A. LANGE & SÖHNE Zeitwerk

ในโลกแห่งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง ชื่อของ A. Lange & Söhne เปรียบดั่งสัญลักษณ์ของความเที่ยงตรง ประณีต และเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณเยอรมัน และหนึ่งในผลงานที่สะท้อนจินตนาการอันยอดเยี่ยมอย่างเด่นชัดก็คือ ZEITWERK ที่จะอ่านว่า ไซท์แหวก หรือ ไซท์เวิร์ค ก็แล้วแต่ความถนัด ผลงานที่ผสานนวัตกรรมกับความคลาสสิก สร้างสรรค์นาฬิกาวิถีใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ด้วยการแสดงเวลาแบบดิจิทัลในช่องหน้าต่างของระบบตัวเลขที่เปลี่ยนฉับพลันราวกับการกระโดดหรือ jumping numerals ที่มอบความแม่นยำด้วยกลไกจักรกลสุดซับซ้อน

เจาะลึกถึงความเป็น ZEITWERK
ZEITWERK ไม่ได้เป็นเพียงแค่นาฬิกา แต่คือปรากฏการณ์แห่งการพลิกนิยามของนาฬิกาจักรกลแบบดั้งเดิม ด้วยหน้าปัดที่แสดงชั่วโมงและนาทีผ่านหน้าต่างตัวเลขดิจิทัลจากซ้ายไปขวา ผู้สวมใส่จึงสามารถอ่านเวลาได้อย่างง่ายดายในพริบตา เสมือนนาฬิกาดิจิทัล แต่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจกลไกอันซับซ้อนที่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยมือ ดังนั้น แม้ระบบการแสดงเวลาจะดูล้ำยุคในรูปลักษณ์อันทันสมัย แต่ ZEITWERK ยังคงเชื่อมโยงกับรากฐานของแบรนด์ โดยนำแรงบันดาลใจจากนาฬิกาห้านาทีอันลือลั่นแห่งโรงอุปรากร Semper Opera House เมืองเดรสเดน เบิกทางสู่ผลงานที่น่าตื่นเต้น โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 ซึ่งกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของวงการนาฬิกาชั้นสูง นำพาทั้งผู้หลงใหลความคลาสสิกและนักคิดนอกกรอบให้มาร่วมชื่นชมในผลงานอันเป็นหนึ่งเดียว

ปัจจุบัน ZEITWERK มีด้วยกัน 5 รูปแบบหลัก แต่ทั้งหมดล้วนมีคุณสมบัติร่วมกันประการหนึ่ง นั่นคือ "Time Bridge" โครงสร้างหลักของกลไกแสดงตัวเลขแบบกระโดด (jumping numerals)  ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว โดย Time Bridge ทำหน้าที่เหมือนกรอบสำหรับแสดงชั่วโมง นาที ที่แสดงในช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ และหน้าปัดย่อยของเข็มวินาทีรวมถึงหน้าปัดย่อยแสดงพลังงานสำรอง โครงสร้างนี้ผลิตจากเงินเยอรมันที่ปราศจากการชุบหรือ German silver หนึ่งในวัสดุที่แบรนด์ใช้ผลิตแท่นเครื่องของชุดกลไก ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ด้วยการขัดมุม (chamfering) ที่ขอบและการปัดเงา (brushing) หรือบางครั้งก็มีการสลักลายด้วยเทคนิค Tremblage บนพื้นผิว เป็นต้น

แก่นแท้แห่งสุนทรียภาพที่ยังคงมนต์เสน่ห์ดั้งเดิมไว้
ไม่ว่าจะเป็น ZEITWERK รุ่นคลาสสิกหรือรุ่นที่มีฟังก์ชั่นซับซ้อนยขึ้น ล้วนได้รับการรังสรรค์ความงามตามหลักการออกแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่า กลไกที่ซับซ้อนขึ้นนั้นต้องปรับรูปแบบเชิงเทคนิคทั้งหมดให้เข้ากับดีไซน์หลัก ซึ่งไม่ต่างจากการรังสรรค์ของนาฬิการุ่นไอคอนของแบรนด์อย่าง Lange 1 ซึ่งช่างนาฬิกาของ A. Lange & Söhne ที่เปี่ยมด้วยความชำนาญขั้นสูง

ตัวอย่างเช่น ผลงานซับซ้อนอย่าง ZEITWERK Minute Repeater ที่เปิดตัวในปี 2015 มาพร้อมระบบตีบอกเวลาที่สอดคล้องกับการแสดงเวลาแบบดิจิทัลด้วยตัวเลขในช่องหน้าต่าง ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานคาลิเบอร์ L043.5 ที่มีกลไก Decimal Minute Repeater ซึ่งจะตีบอกเวลาเป็นชุดสองเสียงสำหรับทุก 10 นาที แทนที่จะตีบอกเวลาทุกสิบห้านาทีเหมือนระบบตีบอกเวลาทั่วไป ในส่วนของ ZEITWERK Date ผลงานที่เปิดตัวในปี 2019 มาพร้อมฟังก์ชันวันที่ซึ่งแสดงผลบนวงแหวนรอบหน้าปัด ผ่านตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 31 โดยแสดงวันที่ ณ ปัจจุบันด้วยตัวเลขสีแดงบนแผ่นวงแหวนด้านล่าง ทำให้สามารถอ่านวันที่ได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องใช้เข็ม เน้นย้ำรูปแบบดิจิทัลของนาฬิกาได้อย่างลงตัว

นวัตกรรมสปริงลานและ และกลไก Remontoir ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร
การแสดงออกถึงความชาญฉลาดทางเทคนิคของ ZEITWERK ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก การเป็นนาฬิกาข้อมือเชิงกลเรือนแรกที่แสดงชั่วโมงและนาทีแบบดิจิทัลขนาดใหญ่เปลี่ยนได้ทันทีนั้น จำเป็นต้องใช้แผ่นดิสก์ขนาดใหญ่พิเศษถึงสามแผ่น หนึ่งแผ่นสำหรับชั่วโมง และอีกสองแผ่นสำหรับนาที ซึ่งหมายความว่าต้องใช้พลังงานมหาศาลในการขับเคลื่อนแผ่นดิสก์เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ยนชั่วโมงที่แผ่นดิสก์ทั้งสามต้องเปลี่ยนแบบฉับพลันพร้อมกัน

เหล่าวิศวกรกลไกของ A. Lange & Söhne แก้ปัญหานี้โดยการนำ สปริงลานที่จดสิทธิบัตร เป็นสปริงลานนวัตกรรมที่พัฒนาให้มีความหนาขึ้น พลิกคว่ำ และแขวนในตลับลานมาใช้ ด้วยการขึ้นลานจากด้านในและคลายตัวจากด้านนอก ทำให้เกิดแรงบิด (torque) ที่สูงกว่าสปริงลานทั่วไปมาก ในขณะเดียวกัน พวกเขายังจัดการพลังงานที่มากหรือน้อยเกินไป ด้วยการใช้ชิ้นส่วนที่เรียกว่า remontoir (โรมองทัวร์) ซึ่งช่วยควบคุมการไหลของพลังงานให้มีความสม่ำเสมอไปยังดิสก์นาที remontoir ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองโดยจะได้รับพลังงานจากสปริงลานหนึ่งครั้งต่อนาที และจากนั้นจะปล่อยพลังงานนั้นออกมาในช่วงเวลาที่แม่นยำเพื่อใช้ในการเลื่อนแผ่นดิสก์ของตัวเลข

วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2022 A. Lange & Söhne ได้ปรับปรุงกลไกไขลานคาลิเบอร์ L043.1 ที่มาพร้อมกับกลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลันหรือ jumping numerals ที่จดสิทธิบัตรและอุปกรณ์ remontoir อย่างมีนัยสำคัญสู่กลไกที่อัพเดตใหม่คือกลไกไขลานคาลิเบิร์ L043.6 ที่มอบพลังงานสำรองเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 36 ชั่วโมงเป็น 72 ชั่วโมง ด้วยกรออกแบบตลับลานใหม่ที่ใช้สปริงลานสองชุด โดยยังคงรักษาขนาดที่สวยงามของเส้นผ่าศูนย์กลางตัวเรือนที่ 41.9 มิลลิเมตรไว้ ทั้งยังลดความหนาจาก 12.6 มิลลิเมตร เหลือ 12.2 มิลลิเมตรอีกด้วย

ผลงานในตระกูล ZEITWERK
ZEITWERK ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2009 ทั้งในด้านเทคนิคกลไกและความงาม ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไว้ แม้ในช่วงแรกจะมีความเห็นแตกต่างออกมาบ้าง แต่ตอนนี้ได้ ZEITWERK กลายเป็นส่วนสำคัญอันเป็นที่รักของวงการนาฬิกาชั้นสูงในศตวรรษที่ 21 และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไปในขณะที่อุตสาหกรรมก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

2009 – ZEITWERK รุ่นแรก
คาลิเบอร์ L043.1 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน (jumping numerals), พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง

2010 - ZEITWERK LUMEN
คาลิเบอร์ L043.3 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, แผ่นดิสก์เรืองแสง, พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง

2011 - ZEITWERK STRIKING TIME
เปิดตัวด้วยตัวเรือนไวท์โกลด์และแพลทินัม ตามมาด้วยรุ่นพิงก์โกลด์ในปี 2014
กลไกไขลานคาลิเบอร์ L043.2 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, กลไกตีบอกเวลาด้วยเสียง, พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง

2012 - ZEITWERK HANDWERKSKUNST
คาลิเบอร์ L043.4 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน , พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง, หน้าปัดแกะสลัก

2015 - ZEITWERK MINUTE REPEATER
เปิดตัวรุ่นแรกในตัวเรือนแพลทินัม และตามมาด้วยตัวเรือนไวท์โกลด์ในปี 2020 และฮันนี่โกลด์ (Honeygold) ในปี 2023 ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน คาลิเบอร์ L043.5 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, Decimal Minute Repeater, พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง

2017 - ZEITWERK DECIMAL STRIKE
คาลิเบอร์ L043.7 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, Decimal Strike, พลังงานสำรอง 36 ชั่วโมง

2019 - ZEITWERK DATE
คาลิเบอร์ L043.8 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, ฟังก์ชันวันที่, พลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง

2021 - ZEITWERK HONEYGOLD LUMEN
คาลิเบอร์ L043.9 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, จานเรืองแสง, พลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง

2022 - ZEITWERK (รุ่นที่สอง)
คาลิเบอร์ L043.6 กลไกตัวเลขเปลี่ยนฉับพลัน, พลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง

บทสรุปแห่งศาสตร์และศิลป์
Zeitwerk คือการเดินทางข้ามเวลา—เชื่อมโยงอดีตกับอนาคตผ่านศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาที่กล้าแตกต่างและท้าทายความเป็นไปได้ มันคือบทกวีแห่งกลไกยุคใหม่ ที่พูดภาษาดิจิทัลด้วยหัวใจจักรกลเยอรมันแท้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ A. Lange & Söhne ในการสร้างสรรค์นาฬิกา ที่ซึ่งใช้ความดั้งเดิมนำทางนวัตกรรมแห่งอนาคต และที่ซึ่งการประดิษฐ์กลไกนาฬิกาปราศจากจุดสิ้นสุด แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการเติบโต การเรียนรู้ และการสำรวจอย่างต่อเนื่อง ดังคำขวัญของ Walter Lange ที่ว่า: "Never Stand Still" (ไม่เคยหยุดนิ่ง)

เกี่ยวกับ A. Lange & Söhne
Ferdinand Adolph Lange (เฟอร์ดินานด์ อดอล์ฟ ลังเงอ) ช่างนาฬิกาแห่งเมืองเดรสเดน ได้วางรากฐานให้กับอุตสาหกรรมนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงของแซกโซนี เมื่อเขาก่อตั้งโรงงานในปี 1845 นาฬิกาพกอันล้ำค่าของเขายังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสมทั่วโลก หลังจากเจอสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อาคารถูกทำลายจากแรงระเบิด และชื่อ A. Lange & Söhne จางหายไปในเวลานั้น แต่ในปี 1990 Walter Lange (วอลเตอร์ ลังเงอ) เหลนของผู้ก่อตั้งแบรนด์ได้รวบรวมความกล้าหาญเพื่อฟื้นฟูแบรนด์ขึ้นมาใหม่

ปัจจุบัน Lange ผลิตนาฬิกาข้อมือเพียงไม่กี่พันเรือนต่อปี โดยส่วนใหญ่รังสรรค์ตัวเรือนจากทองคำหรือแพลทินัม นาฬิกาเหล่านี้ติดตั้งด้วยกลไกที่ผลิตขึ้นเองภายในโรงงานเท่านั้น ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างประณีตและประกอบด้วยมือ ด้วยกลไกที่ได้รับการพัฒนาขึ้นถึง 75 ชุด ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา A. Lange & Söhne ได้รับตำแหน่งสูงสุดในโลกแห่งการผลิตนาฬิกา ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ได้แก่ LANGE 1 ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่ผลิตเป็นประจำพร้อมกับวันที่ขนาดใหญ่ และ ZEITWERK ที่มีตัวเลขกระโดดที่เปลี่ยนฉับพลันอย่างแม่นยำ กลไกที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ เช่น ZEITWERK MINUTE REPEATER, DATOGRAPH PERPETUAL TOURBILLON และ TRIPLE SPLIT สะท้อนถึงสิ่งที่โรงงานมุ่งมั่นเสมอมา และเพื่อผลักดันศิลปะการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมให้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดใหม่ ด้วยการเปิดตัว ODYSSEUS นาฬิกาที่ดูสปอร์ตแต่หรูหราในปี 2019 ผลิตตัวเรือนรุ่นแรกจากสเตนเลสสตีล ได้เป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ของโรงงานแห่งนี้