Last updated: 8 ก.ย. 2568 | 221 จำนวนผู้เข้าชม |
ในโลกแห่งเรือนเวลาไม่กี่รุ่นที่สามารถสะท้อนทั้งศาสตร์แห่งความเที่ยงตรงและศิลป์แห่งความงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ 1815 Tourbillon รุ่นใหม่ของ A. Lange & Söhne คือตัวอย่างที่จับต้องได้ โดยเฉพาะในเวอร์ชันล่าสุดที่มาพร้อมตัวเรือนแพลทินัม 950 และหน้าปัดเคลือบสีลงยาด้วยเทคนิคกรองด์เฟอสีดำสนิท ผลิตจำกัดเพียง 50 เรือนทั่วโลก แต่ละเรือนคือนิยามของความวิจิตรที่เกิดจากการทุ่มเทพลังงาน ความอดทน และทักษะเชิงช่างที่สั่งสมมายาวนาน
ศิลป์แห่งทูร์บิญองที่เหนือกว่าเวลา
หัวใจของนาฬิกาอยู่ที่ช่องเปิดตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งเผยให้เห็นทูร์บิญองอันบอบบางแต่ทรงพลัง กลไกนี้ได้รับการคิดค้นเมื่อกว่า 200 ปีก่อน เพื่อชดเชยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงที่มีต่อบาลานซ์ ช่วยให้นาฬิกายังคงเดินได้เที่ยงตรงที่สุด สำหรับ Lange เพียงแค่ทูร์บิญองไม่เพียงพอ วิศวกรจึงต่อยอดกลไกคลาสสิกนี้ด้วยการเพิ่มระบบ Stop Seconds สำหรับทูร์บิญอง และฟังก์ชัน Zero-Reset เมื่อดึงเม็ดมะยม เข็มวินาทีหยุดทันทีและดีดกลับสู่ศูนย์ เปิดโอกาสให้ตั้งเวลาตรงกับเครื่องหมายบอกนาทีได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นทูร์บิญองที่ทั้ง “แม่นยำ” และ “ใช้งานจริง”
งานหัตถศิลป์ที่ต้องใช้เวลาและความอดทน
เพียงแค่หน้าปัดก็คือผลงานศิลป์ที่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ เริ่มจากการเตรียมฐานหน้าปัดทองคำขาว เคลือบผงสีลงยาด้วยมือ เผาซ้ำหลายครั้งในอุณหภูมิสูง และขัดผิวจนเรียบเนียนสะท้อนแสง แค่การทำขอบช่องเปิดทูร์บิญองก็ต้องใช้ความชำนาญสูงสุดเพื่อไม่ให้เนื้อเคลือบแตกร้าว แต่ละหน้าปัดต้องผ่านมากกว่าหนึ่งร้อยขั้นตอนกว่าจะสำเร็จเป็นชิ้นงาน ความงดงามที่ได้คือพื้นผิวดำสนิทมีมิติราวความลึกของรัตติกาล ตัดกับตัวเลขอารบิกและสเกลนาทีแบบรางรถไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของตระกูล 1815 ถ่ายทอดเสน่ห์คลาสสิกจากยุคทองแห่งการเดินทางด้วยรถไฟในศตวรรษที่ 19
ความวิจิตรของการขัดเงาดำ
สะพานทูร์บิญองและกรงทูร์บิญองตอนบนถูกตกแต่งด้วยเทคนิคการขัดแบบ black polish ขั้นสูง การขัดด้วยแผ่นดีบุกและผงขัดพิเศษภายใต้แรงกดที่แม่นยำจนพื้นผิวเรียบสมบูรณ์ เมื่อมองจากมุมหนึ่งจะสะท้อนแสงวาวราวกระจก แต่เมื่อเปลี่ยนมุมกลับกลายเป็นสีดำสนิท เทคนิคนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ความสามารถและความอดทนของช่าง ที่ใช้เวลานับชั่วโมงเพื่อให้ได้งานหนึ่งชิ้นสมบูรณ์
กลไก L102.1 – หัวใจแห่งความเที่ยงตรง
พลิกเรือนเวลาจะพบกลไกไขลานด้วยมือคาลิเบอร์ L102.1 ที่ผ่านการตกแต่งอย่างวิจิตร ทำงานด้วยความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง มีกำลังลานสำรอง 72 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยบาลานซ์สปริงที่ผลิตขึ้นเองภายในโรงงาน ทำงานร่วมกับบาลานซ์ขันสกรูแบบดั้งเดิม เพื่อความเที่ยงตรงสูงสุด รายละเอียดที่สร้างเอกลักษณ์คือทับทิมเพชรประดับในกรงทูร์บิญอง ขันยึดด้วยชาตองทอง – องค์ประกอบที่เคยใช้เฉพาะกับนาฬิกาเกรดสูงสุดของ Lange ในอดีต และยังคงถูกนำมาตีความใหม่ในปัจจุบัน
องค์ประกอบแบบดั้งเดิมอื่น ๆ ที่ยังคงอยู่คือแท่นเครื่องสามส่วนสี่และสะพานจักรทำจากเยอรมันซิลเวอร์ที่ไม่ได้เคลือบผิว หลุมทับทิมทองคำขันสกรู และสกรูสีน้ำเงิน ทั้งหมดคือลายเซ็นที่สะท้อนปรัชญาของ Ferdinand Adolph Lange ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ที่ผสมผสานความงดงามและความเที่ยงตรงไว้ในทุกชิ้นส่วน
คำกล่าวจากผู้สร้าง
Anthony de Haas ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ A. Lange & Söhne กล่าวไว้ว่า “หลายองค์ประกอบของ 1815 Tourbillon คือมรดกที่ตกทอดจากนาฬิกาพกของ Ferdinand Adolph Lange แต่เรายังคงพัฒนาให้สอดคล้องกับยุคสมัย ด้วยการเสริมกลไกหยุดวินาทีและ Zero-Reset ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ไม่เพียงเที่ยงตรงสูงสุด หากยังตั้งเวลาได้อย่างแม่นยำถึงที่สุด”
มรดกและความต่อเนื่อง
1815 Tourbillon รุ่นล่าสุดนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. หนา 11.3 มม. ขนาดลงตัวบนข้อมืออย่างสง่างาม นับเป็นเวอร์ชันที่ห้าของคอลเลกชัน และเป็นนาฬิกาเรือนที่สิบสองของ Lange ที่มาพร้อมหน้าปัดเคลือบลงยา เส้นทางของรุ่นนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2014 กับรุ่นแพลทินัมลิมิเต็ด 30 เรือนและรุ่นทองชมพู ต่อด้วยรุ่น Handwerkskunst ในปี 2015 จำนวน 30 เรือน และในปี 2018 กับรุ่นแพลทินัมหน้าปัดลงยาสีขาว กระทั่งมาถึงปีนี้ที่เปิดตัวรุ่นพิเศษตัวเรือนแพลทินัมจับคู่กับหน้าปัดดำด้วยเทคนิคลงยาแบบกรองด์เฟอสะท้อนความหายากและคุณค่าของงานศิลป์
สรุป
1815 Tourbillon ในเวอร์ชันใหม่นี้ไม่ได้เป็นเพียงนาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกซับซ้อน แต่ยังเป็นผลงานศิลป์ที่บอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ การสืบทอด และการพัฒนาไม่สิ้นสุดของ A. Lange & Söhne มันคือบทประสานระหว่างอดีตและปัจจุบันระหว่างศาสตร์แห่งวิศวกรรมและศิลป์แห่งความงาม และคือเหตุผลที่ทำให้เรือนเวลานี้คู่ควรกับคำว่า masterpiece อย่างแท้จริง
8 ก.ย. 2568
8 ก.ย. 2568
9 ก.ย. 2568
8 ก.ย. 2568