FRANCK MULLER Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition

Last updated: 4 ต.ค. 2567  |  392 จำนวนผู้เข้าชม  | 

FRANCK MULLER Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition

Franck Muller (แฟรงค์ มุลเลอร์) รังสรรค์เรือนเวลารุ่นพิเศษ Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition (แวงการ์ด ดามัสกัส สตีล ซินเซียร์ แพลทินัม จูบิลี เอดิชัน) มีเพียง 28 เรือน เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของ Sincere Fine Watches และแสดงถึงความทุ่มเทของแบรนด์ให้กับการสร้างสรรค์ซึ่งนวัตกรรมและงานหัตถศิลป์

Franck Muller ได้กลายเป็นตัวแทนของเครื่องบอกเวลาชั้นสูงอันร่วมสมัย โดยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากจิตวิญญาณอันเป็นอิสระอย่างแรงกล้าและความเชี่ยวชาญในการผลักซึ่งพรมแดนต่าง ๆ ด้วยการนำเสนอวัสดุและงานออกแบบใหม่ ๆ เฉกเช่นผลงานเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นี้ที่นับเป็นมรดกแห่งตำนานซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าอันสำคัญในงานฝีมือชั้นสูงแห่งการผสมโลหะหรือโลหะวิทยา

ตามชื่อที่ระบุไว้ว่า รุ่น Sincere Platinum Jubilee Edition นี้ใช้เหล็กดามัสกัส ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสมผสานโลหะผสมเหล็กต่างๆ เข้าด้วยกัน มีต้นกำเนิดมาจากเมืองดามัสกัสในซีเรีย เป็นวัสดุอันโดดเด่นและมีชื่อเสียงจากคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งอันน่าทึ่ง รวมถึงลวดลายชั้นต่าง ๆ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดามัสกัส สตีลได้กลายเป็นรู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยเพราะความทนทานและรูปลักษณ์อันโดดเด่นสะกดสายตา 

สำหรับเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นี้รังสรรค์ขึ้นจากโลหะผสมคุณภาพสูงของ สเตนเลสสตีลสองชนิดซึ่งไม่ได้รับอิทธิพลและไม่เป็นแม่เหล็ก (316L และ 304L) โดยการสร้างสรรค์ขึ้นจากผงของโลหะผสม และมอบซึ่งความแข็งแกร่งที่มิอาจเทียบเคียงได้ เช่นเดียวกับความทนทานต่อการสึกกร่อน นวัตกรรมวัสดุนี้ผสมผสานระหว่างสตีลสองประเภทซ้อนกันอันเป็นกระบวนการผลิตที่ได้รับการปกป้องโดยสิทธิบัตรสากล ซึ่งรับรองได้ถึงความมั่นใจในประสิทธิภาพด้านความทนทานสูงต่อแรงกระแทกและขจัดสิ่งเจือปน จึงช่วยให้กลไกนาฬิกาสามารถทำงานได้อย่างไร้อุปสรรค

การเลือกใช้ Damascus Steel (ดามัสกัส สตีล) ในเรือนเวลารุ่น Sincere Platinum Jubilee Edition นับเป็นตัวเลือกอันเป็นอิสระและสมบูรณ์แบบ สำหรับร่วมถ่ายทอดถึงสัญลักษณ์แห่งความผูกพันอันกล้าหาญและเข้มแข็งระหว่าง Sincere Fine Watches และ Franck Muller ด้วยความโดดเด่นของการเป็นวัสดุที่ประกอบขึ้นจากชั้นต่าง ๆ อันซับซ้อนละเอียดอ่อนของโลหะผสมสองชนิดที่สร้างรูปเป็นตัวเรือนของเรือนเวลานี้ เสมือนตัวแทนถึงสัมพันธภาพอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวระหว่างสองชื่อ เมื่อ Franck Muller ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 ขณะที่ Sincere ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะหนึ่งในผู้ค้าปลีกรายแรก ๆ ของแบรนด์ในภูมิภาค ก่อนที่ในที่สุดยังได้กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟของแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับจากปี ค.ศ. 1992 และนับจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองบริษัทได้เดินหน้าพัฒนาสัมพันธภาพอันเข้มแข็ง โดยการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และบรรลุถึงความสำเร็จสำคัญมากมายร่วมกัน

โดยทั้งตัวเรือน กลไกแบบสเกเลตันทั้งหมด เม็ดมะยม และหัวเข็มขัดสายนาฬิกาของ Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ผ่านการตัดอย่างละเอียดอ่อนจากบล็อกเดียวกันของดามัสกัส สตีล ด้วยเครื่องจักร ซีเอ็นซี (CNC) ภายในโรงงานการผลิตของแบรนด์เอง ทำให้เรือนเวลาแต่ละเรือนนั้นมีลวดลายริ้วเส้นเฉพาะตัว ซึ่งเผยหลังผ่านกระบวนการแช่ในน้ำกรดอันแม่นยำและควบคุมการผลิตภายในโรงงานของ Franck Muller เช่นเดียวกับการแช่กลไกสเกเลตันลงในน้ำกรดซึ่งจำเป็นต้องควบคุมด้านเวลาอย่างเข้มงวดและระมัดระวัง โดยใช้เวลาเพียงสองถึงสามนาทีเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนรูปหรือการหดตัวของวัสดุ

ตัวเรือนอันน่าประทับใจ พร้อมทั้งกลไกสเกเลตัน เม็ดมะยม และหัวเข็มขัดสาย ทั้งหมดล้วนทำจากดามัสกัส สตีล ที่นับเป็นองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีที่สอดแทรกอยู่ในผลงานแต่ละเรือนของนาฬิกา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition และถ่ายทอดไว้อย่างชัดเจน ด้วยความแตกต่างจากสตีลทั่วไป ที่ดามัสกัส สตีล จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการขัดเงาอันพิถีพิถันเพื่อให้ยังคงรักษาไว้ซึ่งงานออกแบบอันโดดเด่น และมั่นใจได้ถึงการตกแต่งอันไร้ที่ติซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทให้กับความล้ำเลิศของ Franck Muller

งานสเกเลตันหรือ openworked กลไกคาลิเบอร์ MVT FM 1740-VS2  อันเย้ายวนใจยังได้หลอมรวมอยู่ในเรือนเวลาVanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ด้วยการรังสรรค์สไตล์สเกเลตันสู่มิติอันประณีตละเอียดอ่อน พร้อมทั้งเผยสถาปัตยกรรมอันซับซ้อนของสะพานจักรทำจากดามัสกัส สตีล โดยการทำงานภายในอันวิจิตรประณีตนี้ยังได้ล้อมกรอบอย่างสมบูรณ์-แบบด้วยขอบโรสโกลด์ ซึ่งเสริมความสง่างามอย่างกลมกลืนด้วยเข็มชี้แสดงชั่วโมง นาที และวินาที ตลอดจนอินเสิร์ตด้านข้าง และฝาเม็ดมะยม ทั้งหมดรังสรรค์อย่างประณีตไร้ที่ติจากโรสโกลด์ พร้อมทั้งวงแหวนหน้าปัดย่อยวินาทีทำจากแซฟไฟร์สีขาวที่จัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งยังคงตกแต่งด้วยมาร์กเกอร์วินาทีโรสโกลด์อันสง่างาม

ทำงานด้วยความถี่ 2.5 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้นาน 7 วัน ที่กลไกสเกเลตันคาลิเบอร์ เอ็มวีที เอฟเอ็ม 1740-วีเอส2 (MVT FM 1740-VS2) คือบทพิสูจน์ของงานหัตถศิลป์อันหาที่เปรียบมิได้ของ Franck Muller โดยตอกย้ำความโดดเด่นผ่านความหลากหลายของเทคนิคงานฝีมือการตกแต่งอันละเอียดอ่อนพิถีพิถันที่นำมาใช้ โดยเฉพาะการประกอบเรกูเลเตอร์ (regulator) ที่ผ่านการตกแต่งด้วยงานขัดเงาดุจกระจก ขณะที่แท่นเครื่อง สะพานจักร และการประกอบเรกูเลเตอร์ได้มอบซึ่งความสวยงามของการขัดขอบอันแม่นยำ ส่วนงานวาดบนขอบด้านข้างยังช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับความแท่นเครื่องและสะพานจักร ด้วยการเพิ่มมิติอันลุ่มลึกให้กับงานออกแบบสไตล์สเกเลตันอันซับซ้อน เช่นเดียวกับร่องโพรงต่าง ๆ ภายในจักรกลซึ่งผ่านการตกแต่งอย่างประณีตด้วยงานขัดเงาด้วยเพชร ขณะที่เฟืองต่าง ๆ ผ่านการขัดด้านแบบซาตินลายวงกลม ตอกย้ำถึงรายละเอียดอันประณีตวิจิตร ขณะที่งานขัดด้านแบบซาตินบนแท่นเครื่องและสะพานจักรยังเสริมซึ่งสุนทรียะความสวยงามอันซับซ้อนทันสมัยของกลไก และมอบเป็นผลลัพธ์ของเรือนเวลาอันน่าทึ่งทั้งในด้านสุนทรียะภาพและความน่าประทับใจเชิงเทคนิคเช่นกัน

เสริมเสน่ห์ให้กับงานออกแบบอันโดดเด่นของเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition คือสายนาฬิกาหนังจระเข้สีดำเพรียวบาง และเน้นย้ำโดยการเย็บตะเข็บด้วยสีโรสโกลด์ ทุก ๆ รายละเอียดของงานออกแบบยังล้วนผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ซึ่งรวมไปถึงหัวเข็มขัดสายที่รังสรรค์จากดามัสกัส สตีล และประทับไว้ด้วยตราสัญลักษณ์ FM ทำจากโรสโกลด์ ความเอาใจใส่ในรายละเอียดนี้ได้ร่วมตอกย้ำถึงความทุ่มเทของแบรนด์ให้กับการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ไม่เพียงมอบความเหนือล้ำทางเทคนิค แต่ยังถ่ายทอดความน่าทึ่งแห่งภาพและรูปลักษณ์อีกด้วย

Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นับเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของ Franck Muller อย่างแท้จริง โดยการผลักซึ่งพรมแดนใหม่ ๆ แห่งการสร้างสรรค์วัสดุและงานออกแบบ เช่นเดียวกับในเรือนเวลารุ่นพิเศษนี้อันเป็นดั่งหลักฐานถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตด้วยเครื่องจักรอันซับซ้อนทันสมัย และ เกิดขึ้นภายในโรงงานการผลิตของตนเอง โดยผ่านการสำรวจถึงโอกาสและความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของวัสดุอันแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว ขณะเดียวกัน Franck Muller ก็ยังคงเดินหน้านำเสนอคอลเลกชันเรือนเวลาอันมิอาจเทียบเคียงได้ ที่ผสมผสานไว้ด้วยประเพณีและความทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ

นาฬิกา Franck Muller Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition รุ่นลิมิเต็ด 28 เรือน จะวางจำหน่ายที่ร้าน Pendulum Boutique ทุกสาขา โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่  1,878,000 บาท

เกี่ยวกับ House of Franck Muller
House of Franck Muller ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 โดยช่างนาฬิกาชั้นครู Franck Muller ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาและนักธุรกิจ Vartan Sirmakes (วาร์ทัน เซอร์เมกส์) เป็นหนึ่งในบริษัทนาฬิกาอิสระที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในการประดิษฐ์เรือนเวลาร่วมสมัย โดย Franck Muller เลื่องชื่อด้านความประณีตในการสร้างสรรค์กลไกจักรกลสุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และส่วนใหญ่ยังนับเป็นนวัตกรรมกลไกเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงาน ณ หมู่บ้าน Genthod (เกนท์ออด) ของเมืองเจนีวา หรือที่รู้จักกันในชื่อ Watchland ด้วยความสำเร็จจากการเปิดตัวผลงานที่นับเป็นครั้งแรกของโลกและสิทธิบัตรมากกว่า 50 ฉบับ Franck Muller ได้สร้างสีสันด้วยประดิษฐกรรมเวลาชิ้นเอกของโลก ที่ได้รับความชื่นชมจากผู้คนที่สนใจและหลงใหลในเรือนเวลา รวมถึงคนดังจากทั่วโลก เช่นเดียวกับผลงานการออกแบบอันเป็นตัวแทนสะท้อนถึงความก้าวหน้า  ล้ำสมัยทางเทคนิคซึ่งมอบไว้ให้กับประวัติศาสตร์การประดิษฐ์เรือนเวลาชั้นสูง

เกี่ยวกับ Sincere Fine Watches
นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1954 Sincere Fine Watches เป็นดั่งชื่อที่สอดคล้องกับความหายากและความประณีต โดยการคัดสรรคอลเลกชันของนาฬิกาอันประณีตวิจิตรที่สะท้อนด้วยรสนิยมอันแท้จริงของเหล่าผู้ซึ่งหลงใหลในเรือนเวลา ในวันนี้ ผู้ค้าปลีกรายนี้ได้ขยายการปรากฏตัวสู่บูติก 20 แห่งทั่วเอเชีย ซึ่งรวมไปถึงบูติกที่บริหารงานโดยบริษัท เพนดูลัม จำกัด (และสาขาย่อยที่บริหารดูแลในฐานะเจ้าของทั้งหมดโดย Sincere Watch Limited การบริหารงานภายใต้ฉลาก ซินเซียร์ ในประเทศไทยมานับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 บริษัท เพนดูลัม จำกัด ได้ร่วมสวมบทบาทสำคัญในการบุกเบิกอุตสาหกรรมนาฬิกาหรูภายในตลาดนาฬิกาของไทย และได้สร้างความเข้มแข็งอันมั่นคงให้กับตำแหน่งของตน ด้วยผลงานอันหลากหลายของกลุ่มบริษัท ในวันนี้ได้ครอบคลุมถึงการคัดสรรอันกว้างขวางร่วมกับเหล่าพันธมิตรนาฬิกาอันทรงเกียรติกว่า 40 แบรนด์ ดึงดูดความสนใจโดยคอลเลกชันอันหลากหลายของเหล่าแบรนด์นาฬิกาอันทรงเกียรติ และการปรากฏตัวในตลาดที่ขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง Cortina Holdings ได้เข้าถือครองกิจการของ ซินเซียร์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2021 โดยการผนึกความร่วมมือครั้งนี้ได้ช่วยให้สามารถยกระดับนโยบายและกลยุทธ์ทางธุรกิจอันเข้มแข็งของคอร์ติน่า และเสริมความเข้มแข็งให้กับตำแหน่งในตลาด ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่อันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวโดยการเสริมทั้งความเข้มแข็ง การฟื้นคืนและผนึกความมั่นคง ด้วยกลยุทธ์แห่งความร่วมมือนี้ Sincere Fine Watches ยังคงดำรงตนเพื่อรักษาไว้ซึ่งตำนานแห่งความล้ำเลิศและนวัตกรรม พร้อมทั้งมุ่งมั่นพยายามที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับแถวหน้าของสัญลักษณ์แห่งนิยามใหม่ในวงการค้าปลีกเรือนเวลาหรูระดับโลก

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้