Last updated: 2 พ.ค. 2567 | 567 จำนวนผู้เข้าชม |
นวัตกรรมทางเทคนิคคือคุณภาพที่เป็นหัวใจสำคัญแห่งปรัชญาของ Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์) เสมอ และ Franck Muller ได้แสดงออกอย่างชัดเจน โดยไม่ได้ปรากฏแต่เพียงภายในเรือนเวลาชั้นสูงและเรือนเวลาสลับซับซ้อนระดับ แกรนด์ คอมพลิเคชัน (grand complication) ของแบรนด์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างสรรค์ตัวเรือนและหน้าปัด ตลอดจนเทคนิคในการประดับตกแต่งอัญมณีและวัสดุที่นำมาใช้ในเรือนเวลา ทั้งยังแสดงออกอย่างสวยงามผ่านตัวเรือนนาฬิกาข้อมือรูปทรงพิเศษรุ่นแรก ๆ อย่าง Cintrée Curvex (ซินทรี เคอร์เว็กซ์) ที่เผยโฉมในปี ค.ศ. 1987 และยังคงสืบทอดสู่วิวัฒนาการล่าสุดของตัวเรือน Long Island (ลอง ไอส์แลนด์)
Long Island เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 ในฐานะเรือนเวลาแสดงเวลาแบบสามเข็มชี้ ด้วยความสง่างามของตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมมนที่มีรูปทรงของขอบโค้งอันแสนอ่อนโยน หูตัวเรือนแบบสั้นและตัวเลขแสดงเวลาโค้งไปตามงานออกแบบของตัวเรือนนั้นได้อุทิศให้กับยุคอาร์ต เดโค (Art Deco) และในไม่ช้า ผลงานนี้ก็กลายเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากท่ามกลางหมู่นักสะสม
โครงสร้างใหม่อันซับซ้อน
ในปีนี้ Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์) ภูมิใจนำเสนอวิวัฒนาการอันทันสมัยของตัวเรือน ลอง ไอส์แลนด์ ด้วยงานออกแบบใหม่ที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งโครงร่างดั้งเดิม ที่ได้รับการออกแบบและคิดค้นแนวคิดขึ้นโดย Vartan Sirmakes (วาร์ทัน เซอร์เมกส์) ผู้ร่วมก่อตั้งของทางแบรนด์ ขณะที่แทรกไว้ซึ่งความทรงพลังใหม่สู่ตัวเรือนนาฬิกา และเพื่อปรับโครงสร้างขึ้นใหม่ให้กับ Long Island เราจึงจำเป็นต้องถอดรหัสโครงสร้างของงานออกแบบดั้งเดิม พร้อมทั้งเผยซึ่งสัดส่วนอันประณีตยิ่งขึ้นเพื่อมอบความโดดเด่นให้กับความโค้ง มุมและเส้นสายอันละเอียดอ่อนต่าง ๆ ของ Long Island ได้อย่างแท้จริง
เมื่อเปรียบเทียบกับงานออกแบบของ Long Island ดั้งเดิมแล้ว ตัวเรือนใหม่นี้ได้หลอมรวมเข้ากับตัวเรือนด้านในเพิ่มเติม ที่ทำหน้าที่ปกป้องกลไกรูปทรงพิเศษซึ่งขับเคลื่อนการทำงานของนาฬิกา Franck Muller ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตและ ช่างนาฬิกาเพียงไม่กี่รายที่สามารถพัฒนากลไก ออกแบบมาอย่างแม่นยำให้รับกับแต่ละตัวเรือนที่มีรูปทรงเฉพาะ เพราะทางแบรนด์ได้ออกแบบ สร้างสรรค์งานด้านวิศวกรรม และผลิตตัวเรือน หน้าปัด ตลอดจนกลไกอย่างอิสระด้วยตนเอง ณ Watchland (วอทช์แลนด์)
กลไกด้วยรูปทรงพิเศษนี้ยังคงใช้ทุกพื้นที่ทั้งหมดภายในตัวเรือนนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เรือนเวลาเหล่านี้มีความโดดเด่นและดึงดูดสายตามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นความท้าทายในการปรับแต่งงานออกแบบและการสร้างสรรค์เชิงวิศวกรรม โดยตัวเรือนด้านในเพิ่มเติมของนาฬิกาคอลเลกชัน Long Island Evolution (ลอง ไอส์แลนด์ อีโวลูชั่น) นี้ได้นำเสนอความปลอดภัยเพิ่มเติม รวมถึงการปกป้องกลไกจากแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทก นอกจากนี้ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้นจึงมอบซึ่งประโยชน์สูงสุดข้อหนึ่ง นั่นคือการช่วยให้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ทำหน้าที่ปกป้องการแสดงเวลาของนาฬิกาสามารถเชื่อมเข้ากับขอบด้านข้างของหน้าปัดได้โดยไร้สกรูติดตั้งใด ๆ ที่มองเห็นได้
ตัวเรือนด้านในอลูมิเนียมยังผ่านกระบวนการชุบอโนไดซ์ด้วยเฉดสีเขียวต้นสน ขณะที่ตัวเรือนด้านนอกทำจากไทเทเนียมผ่านการเคลือบ พีวีดี (PVD) สีดำและตกแต่งด้วยงานขัดแบบซาติน มาพร้อมสายหนังจระเข้หรูหราในเฉดสีดำแบบด้านที่ตกแต่งด้วยด้ายเย็บตะเข็บสีตัดกัน ตลอดจนขอบด้านข้างของสายหนังที่เป็นเฉดสีเขียวต้นสนเดียวกันซึ่งจับคู่เข้ากับตัวเรือน ลอง ไอส์แลนด์ ใหม่ได้อย่างลงตัว สร้างสรรค์เป็นเส้นสายสีเขียวอันต่อเนื่องที่ห้อมล้อมนาฬิกาทั้งเรือนบนทั้งสองด้าน
Long Island Evolution Master Jumper
ความสลับซับซ้อนแบบ Triple Jumping Complication
แฟรงค์ มุลเลอร์ นำเสนอซึ่งวิธีใหม่ของการแสดงเวลาเสมอ โดยการใช้ทั้งความสลับซับซ้อนที่มีอยู่เดิมไปสู่การพัฒนาเพื่อบรรจบกับมาตรฐานใหม่ ๆ ในโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาจักรกล และในปีนี้ แบรนด์ได้เผยโฉมอีกหนึ่งความสลับซับซ้อนขั้นสูงในรูปแบบของ triple jumping (ทริปเปิล จั๊มปิ้ง) โดยผ่านการแสดงเวลาด้วยตัวเลขสำหรับทั้งชั่วโมง นาที และวันที่ ซึ่งหลอมรวมอยู่ภายในนาฬิการุ่น Long Island Evolution Master Jumper (ลอง ไอส์แลนด์ อีโวลูชั่น มาสเตอร์ จั๊มเปอร์) ขณะที่การแสดงเวลาแบบทริปเปิล จั๊มปิ้ง นั้นอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกของการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง และมักเชื่อมโยงถึงเพียงเฉพาะกับฟังก์ชันปฏิทินต่าง ๆ ในเรือนเวลาแสดงปฏิทินร้อยปีหรือ perpetual calendars กระนั้น ก็ยังไม่เคยปรากฏซึ่งนาฬิกาภายในเรือนเดียวกันที่มาพร้อมการแสดงด้วยตัวเลขในทั้งสามการแสดง รวมถึงเป็นทั้งฟังก์ชันแสดงเวลาและวันที่ที่ผสมผสานเข้าด้วยกันเช่นนี้
ทั้งยังนับเป็นครั้งแรก ณ Franck Muller ที่เราได้เพิ่มกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ด้านใน ณ ระดับเดียวกันกับขอบตัวเรือนด้านใน เพื่อมอบความลุ่มลึกแบบสามมิติให้กับเรือนเวลา นอกจากนั้นยังมีประโยชน์สำหรับองค์ประกอบของตัวอักษรที่ถูกพิมพ์ลงบนองค์ประกอบนี้ เช่นเดียวกับบนกรอบของช่องหน้าต่างทั้งสามช่องที่สามารถผสานสู่หน้าปัดได้โดยตรงอย่างกลมกลืน ทั้งยังช่วยให้สามารถรักษาไว้ซึ่งคุณลักษณะเด่นของกลไกแบบเปลือยโปร่งหรือโอเพนเวิร์ก ขณะที่ยังคงความโดดเด่นของการแสดงด้านเทคนิคต่าง ๆ บนกลไก ด้วยภาพลักษณ์อันล้ำสมัยทางเทคโนโลยีขั้นสูง
นาฬิกาแสดงเวลา Jumping hour (จั๊มปิ้งอาวร์) นั้นปรากฏมาแล้วนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่การแสดงด้วยตัวเลขอย่างสมบูรณ์ของเวลาภายในนาฬิกาจักรกลเพิ่งจะเผยโฉมเมื่อเพียงในปี ค.ศ. 2009 สำหรับผลงานรุ่น Long Island Evolution Master Jumper นี้ได้ก้าวไปเหนือยิ่งกว่า ด้วยการแสดงแบบจั๊มปิ้งในระยะเท่ากันและจัดวางการแสดงทั้งหมดในแนวตั้งใหม่ โดยมาพร้อมช่องหน้าต่างสามช่องที่จัดเรียงกันในแนวตั้งและอยู่ในบริเวณกลางหน้าปัด ไล่จากการแสดงชั่วโมง ณ ด้านบน การแสดงนาที ณ ศูนย์กลาง และการแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา หน้าต่างแสดงนาทีและวันที่นั้น แต่ละช่องใช้ดิสก์สองชิ้นแยกกันสำหรับหน่วยสิบและหน่วย และดิสก์ทั้งคู่กระโดดไปทีละตัวเลขบนฐาน 10 ในขณะที่หน้าต่างแสดงชั่วโมงใช้เพียงดิสก์เดียว เพื่อแสดงชั่วโมงต่าง ๆ นับจาก ‘1’ ถึง ‘12’ สำหรับดิสก์ทั้งห้าชิ้น เช่นเดียวกับเฟืองต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวเหล่านี้ทั้งหมดยังสามารถมองเห็นได้จากด้านหน้าของนาฬิกา ผ่านสะพานจักรรองรับซึ่งตัดขึ้นรูปอย่างแม่นยำโดยเครื่องจักร
ความท้าทายสูงสุดของ Long Island Evolution Master Jumper คือการมอบพลังงานให้กับการแสดงด้วยตัวเลขเหล่านี้ ที่การส่งถ่ายจังหวะการกระโดดแบบฉับพลันสำหรับชั่วโมงและนาทีนั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการกระโดดหรือจั๊มปิ้งของชั่วโมง และแม้กระทั่งเมื่อสิ้นสุดวัน ที่การแสดงวันที่จะต้องกระโดดด้วยเช่นกัน และเพื่อให้บรรลุถึงกำลังบิดที่เพียงพอไปตลอดจนถึงสิ้นสุดพลังงานสำรอง เราจึงได้สร้างสรรค์นวัตกรรมของระบบตลับลานคู่ขึ้น ที่ประกอบด้วยตลับลานตัวแรก ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทำหน้าที่ขับเคลื่อนดิสก์แสดงชั่วโมงและนาที ขณะที่ตลับลานตัวที่สองซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ทำหน้าที่มอบพลังงานให้กับกลไกและดิสก์สองตัวที่เชื่อมโยงกับการแสดงวันที่บนกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ รายละเอียดของกลไก คาลิเบอร์ FM 3100 ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับเรือนเวลานี้ได้ถูกพิมพ์ข้อความไว้เพื่อบ่งบอกถึงความก้าวหน้าทางเทคนิคของกลไกชุดนี้ ภายใต้วิถีอันสร้างสรรค์ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากสี่ปีเต็มของการพัฒนา กลไกชุดนี้ยังผ่านการตกแต่งด้วยมือ พร้อมด้วยเทคนิคอีกมากมายที่นำมาใช้ในโรงงานการผลิตของเรา เพื่อมอบซึ่งกลไกที่ทั้งสวยงามและน่าทึ่งทางเทคนิค
Long Island Evolution Giga Tourbillon
Grand Tourbillon
ทูร์บิญอง ถือเป็นงานออกแบบไอคอนิกสูงสุดในโลกของเรือนเวลาชั้นสูง ของวันนี้ และ Franck Muller ได้สร้างสรรค์ทูร์บิญองหลากหลายประเภทสำหรับติดตั้งภายในนาฬิกาข้อมือมานับตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของแบรนด์ โดยเราถือเป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาทูร์บิญองหลายแกน (multi-axis tourbillon) ขึ้น และยังครองสถิติสำหรับนาฬิกาข้อมือสลับซับซ้อนสูงสุดเท่าที่เคยสร้างสรรค์มา โดยในวันนี้ กลไก Giga Tourbillon (กิกะ ทูร์บิญอง) ของเรา ซึ่งมีกรงทูร์บิญองขนาด 20 มม. ได้มาปรากฏโฉมในตัวเรือน Long Island พร้อมด้วยการตีความใหม่อันเซ็กซี่และทันสมัย ตลอดจนการเคลือบตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมดซึ่งจับคู่ได้อย่างลงตัวกับตัวเรือนไทเทเนียม
กรงทูร์บิญองขนาดใหญ่ของ Long Island Evolution Giga Tourbillon (ลอง ไอส์แลนด์ อีโวลูชั่น กิกะ ทูร์บิญอง) ได้ครองพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของกลไกทั้งชุด พร้อมด้วยสะพานจักรรองรับแบบสามแฉกที่สะท้อนอย่างใกล้ชิดถึงสะพานจักรต่าง ๆ ของตลับลานซึ่งทำหน้าที่รองรับเมนสปริงทั้งสี่ตัวไว้ทั้งหมด องค์ประกอบเหล่านี้ได้มอบซึ่งพลังงานสำรองอันยาวนานถึง สี่วัน พร้อมการแสดงพลังงานสำรอง ณ ระหว่างตลับลานต่าง ๆ ส่วนเข็มชี้เติมด้วยสารเรืองแสง ซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova) ที่ทั้งสองเข็มชี้ไปยังชั่วโมงและนาที พร้อมด้วยทูร์บิญองขนาดใหญ่พิเศษซึ่งทำหน้าที่คู่สำหรับเป็นหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีต่อเนื่อง
Long Island Evolution 7 Days Power Reserve
ความคลาสสิกอันมั่นคง
เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลกชัน เรายังได้สร้างสรรค์นาฬิกาแบบสามเข็มชี้รุ่นที่สามขึ้นซึ่งติดตั้งด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ FM 1745 ภายใต้งานออกแบบแบบสเกเลตันอย่างสมบูรณ์ โดยเรือนเวลาอันน่าประทับใจนี้มอบการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึงเจ็ดวัน พร้อมการทำงานอย่างแม่นยำด้วยความถี่สม่ำเสมอที่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง ในผลงานเรือนเวลารุ่น Long Island Evolution 7 Days Power Reserve (ลอง ไอส์แลนด์ อีโวลูชั่น 7 เดย์ส พาวเวอร์ รีเสิร์ฟ) ที่ตั้งใจหวนคืนสู่สไตล์คลาสสิกของกลไกนาฬิกาพก แต่ยังคงมอบไว้ซึ่งการปรับโฉมใหม่อย่างเข้มแข็งและชวนหลงใหลซึ่งรับได้อย่างลงตัวกับเอกลักษณ์ ‘T’ ของตัวเรือน ลอง ไอส์แลนด์ ใหม่
โดยสะพานจักรต่าง ๆ ของกลไกนี้ผ่านการสลักเสลาแบบสเกเลตันทั้งหมด เพื่อมอบภาพการมองเห็นกลไกได้อย่างชัดเจนสูงสุดผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ พร้อมด้วยหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีเล็ก ณ ด้านล่างสุดของการแสดง ที่จัดวางไว้อย่างสมดุลและสมบูรณ์แบบเข้ากับเมนสปริงขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือขึ้นไป ส่วนรางเกียร์เฟืองและเกียร์เฟืองไขลานต่าง ๆ เผยให้มองเห็นได้บางส่วน ทั้งยังสามารถสำรวจความซับซ้อนและสวยงามของกลไกนี้เพิ่มเติมได้ผ่านฝาหลังของนาฬิกา ขณะที่เหนือขึ้นไปจากกลไก เป็นการแสดงด้วยตัวเลขอารบิกบอกชั่วโมงขนาดใหญ่ที่วาดด้วยสารเรืองแสง เพื่อแสดงเวลาได้อย่างชัดเจน และสามารถมองเห็นได้ในที่มืดด้วยรายละเอียดเรืองแสงของเรือนเวลา
นาฬิกาทั้งสามรุ่นใหม่ของ Long Island ล้วนอุทิศให้กับผลงานสร้างสรรค์ Long Island แบบดั้งเดิม แต่นำมาแสดงออกด้วยมิติและความสง่างามครั้งใหม่ เช่นเดียวกับงานออกแบบใหม่ของนาฬิกาแสดงเวลาแบบสามเข็มชี้ โดยทุกรุ่นยังได้ร่วมสะท้อนให้เห็นว่า Franck Muller ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและก้าวไกลยิ่งขึ้นตลอดกว่า 30 ปี ที่ผ่านมา และพวกเรายังคงเดินหน้าสู่การบรรลุถึงจุดสูงสุดอันยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นต่อไป
เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเอเชียแปซิฟิก
นาฬิการุ่น Long Island Evolution มีจัดจำหน่ายเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับรุ่น Long Island Evolution 7 Days Power Reserve ทั้งหมด 300 เรือน รุ่น Long Island Evolution Master Jumper 100 เรือน และ รุ่น Long Island Evolution Giga Tourbillon จำนวน 8 เรือน
เกี่ยวกับ House of Franck Muller
House of Franck Muller (เฮาส์ ออฟ แฟรงค์ มุลเลอร์) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 โดยช่างนาฬิกาชั้นครู Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาและนักธุรกิจ Vartan Sirmakes (วาร์ทัน เซอร์เมกส์) เป็นหนึ่งในบริษัทนาฬิกาอิสระที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในการประดิษฐ์เรือนเวลาร่วมสมัย โดย Franck Muller เลื่องชื่อด้านความประณีตในการสร้างสรรค์กลไกจักรกลสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และส่วนใหญ่ยังนับเป็นนวัตกรรมกลไกเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงาน ณ หมู่บ้าน Genthod (เกนท์ออด) ของเมืองเจนีวา หรือที่รู้จักกันในชื่อ Watchland ด้วยความสำเร็จจากการเปิดตัวผลงานที่นับเป็นครั้งแรกของโลกและสิทธิบัตรมากกว่า 50 ฉบับ แฟรงค์ มุลเลอร์ได้สร้างสีสันด้วยประดิษฐกรรมเวลาชิ้นเอกของโลก ที่ได้รับความชื่นชมจากผู้คนที่สนใจและหลงใหลในเรือนเวลา รวมถึงคนดังจากทั่วโลก เช่นเดียวกับผลงานการออกแบบอันเป็นตัวแทนสะท้อนถึงความก้าวหน้า ล้ำสมัยทางเทคนิคซึ่งมอบไว้ให้กับประวัติศาสตร์การประดิษฐ์เรือนเวลาชั้นสูง
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567