Last updated: 10 พ.ค. 2568 | 30 จำนวนผู้เข้าชม |
จากจุดเริ่มต้นของแบรนด์ในช่วงปี 1990 สานต่อสู่การเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง DANIEL ROTH Extra Plat Rose Gold ผลงานทางด้านประเพณีที่สะท้อนความเป็นเลิศทางด้านศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูงของคุณร็อธ ที่วางรางฐานไว้ เช่นเดียวกับ Extra Plat Souscription นาฬิกา Extra Plat Rose Gold ยังคงขับเคลื่อนด้วยกลไก DR002 ที่พัฒนาและประกอบโดย La Fabrique du Temps Louis Vuitton ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์ มิเชล นาวาส (Michel Navas) และ เอ็นรีโก บาร์บาซินี (Enrico Barbasini)
เดรสวอทช์ที่บางเฉียบถือเป็นหนึ่งแนวคิดโปรดปรานของคุณร็อธมาโดยตลอด โดยเขาได้วาดภาพต้นแบบไว้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 กระทั่ง Extra Plat Automatic รุ่นแรกได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1990 หนึ่งปีหลังจากการเปิดตัว Tourbillon C187
ยังคงได้รับแรงบันดาลใจจากงานออกแบบดั้งเดิม ตัวเรือนโรสโกลด์ 5N มาพร้อมตัวเรือนรูปทรง Double Ellipse อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมแกะสลักลวดลายร่องนูนตรงกลาง (Centred Gadroon) เพื่อสร้างความสมดุลแห่งสุนทรียภาพ ขณะเดียวกันตัวเชื่อมสายยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีลักษณะโค้งมนและเอียงรับกับข้อมือเพื่อการสวมใส่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น
THE WATCH
สอดคล้องกับประเพณีในการออกแบบตัวเรือนทรง Double-Ellipse อันเป็นเอกลักษณ์ของ DANIEL ROTH ตัวเรือน Extra Plat Rose Gold ถูกปรับให้มีความบางลงเหลือเพียง 7.7 มม. ซึ่งช่วยเสริมความงามของรูปทรงให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยยังคงหลักการออกแบบเริ่มต้นของ Tourbillon Rose Gold ทางด้าน Extra Plat ทำจากโรสโกลด์ 5N และมีฝาหลังแบบโปร่งเพื่อให้เห็นกลไกภายในอย่างชัดเจน หน้าปัดเป็นแบบทูโทน โดยมีฐานทำจากไวท์โกลด์ และวงแหวนแสดงชั่วโมงและนาทีทำจากโรสโกลด์ 5N
หน้าปัดมีการออกแบบอย่างหรูหราด้วยการตกแต่งด้วยการแกะสลักกิโยเช่ (guillochage en ligne) หรือการแกะลายเล้นริ้วแบบพินสไตรป์ (pinstripes guilloche) ซึ่งทำด้วยมือ การเลือกใช้โรสโกลด์ 5N ช่วยเพิ่มความรู้สึกอบอุ่น เชื่อมโยงระหว่างงานฝีมือดั้งเดิมกับความสวยงามแบบร่วมสมัยได้อย่างกลมกลืน
"โรสโกลด์เป็นโลหะมีค่าและเปล่งประกายอันมีเสน่ห์ ดึงดูดความสนใจในรูปแบบร่วมสมัย ในขณะที่ยังคงรากฐานที่ลึกซึ้งในศิลปะการผลิตนาฬิกาคลาสสิก" Matthieu Hegi, ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ DANIEL ROTH กล่าว
Extra Plat Rose Gold มีขนาดเดียวกับ Extra Plat Souscription โดยมีความกว้างของตัวเรือน 35.5 มม. และความยาว 38.6 มม. นอกจากนี้ ฝาหลังแบบโปร่งช่วยให้สามารถชมการตกแต่งอันประณีตของกลไก DR002 ได้อย่างชัดเจน
การประกอบตัวเรือนทำตามประเพณีดั้งเดิมในการผลิตนาฬิกาชั้นสูง โดยแต่ละตัวเชื่อมสายทำแบบแยกชิ้นส่วน แล้วทำการเชื่อมติดกับตัวเรือนด้วยการบัดกรีด้วยมืออย่างประณีตทีละชิ้น เข็มนาฬิกาทำจากสเตนเลสสตีลเคลือบสีดำ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขโรมันสีดำและหมายเลขกำกับของนาฬิกาแต่ละเรือน
THE CALIBRE DR002
การออกแบบกลไกเพื่อเป็นเกียรติแก่คุณร็อธ และประเพณีของการผลิตนาฬิกาสวิสชั้นสูง กลไก DR002 ถูกสร้างขึ้นโดยช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์ Michel Navas และ Enrico Barbasini ในขณะที่ยังคงลักษณะการออกแบบที่โดดเด่นของกลไก DR001 Tourbillon ซึ่งกลไก DR002 ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดสำหรับคอลเลกชั่น Extra Plat และจะเป็นกลไกพื้นฐานสำหรับการพัฒนาฟังก์ชั่นเพิ่มเติมในอนาคต
EXCEPTIONAL FINISHINGS IN EVERY COMPONENT
การออกแบบกลไกสะท้อนรูปทรง Double-Ellipse ของตัวเรือน โดยเผยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งสะท้อนคุณภาพผ่านงานฝีมือ กลไก DR002 ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์คลาสสิก โดยออกแบบใช้ฟันเฟืองขนาดใหญ่ที่เติมเต็มพื้นที่ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสะพานจักรกลที่มีเส้นสายโค้งไหลลื่น และขอบมุมที่ผ่านการขัดเงาด้วยมืออย่างประณีต
AN ALL-NEW CALIBRE
“เรายึดมั่นในหลักการการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมมาโดยตลอด โดยใส่ใจในทุกรายละเอียด กลไก DR002 คือหลักฐานแห่งความมุ่งมั่น และสะท้อนแก่นแท้ของ Haute Horlogerie อย่างแท้จริง” Michel Navas กล่าว พร้อมกับความตั้งใจที่จะรักษาแนวทางของคุณร็อธ ไว้ Enrico Barbasini เสริมว่า “ด้วยความเคารพต่อวิสัยทัศน์ของแดเนียลเราออกแบบกลไก DR002 โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาคุณภาพระดับสูง พร้อมผสานความก้าวหน้าทางเทคนิคสมัยใหม่เข้าไปด้วย”
แม้ว่ากลไกจะแสดงออกถึงความสง่างามแบบคลาสสิก แต่ความล้ำหน้าทางเทคนิคก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ตัวอย่างเช่น บาลานซ์วีลที่ทำงานด้วยความถี่ 4 เฮิร์ต ถูกออกแบบให้เป็นแบบ free-sprung โดยมีแขนทั้งสี่ข้างติดตั้งตุ้มถ่วงน้ำหนักแบบปรับได้ เพื่อการปรับเทียบความเที่ยงตรงอย่างละเอียด ช่วยให้การเดินของเวลามีความแม่นยำและเสถียรในระยะยาว นอกจากนี้ เมนสปริงขนาดใหญ่เพียงชุดเดียว ยังให้พลังงานสำรองได้นานถึง 65 ชั่วโมง หรือประมาณ 3 วัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในช่วงสุดสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อเสริมความงามให้กับกลไก DR002 ทั้งในด้านรูปลักษณ์และประสบการณ์ที่ได้รับ หนึ่งในรายละเอียดที่โดดเด่นคือชิ้นส่วนกลไกขนาดเล็กในระบบขึ้นลาน ซึ่งผลิตขึ้นด้วยมืออย่างบรรจง ไม่เพียงเพิ่มความงดงามของกลไกที่มองเห็น แต่ยังมอบความรู้สึกที่แม่นยำและน่าพึงพอใจขณะทำการขึ้นลาน ความงามของกลไก DR002 ยิ่งโดดเด่นเมื่อมองผ่านฝาหลัง เผยให้เห็นการตกแต่งอันวิจิตรและโครงสร้างที่ยึดถือขนบการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม
DANIEL ROTH Extra Plat Rose Gold จึงไม่ใช่เพียงนาฬิกา หากแต่เป็นบทกวีแห่งเครื่องบอกเวลาที่เชิดชูศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกาชั้นสูงของสวิส
โทนสีอันอบอุ่นและโมเดิร์นของโลหะผสม 5N นี้ ช่วยเสริมความสง่างามของนาฬิกา พร้อมเชื่อมโยงงานฝีมือแบบดั้งเดิมเข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างกลมกลืน
ABOUT DANIEL ROTH
ในปี 1988 ทาง Daniel Roth ช่างทำนาฬิการะดับมาสเตอร์ ได้ก่อตั้งแบรนด์ที่พลิกโฉมวงการนาฬิกาอิสระอย่างสิ้นเชิง ด้วยความเชี่ยวชาญด้านกลไกอันโดดเด่นและความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเป็นเลิศของนาฬิกา เขาได้สร้างมาตรฐานใหม่ที่ผสานความซับซ้อนทางวิศวกรรมเข้ากับดีไซน์ที่สง่างามและเรียบหรู ความหลงใหลในศาสตร์แห่งนาฬิกาของเขาเริ่มต้นตั้งแต่สมัยทำงานที่ Audemars Piguet และ Breguet ซึ่งเขาได้ฝึกฝนศาสตร์ในการผลิตกลไกอันซับซ้อนอย่างทูร์บิญองจนเชี่ยวชาญ ความทุ่มเทในกลไกนี้ได้นำไปสู่การออกแบบตัวเรือนทรง Double-Ellipse ซึ่งช่วยให้ทูร์บิญองกลายเป็นหัวใจสำคัญทั้งในด้านเทคนิคและความงาม ถือเป็นจุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งเครื่องบอกเวลา ด้วยแรงผลักดันในการฟื้นฟูงานฝีมือแบบดั้งเดิม คุณร็อธ จึงมุ่งเน้นสร้างนาฬิกาที่นำเสนอความแม่นยำทางกลไกและความสง่างามในรูปแบบที่เรียบง่ายอย่างเห็นได้ชัดเจน
แบรนด์ DANIEL ROTH ได้รับการฟื้นคืนชีพอีกครั้งในปี 2023 ด้วยการสนับสนุนจาก La Fabrique du Temps Louis Vuitton โดยยังคงยึดมั่นในรากฐานแห่งศิลปะการผลิตนาฬิกาชั้นสูง DANIEL ROTH ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง ขณะเดียวกันก็เปิดรับนวัตกรรมร่วมสมัย นาฬิกาทุกเรือนสะท้อน DNA อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยความสง่างามที่ประณีตและความแม่นยำของกลไก รักษาชื่อเสียงในฐานะงานฝีมือชั้นเลิศ
การฟื้นคืนของแบรนด์เริ่มต้นด้วย ทูร์บิญอง ซึ่งเป็นกลไกที่คุณร็อธ โปรดปราน โดยเปิดตัวคอลเลกชั่น Souscription ผลิตจำนวนจำกัดในรุ่นเยลโล่โกลด์ และตามมาด้วยรุ่นโรสโกลด์ คอลเลกชั่นนี้เป็นการเคารพแก่มรดกของแบรนด์ ขณะเดียวกันก็เปิดตัวกลไกในรุ่น DR001 ซึ่งผลิตอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ผ่านการตกแต่งด้วยมือทั้งหน้าปัดกิโยเช่ลาย Clou de Paris ทำจากทองคำแท้ สะท้อนถึงแนวคิด "La Montre Objet d’Art" หรือ “นาฬิกาคือผลงานศิลปะ”
ปัจจุบัน แบรนด์ยังคงดำเนินตามวิสัยทัศน์ของคุณร็อธ โดยร่วมงานกับช่างฝีมือชั้นนำในการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาชั้นเยี่ยม แม้ในยุคแห่งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นาฬิกา DANIEL ROTH ก็ยังคงความคลาสสิคเหนือกาลเวลา สืบสานศิลปะและประเพณีแห่งการบอกเวลาสืบไป
ติดตามเรื่องราวการกลับมาของ Daniel Roth ได้ทาง www.danielroth.com
สำหรับสื่อสามารถติดต่อได้ทาง: press@danielroth.com
ติดตาม Instagram ของได้ที่ @danielrothofficial
ABOUT LA FABRIQUE DU TEMPS LOUIS VUITTON
La Fabrique du Temps Louis Vuitton ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ผลิตนาฬิการะดับมาสเตอร์ผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ อย่าง Michel Navas และ Enrico Barbasini โดยเป็นสถานที่รวมตัวของนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือไว้ภายใต้หลังคาเดียวกันในเมือง Meyrin แคว้นเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สืบสานความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศของ Louis Vuitton ที่เริ่มต้นมากว่า 20 ปีที่ผ่านมา
โดยยังรวมถึงแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Gerald Genta และ DANIEL ROTH โรงงานผลิตแห่งนี้มีขนาดที่เหมาะสมต่อการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน และผสานความเชี่ยวชาญเชิงศิลป์กับนวัตกรรมเพื่อสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาชั้นเลิศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าสร้างสรรค์ที่ได้รับการตีความใหม่อย่างต่อเนื่อง
La Fabrique du Temps Louis Vuitton ได้รวมกระบวนการผลิตนาฬิกาของทั้งสามแบรนด์ไว้ในที่เดียว ครอบคลุมทั้งส่วนประกอบด้านกลไกและความงามอย่างครบถ้วน โดยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ La Fabrique des Boîtiers (การผลิตตัวเรือน) La Fabrique des Cadrans (การผลิตหน้าปัด) และ La Fabrique des Mouvements (การผลิตกลไก) ซึ่งล้วนผสมผสานระหว่างทักษะช่างดั้งเดิมและเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อรังสรรค์งานตกแต่งที่เหนือระดับ — โดยบางชิ้นยังได้ประทับตราคุณภาพ Poinçon de Genève อีกด้วย
9 พ.ค. 2568
8 พ.ค. 2568
10 พ.ค. 2568