Last updated: 21 ต.ค. 2568 | 42 จำนวนผู้เข้าชม |
ท่ามกลางโลกแห่งความหรูหราที่หลอมรวมศิลปะเข้ากับกลไกแห่งเวลา ชื่อของ Nicolas Beau โดดเด่นในฐานะบุคคลผู้เชี่ยวชาญและทรงอิทธิพล เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง Vice President of Horlogerie แห่ง Tiffany & Co. ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2021 ด้วยภารกิจสำคัญในการสืบสานมรดกการทำนาฬิกาอันยาวนานของแบรนด์ และต่อยอดให้ก้าวสู่อนาคตที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
เส้นทางกว่า 30 ปีในโลกแห่งนาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูงหลายแห่ง ได้หล่อหลอมเขาให้กลายเป็นผู้นำที่เข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ของความหรูหราอย่างลึกซึ้ง ความเชี่ยวชาญนี้สะท้อนให้เห็นในบทบาทที่ Tiffany & Co. ซึ่งไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการสร้างสรรค์นาฬิกาที่เที่ยงตรงและสง่างาม หากยังเชื่อมโยงกับมรดกทางศิลป์ของเมซง โดยเฉพาะผลงานของ Jean Schlumberger นักออกแบบผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 20 ผู้ถ่ายทอดจินตนาการอันเปี่ยมชีวิตชีวาสู่เครื่องประดับและนาฬิกาที่กลายเป็นตำนาน
สำหรับ Nicolas Beau ผลงานของ Schlumberger ไม่ได้เป็นเพียงความทรงจำในอดีต แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิการ่วมสมัย ที่สะท้อนทั้งความงดงาม ความกล้าในการทดลอง และการผสมผสานศิลปะเข้ากับหัตถศิลป์อย่างกลมกลืน แนวทางนี้เองที่ทำให้บทบาทของเขาใน Tiffany & Co. มีความหมายยิ่งกว่าเพียงการบริหาร แต่คือการรังสรรค์ “บทกวีแห่งเวลา” ที่สืบทอดและต่อยอดจิตวิญญาณของแบรนด์ให้คงอยู่เหนือกาลเวลา
ครั้งนี้ Nicolas Beau ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังนาฬิกา Tiffany & Co. ได้เปิดมุมมองพร้อมสะท้อนให้เห็นถึงการค้นหาแรงบันดาลใจ แนวคิด และวิธีที่เขานำศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของ Jean Schlumberger มาหล่อหลอมเข้ากับงานสร้างสรรค์ร่วมสมัยให้กลายเป็นการเดินทางใหม่ของเวลาในโลกแห่งความหรูหรา ซึ่งได้นำมาจัดแสดงร่วมกับผลงานสุดอัศจรรย์ของเมซงในงานนิทรรศการ A Legendary Legacy ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อเดือนที่แล้ว
ผลงาน Bird on a Rock ของ Schlumberger ได้กลายเป็นหนึ่งในดีไซน์ที่โดดเด่นที่สุดของ Tiffany & Co. คุณค่าของจิตวิญญาณแห่งจินตนาการนี้ได้ส่งอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของเรือนเวลารุ่นต่าง ๆ ของ Tiffany & Co.อย่างไรบ้าง?
สำหรับงานจิวเวลรี่หรืองานนาฬิกานั้นไม่เหมือนกับงานแฟชั่นทั่วไป ที่เราต้องทำงานตามกระแสเทรนด์ของแต่ละซีซั่น แต่เราต้องสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ "เหนือกาลเวลา" และนี่คือความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างนักออกแบบแฟชั่นกับนักออกแบบจิวเวลรี่ ซึ่งเป็นพรสวรรค์ของ Schlumberger ที่ Tiffany & Co. ใช้เป็นแรงบันดาลใจมาโดยตลอด ผมเรียกแนวคิดการพัฒนานาฬิกาในปัจจุบันว่า “ย้อนอดีตกลับสู่อนาคต” (Back to the Future) เพราะ Tiffany & Co. มีประวัติศาสตร์การทำนาฬิกามาตั้งแต่ปี 1874 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากงานจิวเวลรี่เสมอมา นาฬิกา Bird on a Rock รุ่นใหม่นี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดี มันถ่ายทอดจิตวิญญาณที่สอดแทรกความสนุก ความขี้เล่นของเข็มกลัดต้นฉบับได้อย่างลงตัว และเสริมด้วยด้วยกลไกพิเศษที่ทำให้นกขยับตัวได้ด้วยแรงโน้มถ่วงตามธรรมชาติ
อะไรคือองค์ประกอบในงานออกแบบของ Jean Schlumberger ที่ยังคงสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องในคอลเลกชันนาฬิการ่วมสมัยของ Tiffany & Co.?
สิ่งที่ยังคงเชื่อมโยงเราคือ “การสร้างบทสนทนา” ผ่านผลงาน อย่างคอลเลกชัน “The Rope” ที่ได้รับอิทธิพลจาก Schlumberger โดยตรง และเราได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งนั้นมาสู่นาฬิกาข้อมือ สำหรับผมแล้ว รูปทรงของนาฬิการุ่นนี้ชวนให้นึกถึงดวงอาทิตย์เสมอ โดยที่ผ่านมา เรามักจะรู้สึกว่านาฬิกาควอตซ์ยังต้องการการปรับปรุงอยู่เสมอ เพราะเมื่อใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุก ๆ สองถึงสามปี แต่เมื่อเรานำนวัตกรรมพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถกักเก็บแสงได้แม้เพียงเล็กน้อย ก็ช่วยให้เราสร้างสรรค์นาฬิกาจิวเวลรี่ได้แล้วซึ่งให้ความเที่ยงตรงเทียบเท่าควอตซ์ อีกทั้งยังไม่ต้องเข้ารับบริการเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่นานถึง 15-20 ปี ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด ผมไม่คิดว่าผู้คนจะซื้อนาฬิกาเพราะเหตุผลว่าเป็นระบบพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ผมคิดว่าพวกเขาจะซื้อเพราะความสวยงามของมัน ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเพียงมิติเสริมที่น่าสนใจ ผมชอบแนวคิดที่ว่านาฬิกาเรือนนี้ได้รับพลังงานจากแสงสว่าง
จากนกสู่ปลาดาว—Schlumberger มักจะดึงแรงบันดาลใจจากธรรมชาติเสมอ การเชื่อมโยงนี้หล่อหลอมเรื่องราวเบื้องหลังนาฬิกาจิวเวลรี่รุ่นล่าสุดของ Tiffany & Co. ได้อย่างไร?
เรามีดีไซเนอร์ที่ชื่อ Nathalie Versis ผู้ตีความงานของ Schlumberger มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกา เราทำงานร่วมกันเพื่อคัดเลือกดีไซน์ที่เหมาะสม มันค่อนข้างชัดเจนว่า Starfish มันน่าจะเหมาะกับนาฬิกามากกว่าสัตว์บางชนิด เช่น ม้าน้ำ ที่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับนาฬิกาเพราะรูปทรงของมันไม่เอื้ออำนวยกับการหมุน หรือประดับ แต่สำหรับ Starfish เป็นดีไซน์ที่เหมาะสมและสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยโดยง่าย ไม่ค้านสายตา กลไกภายในจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ปลาดาวเคลื่อนไหวได้เหมือนกับรุ่น Bird on a Rock เมื่อคุณขยับข้อมือ
นาฬิกา Starfish รุ่นใหม่นี้สานต่อมรดกของ Bird on a Rock อย่างไร และสะท้อนถึงสุนทรียศาสตร์ที่เต็มไปด้วยจินตนาการแต่แฝงด้วยความประณีตของ Schlumberger อย่างไรบ้าง?
การเปิดตัวนาฬิกา Starfish สะท้อนทิศทางในอนาคตของเราอย่างชัดเจน หลังจากการเข้าซื้อกิจการของ LVMH เรากลับมาพัฒนาแผนกนาฬิกาอย่างจริงจังในรอบ 20 ปี และได้เปิดตัวคอลเลกชันใหม่ถึง 6 คอลเลกชันในสองปีที่ผ่านมา ปรัชญาของเราคือการ “ได้รับแรงบันดาลใจจากงานจิวเวลรี่ในปัจจุบันและสร้างสรรค์นาฬิกาจากแรงบันดาลใจนั้น” โดยมีเพียงข้อยกเว้นเดียวคือนาฬิกา Atlas ที่เราได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาเรือนแรกในปี 1987 ซึ่งมีดีไซน์มาจากนาฬิกาบนหน้าร้านแฟล็กชิปของเรา มาพร้อมหน้าปัด Tiffany Blue ที่เป็นสีจดทะเบียนอย่างเป็นทางการของเราคือ Pantone 1837
การที่นาฬิกา Starfish ได้เปิดตัวในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ มีความหมายอย่างไรต่อเส้นทางและทิศทางในอนาคตของแผนกนาฬิกาของ Tiffany & Co.?
นาฬิกาของ Tiffany & Co. อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในเอเชีย แต่สำหรับงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่นี้ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นทิศทางในอนาคตของเราอย่างชัดเจนครับ ผมเรียกกลยุทธ์นี้ว่า "ย้อนอดีตกลับสู่อนาคต" (Back to the Future) เพราะหากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1800 ไปจนถึงปลายทศวรรษ 1970 ซึ่ง Tiffany & Co. ได้สร้างสรรค์นาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานจิวเวลรี่มาโดยตลอด แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เมซงไม่ได้ทำกิจกรรมในวงการนาฬิกามากนัก ในขณะที่แบรนด์อื่นๆ ทั่วโลกต่างก็มีความเคลื่อนไหวอย่างมาก โดยกลไกที่ใช้เป็นระบบอัตโนมัติ สำหรับตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร และ 34 มิลลิเมตร และเรายังมีขนาด 29 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นระบบพลังงานแสงอาทิตย์ครับ ในอนาคตคุณอาจจะได้เห็นนาฬิกาที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์มากกว่าระบบควอตซ์มากขึ้นเรื่อยๆ
เราได้เห็นภาพรวมของนาฬิกาใหม่ในโซนหลักไปแล้ว แต่เราอยากทราบว่าคุณมองแนวทางการพัฒนานาฬิกาอย่างไรบ้าง และในตอนนี้ก็เริ่มมีการใช้กลไกที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น กลไกที่ทำให้หน้าปัดหมุนได้ เรื่องราวเบื้องหลังแนวคิดเหล่านี้คืออะไร?
เราได้สร้างทีมใหม่ขึ้นมาในเจนีวาเมื่อสี่ปีที่แล้ว ทีมงานของเรามีสมาชิก 50 คนซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาโดยเฉพาะ และเป้าหมายหลักของเราก็คือ การตีความงานจิวเวลรี่มาสู่จิตวิญญาณของเรือนเวลา นาฬิกาต้องมีกลไก ไม่ใช่แค่กลไกธรรมดา แต่ต้องมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวได้ด้วย
สำหรับ กลไก Tourbillon แนวคิดนี้มาจากดีไซน์ "นกบิน" ของเราครับ เมื่อเรามีดีไซน์นกบินแล้ว เราก็คิดว่าควรใช้กลไก Flying Tourbillon มันไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดซับซ้อนไปกว่านั้นเลยครับ เราไม่ได้ทำแบบสำรวจว่ากลไกแบบไหนดีที่สุดสำหรับ Tiffany & Co. แต่เราแค่คิดว่า เมื่อมีดีไซน์นกบินแล้ว เราควรใช้กลไกแบบไหนดี? ควรเป็นกลไกอัตโนมัติไหม? แต่แล้วเราก็ถามตัวเองว่า ทำไมไม่ลองใช้กลไก Flying Tourbillon ล่ะ? ซึ่งมันเป็นความคิดที่ดีมาก เราจึงตัดสินใจลงมือทำทันที และเมื่อผู้คนเห็นสิ่งที่เราทำ พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “Tiffany & Co. เริ่มจริงจังแล้วนะ” เพราะพวกเขาทำ Flying Tourbillon ด้วย นั่นทำให้ผู้คนมองว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่การสร้างนาฬิกาที่ซับซ้อนมากขึ้น
คุณกำลังก้าวเข้าสู่การทำนาฬิกาที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ใช่ไหม หรือเป็นแค่เรื่องของดีไซน์?
เป็นเรื่องของดีไซน์ครับ หัวใจหลักคือดีไซน์ เราคือช่างอัญมณี หัวใจสำคัญของเราคืออัญมณีและดีไซน์ และกลไกก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้ดีไซน์ ผมชอบพูดว่าเรานำกลไกมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ ดังนั้นหากวันหนึ่งคุณเจอดีไซน์ที่เหมาะสมกับกลไกโครโนกราฟ มันก็อาจเกิดขึ้นได้
ส่วนเรื่องกลไกตีบอกเวลาระบบ Minute Repeater ตอนนี้เรายังไม่คิดที่จะทำครับ เพราะเราต้องมีเหตุผลที่ดีพอที่จะทำกลไกนี้ อย่างแรกคือมันซับซ้อนมาก ไม่ได้ทำเสร็จภายในวันเดียว และเราต้องมี "เรื่องราว" ที่จะเล่าด้วย เพราะมีนาฬิกา Minute Repeater ที่สวยงามมากมายในตลาด หากเราทำแค่เพื่อให้มี เราอาจจะได้ลงบทความดีๆ ในนิตยสารสักสองสามฉบับ แล้วก็จบไป นักสะสมจะสนใจก็ต่อเมื่อมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลัง มีเนื้อหาที่น่าสนใจ เพราะคนในยุคนี้ต้องการเรื่องราว ต้องการเนื้อหา และความแท้จริง มันไม่ใช่แค่การใช้เงินซื้อกลไกมาใส่ในตัวเรือนแล้วบอกว่าเรามี Minute Repeater
ดังนั้นเมื่อเรามีเรื่องราวที่ใช่ และมีดีไซน์ที่เหมาะสมแล้ว ทำไมเราจะไม่ทำล่ะ? มันไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เลยครับ ยกเว้นว่ามันต้องเป็น "ของจริง" ที่มีความน่าเชื่อถือ เหมือนกับเรื่องราวของนกและเรื่องราวของนาฬิกาบนหน้าร้านของเรา คุณจะเข้าใจได้ว่าทำไมเราถึงใช้กลไก Flying Tourbillon มันคือการเชื่อมโยงที่สนุกสนาน เราอยู่ในตลาดสินค้าหรูหราซึ่งไม่สามารถใช้เหตุผลเพียงอย่างเดียวได้เสมอไป แต่ทุกอย่างต้องเป็นของจริงครับ ถ้าต้องใช้เหตุผลอย่างเดียว คุณก็แค่ดูเวลาจากโทรศัพท์มือถือของคุณก็พอแล้ว
อะไรคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณในการดูแลแผนกนาฬิกาของ Tiffany & Co. ?
พูดตามตรง ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ "การซื่อสัตย์ต่อจิตวิญญาณ" ของ Jean Schlumberger และของบรรดานักสร้างสรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านอื่น ๆ ที่ร่วมกันสร้างสรรค์แบรนด์นี้ขึ้นมาครับ อย่างที่คุณได้เห็นจากคลังเอกสารเก่าของเรา Tiffany & Co. มีผลงานการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่งมากมาย ความท้าทายคือการที่เราต้องทำผลงานให้อยู่ในระดับเดียวกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น และที่สำคัญคือต้องทำให้ผู้คนได้รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เพราะต่อให้เราสร้างสรรค์สิ่งสวยงามขนาดไหน แต่ถ้าผู้คนไม่รู้ ก็เหมือนกับการเก็บผลงานไว้ในลิ้นชักครับ ปีแรกอาจจะเก็บไว้ในลิ้นชักชิ้นหนึ่ง ปีที่สองอาจจะมีอีกชิ้น และสุดท้ายก็คงไม่มีใครรู้
ดังนั้นความท้าทายที่แท้จริงคือการที่เราต้องรักษาคุณภาพให้อยู่ในระดับสูง และต้องทำให้ผู้คนได้รู้จักผลงานของเรา ซึ่งผมหวังว่าพวกเขาจะชื่นชอบในสไตล์ที่แตกต่างของเรา
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568