TAG HEUER Designed to Win

Last updated: 20 มิ.ย. 2568  |  360 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TAG HEUER Designed to Win

หลังจากเส้นทางของแคมเปญโฆษณาระดับไอคอนิกที่ยาวนาน TAG Heuer ภูมิใจเสนอแคมเปญล่าสุดภายใต้ชื่อ “Designed to Win” หรือ “เกิดมาเพื่อชนะ” ซึ่งกลั่นมาจากแก่นแท้ของแบรนด์ในปัจจุบัน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของพลังใจ ความแม่นยำภายใต้แรงกดดัน วินัย ความอุตสาหะ และการไม่ยอมแพ้ต่อเป้าหมายแห่งชัยชนะ อันเป็นหัวใจที่สะท้อนตัวตนของ TAG Heuer ในวาระครบรอบ 165 ปี บนเส้นทางแห่งนวัตกรรมระดับอาวองการ์ด



แคมเปญใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจโดยตรงจากแอมบาสเดอร์ของ TAG Heuer อย่าง Ayrton Senna ผู้เคยให้สัมภาษณ์ในปี 1990 ว่า “ผมไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นที่สองหรือที่สาม ผมเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ” และปรัชญานี้ได้กลายเป็นเสมือนดาวเหนือที่นำทางในเส้นทาง

บทใหม่ของแบรนด์ในปัจจุบัน
TAG Heuer ต้องการส่งเสริมให้ทุกคนกล้าที่จะคิดค้นและจินตนาการเหนือขีดจำกัดของความรู้ กล้าที่จะก้าวข้ามศักยภาพของตนเอง เอาชนะความกลัว และไล่ล่าความฝันอย่างไม่ลดละ ซึ่งอุดมคติใหม่นี้ได้เป็นดั่งหัวใจของแบรนด์ในปัจจุบัน และกำหนดทิศทางสู่อนาคต โดยพื้นฐานแล้ว TAG Heuer คือแบรนด์ที่เฉลิมฉลองศักยภาพอันไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ ในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองเพื่อไปให้ถึงความฝันอันสูงสุด “Designed to Win” จึงสะท้อนแก่นแท้ของ “Kairos”  ห้วงเวลาสำคัญที่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ในเสี้ยววินาที และคือหัวใจของจักรวาล TAG Heuer


การเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่
TAG Heuer ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในพลังทางการตลาดที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการนาฬิกาด้วยแคมเปญโฆษณาที่โดดเด่นอันเป็นที่จดจำและกลยุทธ์ที่ทรงพลัง ซึ่งมักถูกเลียนแบบแต่ไม่เคยถูกแทนที่ได้

จากบทบาทผู้บุกเบิกการจับเวลาในการแข่งขันกีฬา รวมถึงการเข้าร่วมโอลิมปิกในช่วงทศวรรษ 1920 และการเชื่อมโยงอย่างกลมเกลียวกับโลกมอเตอร์สปอร์ตผ่านวิสัยทัศน์ของ Jack Heuer ซึ่งนำไปสู่การมีโลโก้บนรถแข่ง Formula 1® เป็นครั้งแรกในปี 1969 และการเป็นพาร์ตเนอร์กับทีมครั้งแรกในปี 1971 TAG Heuer ได้สร้างสรรค์วิธีสื่อสารอันล้ำหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อ Jack Heuer จ้างทีมงาน Ries Cappiello & Calwell ในนิวยอร์กให้สร้างแคมเปญสิ่งพิมพ์ชุดแรกในยุค 60s ซึ่งกลายเป็นการประกาศจุดยืนใหม่ด้านภาพลักษณ์อันทรงพลังของแบรนด์ในทันที

ในปี 1990 TAG Heuer เปิดตัวสโลแกนอันเป็นตำนานอย่าง “Don’t Crack Under Pressure” ซึ่งกลายมาเป็น DNA สำคัญของแบรนด์จนถึงปัจจุบัน โดยแคมเปญดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงปี 1990 ด้วยภาพขาวดำอันทรงพลังตัดกับโลโก้ TAG Heuer ที่เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมด้วยนักกีฬาหลากหลายสาขา อาทิ นักปั่นจักรยาน นักฟันดาบ นักยิงธนู นักสกี และนักแข่งระดับตำนานอย่าง Ayrton Senna และ Michael Schumacher ในช่วงเวลาแห่งการตัดสินของโชคชะตา



ในปี 1995 TAG Heuer ได้ยกระดับแบรนด์อีกขั้นด้วยแคมเปญ “Success, It’s a Mind Game” ซึ่งโดดเด่นด้วยภาพโฆษณาอันเป็นที่จดจำ โดยนำเสนอภาพนักกีฬาที่กำลังเผชิญสถานการณ์สุดท้าทาย เช่น นักกอล์ฟที่พัตต์ลูกครั้งสุดท้ายลงหลุมซึ่งรายล้อมด้วยแจกันล้ำค่า รถแข่ง Formula 1® แข่งกับเครื่องบินรบ นักล่องเรือที่แข่งขันกันอยู่บนยอดน้ำตก นักขี่ม้าที่กระโดดข้ามตึกสูงตระหง่าน และทีมรักบี้ที่ปะทะกันริมหน้าผา ทุกภาพล้วนสร้างความประทับใจและสะกดสายตาผู้ชมได้อย่างน่าทึ่ง

นอกจากนี้แคมเปญอื่น ๆ ที่ตามมา ได้แก่ “Inner Strength” ในปี 1998, “What Are You Made Of” ในปี 2002 และ “In Theory” ในปี 2014 ล้วนแต่เป็นการสืบทอดและยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปยังผู้บริโภคทั่วโลก

ยุคใหม่แห่งชัยชนะ
“Designed to Win” คือการถ่ายทอดอัตลักษณ์ใหม่ของ TAG Heuer ในฐานะแบรนด์นาฬิกาสวิสชั้นนำ ที่เป็นที่รู้จักจากนวัตกรรมอันล้ำสมัยและดีไซน์ที่ขับเคลื่อนด้วยฟังก์ชัน โดยแนวคิดเรื่องความสำเร็จฝังรากลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์จากเหล่านักกีฬาระดับโลกที่เคยทดสอบขีดความสามารถของตนด้วยโครโนกราฟของ TAG Heuer

นอกเหนือจากชัยชนะของแต่ละบุคคลแล้ว ยังสะท้อนถึงชัยชนะที่เกิดจากความร่วมมือ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะทีมในการแข่งขันแชมป์เปี้ยนชิพ หรือความร่วมมือในโปรเจกต์การปฏิวัติวงการ และความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสมอไปอาจหมายถึงการเอาชนะตัวเอง และผลักดันศักยภาพไปให้ไกลยิ่งขึ้น



แนวทางการสื่อสารใหม่นี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ ด้วยภาพขาวดำที่ทรงพลัง ตัดกับสีของผลิตภัณฑ์และโลโก้เพื่อสร้างความโดดเด่น พร้อมโฟกัสที่สายตาและวิสัยทัศน์ของผู้แข่งขัน ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ TAG Heuer ได้อย่างแท้จริง

ภาพแคมเปญชุดใหม่นี้ถ่ายทอดช่วงเวลาสำคัญของเหล่าแอมบาสเดอร์ระดับโลก อาทิ Ryan Gosling นักแสดงรางวัลการันตีมากมาย นักวิ่งและนักวิ่งข้ามรั้วเจ้าของ 4 เหรียญโอลิมปิกอย่าง Sydney McLaughlin-Levrone  พร้อม Summer McIntosh นักว่ายน้ำเจ้าของ 3 เหรียญทองโอลิมปิก และ Tommy Fleetwood นักกอล์ฟผู้คว้าแชมป์ European Tour หลายรายการ

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอแชมป์โลก Formula 1® ถึงสามสมัยอย่าง Ayrton Senna และแชมป์โลกสี่สมัย Max Verstappen เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง TAG Heuer กับโลกของ Formula 1® ซึ่งกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันในปี 2025 โดยยังมีภาพรถแข่งที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือดบนสนามและบนถนนของโมนาโก สะท้อนความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ Formula 1® และ Automobile Club de Monaco

พร้อมกันนี้ยังมีภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายทอดแนวคิด “Designed to Win” ผ่านเสียงบรรยายของแบรนด์แอมบาสเดอร์และนักแสดงระดับฮอลลีวูดอย่าง Ryan Gosling โดยสคริปต์ในภาพยนตร์สะท้อนถึงแก่นแท้ของปรัชญานี้อย่างชัดเจน แคมเปญทั้งหมดได้เปิดตัวในรูปแบบมัลติมีเดียอย่างครบวงจรทั่วโลก เพื่อสร้างการรับรู้และเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกกับแนวคิด “ผู้ชนะ” ในแบบฉบับของ TAG Heuer

Antoine Pin ซีอีโอของ TAG Heuer กล่าวว่า “ปี 2025 คือปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ TAG Heuer ในโอกาสที่เราฉลองครบรอบ 165 ปีของแบรนด์ ด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นเด่นตลอดทั้งปี และการเป็นพันธมิตรใหม่กับ Formula 1 จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการนิยามตัวตนของ TAG Heuer ยุคใหม่อีกครั้ง” เขากล่าวต่อว่า “Designed to Win คือปรัชญาใหม่ที่สะท้อนถึงพลัง ความมุ่งมั่น วินัย และความอดทน เพื่อให้เราแสดงศักยภาพสูงสุดออกมา และเป็นบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นของแบรนด์”

ด้าน George Ciz ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ TAG Heuer เสริมว่า “การได้ร่วมงานกับทีมที่ยอดเยี่ยมของ TAG Heuer และ DDB Paris ในการสร้างแคมเปญนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก ด้วยประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยแคมเปญระดับตำนาน และชื่อเสียงด้านกลยุทธ์การสื่อสารอันล้ำสมัยในวงการนาฬิกา เรารู้ดีว่าเราต้องสร้างสิ่งที่พิเศษจริง ๆ เพื่อให้แคมเปญนี้สะท้อนจุดแข็งของแบรนด์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ผ่านความสำเร็จของเหล่าแบรนด์แอมบาสเดอร์และพันธมิตรของเราอย่างแท้จริง”


เกี่ยวกับ TAG Heuer
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดยเอดูอาร์ด ฮอยเออร์ (Edouard Heuer) ณ เทือกเขาจูรา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton SE (“LVMH”) กลุ่มธุรกิจลักชัวรีชั้นนำของโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองลาโชว์-เดอ-ฟงด์ (La Chaux-de-Fonds) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีโรงงานผลิตทั้งหมด 4 แห่ง พร้อมทีมงานกว่า 1,900 คน และดำเนินธุรกิจใน 139 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ของ TAG Heuer วางจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ www.tagheuer.com ในบางประเทศ รวมถึงบูติกกว่า 260 แห่ง และจุดจำหน่ายกว่า 2,300 แห่งทั่วโลก ปัจจุบันบริษัทดำเนินงานภายใต้การนำของ อองตวน ปิน (Antoine Pin) CEO ของ TAG Heuer

ตลอดระยะเวลากว่า 165 ปี TAG Heuer ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์เรือนเวลาในแบบอาวองการ์ดอย่างแท้จริง พร้อมยึดมั่นในนวัตกรรมด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลไก Oscillating Pinion สำหรับนาฬิกาจับเวลาเชิงกลในปี 1887 การเปิดตัว Mikrograph ในปี 1916 การเปิดตัวกลไกโครโนกราฟแบบไขลานอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก Calibre 11 ในปี 1969 และการเปิดตัวสมาร์ทวอทช์หรูรุ่นแรกในปี 2015 ปัจจุบัน คอลเลกชันหลักของแบรนด์ประกอบด้วยสองตระกูลไอคอนิกที่ออกแบบโดย แจ็ค ฮอยเออร์ (Jack Heuer) ได้แก่ TAG Heuer Carrera และ TAG Heuer Monaco เสริมด้วยคอลเลกชันร่วมสมัยอย่าง TAG Heuer Aquaracer, Formula 1, Link และ Connected

TAG Heuer ได้สะท้อนปรัชญาใหม่ “Designed to Win” (เกิดมาเพื่อชนะ) อย่างชัดเจน โดยสานต่อมรดกแห่งนวัตกรรมอันกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และสมรรถนะระดับสูง ความร่วมมือและแบรนด์แอมบาสเดอร์ชื่อดังของแบรนด์ล้วนสะท้อนถึงแรงขับเคลื่อนในการฝ่าขีดจำกัด และพร้อมส่งมอบผลงานที่ยอดเยี่ยมในทุกช่วงเวลาสำคัญ

#TAGHeuer #DesignedToWin @TAGHeuer #TAGHeuerThailand
www.tagheuer.com

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้