอกเวลา (ชั่วโมง นาที วินาที 1/10 และ 1/100 วินาที)
มาตรวัดระยะทาง (การหมุนของโลกแสดงระยะทางเป็นกิโลเมตร)
ฐานทองบรอนซ์
DALIBOR FARNY
Dalibor Farny มีความสามารถในการประดิษฐ์โคมไฟหลอด Nixie โดยผสมผสานสุนทรียศาสตร์แบบวินเทจเข้ากับนวัตกรรมอันล้ำสมัย ด้วยจิตวิญญาณของช่างฝีมือ โคมไฟของ Farny กลายเป็นงานศิลปะที่มีประโยชน์ในการใช้สอย ด้วยการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ซึ่งความร่วมมือของบริษัทกับ NASA ตอกย้ำความน่าเชื่อถือในการใช้งานระดับอวกาศ ความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของ Dalibor Farny ในด้านคุณภาพนั้นเปล่งประกายผ่านการรังสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น ซึ่งได้ผสมผสานงานฝีมือแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
เกี่ยวกับ URWERK
URWERK ปรากฏตัวในแวดวงการผลิตนาฬิกานับตั้งแต่ 1997 และตั้งแต่นั้นมา ก็ได้ส่งผลงานมาเขย่าวงการนาฬิกาชั้นสูงด้วยวิสัยทัศน์ที่มาปฏิวัติวงการ ซึ่ง URWERK เป็นบริษัทที่มาพร้อมแนบคิดนอกกรอบ แม้ว่าเป็นบริษัทใหม่ แต่เป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตนาฬิกาอิสระ URWERK สามารถผลิตนาฬิกาได้เพียง 150 เรือนต่อปี ซึ่งความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาและสุนทรียศาสตร์อันล้ำสมัยถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้น URWERK จึงออกแบบนาฬิการ่วมสมัยที่มีความสลับซับซ้อนซึ่งตรงตามเกณฑ์ที่ต้องการมากที่สุดของนาฬิกาชั้นสูง ได้แก่ การวิจัยและการสร้างสรรค์อย่างอิสระ เลือกใช้วัสดุล้ำสมัยและการตกแต่งด้วยมืออย่างประณีต
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567