Last updated: 30 พ.ค. 2568 | 248 จำนวนผู้เข้าชม |
Cartier และ Expo 2025 โอซาก้า คันไซ ญี่ปุ่น เปิด Women’s Pavilion อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะรัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น คาร์เทียร์ และสมาคมผู้จัดงานมหกรรมโลกญี่ปุ่น ในฐานะเวทีระดับโลกที่อุทิศเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างสร้างสรรค์ และเชิดชูบทบาทสำคัญของผู้หญิงในการร่วมสร้างสังคมที่เปิดกว้าง เข้มแข็ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่การกล่าวเปิดงานและเวทีเสวนา WA Dialogues ไปจนถึงพิธีเปิดอันเปี่ยมด้วยความหมาย และงานเลี้ยงฉลอง Women’s Pavilion ซึ่งถ่ายทอดความงดงามทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง ณ Osaka Geihinkan เป็นจุดเริ่มต้น ของการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมในครั้งนี้
คำกล่าวเปิดงาน Women’s Pavilion
พิธีเปิดอย่างเป็นทางการของ Women’s Pavilion เริ่มต้นขึ้น ณ บริเวณพื้นที่ WA ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะแบบอะโกรา (Agora) บนชั้นสองของอาคาร Women’s Pavilion โดยได้รับการออกแบบให้เป็นเวทีสำหรับการเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดระยะเวลา 6 เดือนของงานนิทรรศการ พื้นที่แห่งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเวทีแห่งการใคร่ครวญ การแลกเปลี่ยน และการขับเคลื่อนสู่อนาคต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดพันธกิจของ Women’s Pavilion สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก
ในช่วงพิธีเปิดงาน ยูโกะ นากายามะ (Yuko Nagayama) สถาปนิกชาวญี่ปุ่นผู้รับผิดชอบการออกแบบ Women’s Pavilion พร้อมด้วย ดิมิทรี เคอร์เคนท์เซส (Dimitri Kerkentzes) เลขาธิการใหญ่ของ BIE, ซีริลล์ วิญเญอรอง (Cyrille Vigneron) ประธานกรรมการ Cartier Culture & Philanthropy และ จูน มิยาชิ (June Miyachi) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cartier ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันเผยแก่นแท้ของ Women’s Pavilion พร้อมถ่ายทอดข้อความอันทรงพลังว่า “การเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิง คือหัวใจสำคัญของอนาคตร่วมกันของเรา” คำกล่าวของพวกเขาได้ตอกย้ำถึงมรดกอันยั่งยืนของ Women’s Pavilion ซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกจากงาน Expo 2020 ประเทศดูไบและได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่อีกครั้งในโอซาก้า
ต่อยอดจากมรดกอันทรงคุณค่า โครงสร้างด้านหน้าอาคาร Women’s Pavilion ที่ออกแบบโดย ยูโกะ นากายามะ จะมีการนำกลับมาใช้ใหม่เป็นครั้งที่สาม ในฐานะโครงสร้างเวทีหลักของพื้นที่จัดงานอย่างเป็นทางการ ณ งาน Green Expo เมืองโยโกฮามา ในปี 2570 ซึ่งจะช่วยขยายบทบาททั้งในด้านสถาปัตยกรรมและความหมายเชิงสัญลักษณ์ของ Women’s Pavilion ให้ยาวนานและกว้างไกลกว่าเพียงในงาน Expo
พื้นที่ WA สะท้อนเจตนารมณ์ที่ลึกซึ้งของ Women’s Pavilion ในการเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นระดับโลกที่ก้าวข้ามพรมแดน เป็นพื้นที่ที่หลากหลายเสียงความคิดเห็นมารวมกันเพื่อจุดประกายแห่งการลงมือทำ และการเปลี่ยนแปลงกรอบที่ยึดถือมาอย่างยาวนาน ร่วมสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ในแบบฉบับของงาน World Expo ตั้งแต่ดูไบจนถึงโอซาก้า พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้า Women’s Pavilion มุ่งหวังสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ สังคมพลเมือง และวงการวัฒนธรรม ที่นี่การออกแบบกลายเป็นบทสนทนา สถาปัตยกรรมกลายเป็นการสนับสนุน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกลายเป็นแรงขับเคลื่อน
WA Dialogues: การสร้างสรรค์โลกร่วมกัน
การเสวนา WA Dialogues ได้เปิดฉากอย่างทรงพลังด้วยการส่งสารเชิญชวนให้ร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภายใต้หัวข้อ “การสร้างสรรค์โลกร่วมกัน” (Shaping The World Together) ดำเนินรายการโดย แซนดี ท็อกสวิก OBE (Sandi Toksvig OBE) นักเขียน ผู้จัดรายการ และผู้สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศชื่อดัง เปิดด้วยหัวข้อ “การเติบโตร่วมกัน: สร้างพันธมิตรเพื่ออนาคตที่สดใสกว่า” (Together We Thrive: Forging Alliances for a Brighter Future) โดยมีผู้ร่วมอภิปราย ได้แก่ ซีริลล์ วิญเญอรอง (Cyrille Vigneron), เคียร์ซี มาดี (Kirsi Madi) รองผู้อำนวยการบริหารฝ่ายบริหารจัดการทรัพยากร ความยั่งยืน และพันธมิตรของ UN Women และ ดร. อานิโน อิมูวา (Dr. Anino Emuwa) กรรมการผู้จัดการ Avandis Consulting และผู้ก่อตั้ง 100 Women@Davos ซึ่งโดยทั้งหมดได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของความร่วมมือในระดับสถาบัน ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการขจัดอุปสรรคเชิงระบบ และเร่งการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ
การเสวนาช่วงที่สอง ภายใต้หัวข้อ “พลังแห่งการให้: เปลี่ยนชีวิตเพื่ออนาคต” (Transformative Philanthropy: The Power to Change Lives) ดำเนินรายการโดย ปาสกาล เดอ ลา เฟรกอนนิแยร์ (Pascale de la Frégonnière) ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ของ Cartier Philanthropy โดยเน้นย้ำบทบาทที่เป็นรูปธรรมของการทำงานเพื่อสังคม (philanthropy) ในการสนับสนุนผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ในการเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ซาฟีนา ฮัสเซน (Safeena Husain) ผู้ก่อตั้งและกรรมการของมูลนิธิ Educate Girls, เบนจามิน โอมอนดิ เอ็มโบยา (Benjamin Omondi Mboya) ผู้อำนวยการบริหารของ Ujamaa และ ซีริลล์ วิญเญอรอง (Cyrille Vigneron) โดยร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นสำคัญที่ครอบคลุมตั้งแต่ความรุนแรงทางเพศ ความไม่เท่าเทียมทางกฎหมาย ตลอดจนการเข้าถึงการศึกษาและบริการด้านสุขภาพ
“เมื่อภาครัฐและภาคเอกชน มูลนิธิการกุศล และปัจเจกบุคคลรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อจุดประสงค์ร่วมกันย่อมกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการสร้างสรรค์สิ่งดีงาม การเสวนา WA Dialogues เปรียบเสมือนพื้นที่ร่วมสมัยใหม่ ที่เป็นเวทีที่เปิดกว้างให้ผู้มีวิสัยทัศน์จากทั่วโลก โดยเฉพาะผู้หญิง ได้ร่วมแบ่งปันแนวคิดและความสำเร็จ การส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิง คือรากฐานของความก้าวหน้าที่ยั่งยืน เพราะ เมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน”
ซีริลล์ วิญเญอรอง ประธานกรรมการ Cartier Culture & Philanthropy กล่าว
พิธีเปิดอันทรงคุณค่าที่เปี่ยมด้วยวัฒนธรรม นวัตกรรม และเจตนารมณ์
บริเวณใจกลางของอาคารจัดแสดงหลัก งานพิธีเปิด Women’s Pavilion ได้ต้อนรับแขกผู้เข้าร่วมกว่า 1,600 คน จากหลากหลายช่วงวัยและหลากหลายประเทศ ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน พันธมิตรองค์กร สื่อมวลชน ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนนักศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงพันธกิจของ Women’s Pavilion ที่มุ่งเน้นความครอบคลุม
และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ภายในออดิทอเรียมที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากไซแมติกส์ (Cymatics)หรือศาสตร์แห่งการมองเห็นเสียงพื้นที่จัดแสดงถูกสร้างขึ้นให้เป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์ที่สื่อสารผ่านประสาทสัมผัส โดยมีรูปทรงคล้ายกลอง และแวดล้อมด้วยคลื่นเสียงที่แปรเปลี่ยนเป็นลวดลายแสงระยิบระยับที่ฉายบนผนังและเพดาน ถ่ายทอดทุกบทกล่าวสุนทรพจน์ และการแสดงให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งมองเห็นและรู้สึกได้
เวทีแห่งนี้จึงไม่ใช่เพียงพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรม แต่ทำหน้าที่เป็นช่องทางในการสื่อสารเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ของ Women’s Pavilion ที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
พิธีเปิดเริ่มต้นด้วยการกล่าวต้อนรับจาก จูน มิยาชิ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cartier ประเทศญี่ปุ่น ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Cartier ในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ และความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน จากนั้นมีการถ่ายทอดข้อความผ่านวิดีโอจาก โยชิทากะ อิโต (Yoshitaka Ito) รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบงาน Expo 2025 ประเทศญี่ปุ่น และปาฐกถาพิเศษโดยเจ้าหญิงทากามาโดะ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ซึ่งต่างเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการรวมพลังและลงมือปฏิบัติ
ฯพณฯ รีม อัล ฮาชิมี (Her Excellency Reem Al Hashimy) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักงาน Expo City Dubai สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้กล่าวสะท้อนถึงมรดกของ Women’s Pavilion พร้อมเน้นย้ำถึงพลังของความร่วมมือเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
ปิดท้ายด้วยวิดีโอจาก เท็ตสึโกะ คุโรยานางิ (Tetsuko Kuroyanagi) ผู้สนับสนุน Women’s Pavilion มาอย่างยาวนานและเป็นหนึ่งในบุคคลต้นแบบของโครงการ ได้ตอกย้ำข้อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
ปิดท้ายพิธีการด้วยคำกล่าวจาก ซีริลล์ วิญเญอรอง ประธานกรรมการ Cartier Culture & Philanthropy ตอกย้ำถึงความร่วมมือของ Cartier กับ Expo ในฐานะที่เป็นเวทีอันทรงพลังสำหรับการเสวนาระดับโลก ความร่วมมือที่สำคัญ และความก้าวหน้าที่ยั่งยืน
“ที่ Cartier เราเชื่อว่าความก้าวหน้าคือความพยายามร่วมกัน Women’s Pavilion เป็นพื้นที่สำหรับยกระดับเสียง ความคิด มุมมอง และเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ความเท่าเทียมที่ยั่งยืนอยู่แค่เอื้อม เมื่อเราเลือกที่จะสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน”
จูน มิยาชิ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cartier ประเทศญี่ปุ่น กล่าว
“ผู้หญิงเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด แต่เรื่องราวของพวกเธอมักไม่ได้รับ
การบอกเล่า Women's Pavilion เฉลิมฉลองความแข็งแกร่งและพลังที่เข้มแข็งของพวกเธอ
ส่องประกายให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงในการเป็นแรงบันดาลใจและกำหนดอนาคต นี่คือการเรียกร้องให้พวกเรา
ทุกคนตระหนักถึงการมีส่วนร่วมของพวกเธอ ร่วมมือกันสร้างสรรค์โลกที่เท่าเทียมและเปี่ยมด้วยความเมตตามากยิ่งขึ้น”
เท็ตสึโกะ คุโรยานางิ นักจัดรายการ นักเขียน และทูตสันถวไมตรียูนิเซฟ กล่าว
การแสดงศิลปะในฐานะภาษาสากล
พิธีเปิดเริ่มต้นด้วยบทกวีจาก เจเจ โบลา (JJ Bola) นักเขียน กวี และทูตสันถวไมตรีของ UNHCR ที่ได้อ่านบทกวีต้นฉบับ “Something Beautiful” พร้อมบทเพลงประกอบโดย เคียแรน บรันท์ (Kieran Brunt) โบลาได้สร้างบรรยากาศทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งให้กับงานในครั้งนี้ ผลงานของเขาซึ่งโดดเด่นในการสำรวจตัวตนและความเป็นชาย ถ่ายทอดข้อความแห่งความเข้มแข็งและการตื่นรู้ร่วมกัน เชื้อเชิญผู้ชมให้ฝัน จำ และลงมือทำ ผลงานการแสดงครั้งนี้ถ่ายทอดความทรงจำส่วนบุคคลควบคู่ไปกับสัจธรรมสากล ตอกย้ำเสียงเรียกร้องของ Women’s Pavilion ในเรื่องของความเป็นหนึ่งเดียว และการเปลี่ยนแปลง
ค่ำคืนดังกล่าวปิดท้ายด้วยแสดงศิลปะอันทรงพลังสะท้อนถึงความกลมกลืนและการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แบบผ่านการผสมผสานระหว่างประเพณีดั้งเดิมและนวัตกรรม นักตีกลองวาไดโกะ แอนนา ซาโตะ (Anna Sato) นักร้องเพลงพื้นบ้าน สองศิลปินเดี่ยวรุ่นเยาว์ และคณะนักร้องประสานเสียงระดับนานาชาติและญี่ปุ่น ร่วมกันแสดงผลงานประพันธ์ต้นฉบับ แรงบันดาลใจจากบทกวีสมัยเฮอัน และสีสันสดใสของฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น บทเพลงที่มีชื่อว่า “The Flower of the Human Heart” ถ่ายทอดถ้อยคำจากบทประพันธ์ของ อิซุมิ ชิกิบุ (Izumi Shikibu) มาใช้เพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องร่วมกันเพื่อพลังที่เข้มแข็ง ความสามัคคี และการเปลี่ยนแปลง
ผู้แสดงแต่ละคนสวมใส่เครื่องแต่งกายที่ผลิตขึ้นด้วยมือและย้อมสีด้วย 1 ใน 19 สีจากโรงทอผ้า Hosoo แห่งเกียวโต โดยผสมผสานเทคนิคการทอผ้านิชิจินซึ่งมีประวัติยาวนานเข้ากับงานฝีมือร่วมสมัย เครื่องแต่งกายเหล่านี้สะท้อนถึง ความเป็นเอกลักษณ์และพลังร่วมกัน ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ Women’s Pavilion
ประติมากรรมบนเวทีซึ่งออกแบบโดย เอส เดฟลิน (Es Devlin) สร้างขึ้นจากแสง น้ำ และเสียง เพื่อเป็นเครื่องมือส่งผ่านถ้อยคำและแนวคิดที่เป็นแก่นหลักของ Women’s Pavilion
ค่ำคืนแห่งการเชิดชูวัฒนธรรมและปณิธานร่วมกัน
ค่ำคืนนี้ได้ย้ายไปยังลานโอซากา เกอิฮิงกัง (Osaka Geihinkan Lawn) เปิดโอกาสให้แขกผู้ร่วมงานได้ดื่มด่ำ กับจิตวิญญาณของภูมิภาคคันไซ ภายใต้โคมไฟที่ประดิษฐ์ขึ้นในเกียวโต รายล้อมด้วยเครื่องปั้นดินเผาวาคายามะ และพืชพรรณท้องถิ่น แขกทุกท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารค่ำเลิศรสที่รังสรรค์โดยเชฟมิชลินสตาร์ เคอิ โคบายาชิ (Kei Kobayashi) ผสมผสานประเพณีการทำอาหารฝรั่งเศสและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ภายในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองยังประกอบด้วยการแสดงโนห์ (Noh performance) อันหาชมได้ยาก ในเรื่องราวของ Wisteria ซึ่งได้รับการตีความใหม่โดยตระกูลคองโกอันเลื่องชื่อ โดยมีนักเป่าขลุยหญิงร่วมแสดง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในศิลปะดั้งเดิมที่ปกติเป็นของผู้ชาย
ในช่วงท้ายของค่ำคืน เอมิ มาห์มูด (Emi Mahmoud) กวีผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ถ่ายทอดบทกวีทรงพลังซึ่งสะท้อนประเด็นเรื่องความยุติธรรม อัตลักษณ์ และความเข้มแข็ง
Women’s Pavilion เพื่อวันนี้และอนาคต
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ Women’s Pavilion ได้ยืนยันพันธกิจที่ชัดเจนว่า จะเป็นมากกว่าสัญลักษณ์ แต่เป็นเวทีที่มีชีวิตละขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างแท้จริง Women’s Pavilion จะจัดกิจกรรมเสวนา WA Dialogues นิทรรศการศิลปะเชิงประสบการณ์เสมือนจริง (Immersive exhibitions) และประสบการณ์เชิงมีส่วนร่วมอีกหลากหลายรูปแบบ เปิดโอกาสให้ผู้คนจากทั่วโลกเข้าร่วมรับฟัง พินิจพิเคราะห์ และร่วมสร้างอนาคตที่เท่าเทียมและยั่งยืน ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคมนี้
Women’s Pavilion ยึดมั่นในค่านิยมแห่งความเป็นเอกภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความหวัง มุ่งมั่นที่จะทิ้งร่องรอยไว้อย่างยั่งยืน ไม่เพียงแต่ในงาน Expo 2025 โอซาก้า คันไซ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมทางเพศในระดับโลกอีกด้วย
เกี่ยวกับ Cartier
Cartier คือแบรนด์เครื่องประดับลักชัวรี่ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก มีชื่อเสียงในด้านความเปิดกว้างและความสนใจใคร่รู้ โดย Cartier จะสะท้อนให้เห็นถึงความงามที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เครื่องประดับชั้นสูง เรือนเวลา น้ำหอม รวมถึง เครื่องหนังและของตกแต่ง ล้วนแสดงให้เห็นถึงการมาบรรจบกันของงานฝีมือชั้นเลิศกับเอกลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
Cartier เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจริชมอนด์ (Richemont Group) และดำเนินธุรกิจทั่วโลกผ่านเครือข่ายร้านแฟล็กชิปและบูติก รวมทั้งพันธมิตร ค้าปลีกที่ได้รับอนุญาต และช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ Cartier.com
เกี่ยวกับ Expo 2025 ณ โอซาก้า คันไซ ประเทศญี่ปุ่น
งาน Expo 2025 ณ โอซาก้า คันไซ ประเทศญี่ปุ่น รวบรวมผู้คนนับล้านคนมาร่วมชมงานนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่จัดขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูความเฉลียวฉลาดและความสำเร็จของมนุษย์ ภายใต้แนวคิด ‘ออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตของเรา’ (Designing Future Society for Our Lives)
ตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2025 ระยะเวลา 6 เดือน (184 วัน)
เว็บไซต์ทางการของ Expo 2025 Osaka, Kansai, Japan
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์เทียร์ ประเทศไทย โปรดเยี่ยมชม www.cartier.com/en-th
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cartier Thailand
LINE Official Account @CartierTH
29 พ.ค. 2568
29 พ.ค. 2568
29 พ.ค. 2568
30 พ.ค. 2568