Last updated: 21 ต.ค. 2568 | 32 จำนวนผู้เข้าชม |
Czapek & Cie เติมเต็มคอลเลกชัน Antarctique Mount Erebus ด้วยเรือนเวลาวัสดุทองคำล้ำค่ารุ่นใหม่สามรุ่น สืบสานความสำเร็จของไลน์ นาฬิการะดับสูงในสไตล์สปอร์ตชิค พร้อมกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ SXH5 ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์โดยเฉพาะ เป็นการเฉลิมฉลองการผสมผสานที่ ลงตัวระหว่างหินแร่ล้ำค่าหายากและงานศิลป์แห่งการประดิษฐ์นาฬิกา
คอลเลกชันนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากภูเขาไฟ Mount Erebus ในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคงปะทุและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นภูเขาไฟที่ปล่อยอนุภาคทองคำขนาดเล็กออกมาพร้อมกับควันภูเขาไฟ Czapek จึงเลือกใช้ชื่อ Antarcticque Mount Erebus เป็นการอุทิศและให้ความสำคัญกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี้ให้กับเรือนเวลาที่ใช้ทองคำเป็นวัสดุหลัก เปรียบเสมือนพลังแห่งธรรมชาติที่หล่อหลอมขุมทรัพย์ใต้พื้นพิภพให้กลายเป็นงานศิลป์อันทรงคุณค่า
ผลงานเรือนแรกคือ Antarctique Mount Erebus Lapis Lazuli ตัวเรือนทองคำโรสโกลด์ หน้าปัดวัสดุหินลาพิสลาซูลี สีน้ำเงินเข้มลึกดุจท้องฟ้ายามค่ำคืนถัดมาคือ Antarctique Mount Erebus Falcon Eye ในตัวเรือนทองคำโรสโกลด์ เช่นกัน หน้าปัดทำจากหินฟอลคอนอายซึ่งเป็นผลกึ ควอตซ์ที่งดงาม และปิดท้ายด้วย Antarctique Mount Erebus Green Meteor ตัวเรือนทองคำเยลโลวโกลด์พร้อมหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สเขียวจากหินอุกกาบาต Gibeon เป็นภาคต่อที่สืบทอดดีไซน์จากรุ่นสตีลท์เปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาและได้กลายเป็นที่เสาะแสวงหาเป็นอย่างมาก
“ตอนที่ผมไปเยี่ยมพันธมิตรของเรา Gemmes-Tech และได้เห็นหิน แร่เหล่านี้ในสภาพดิบไม่ผ่านการสลักเสลาเจียระไนใดๆ เป็นครั้งแรก ผมหลงใหลในสีสันของมัน” Xavier de Roquemaurel ซีอีโอของ Czapek & Cie กล่าว “ลาพิสลาซูลสีน้ำเงินเข้มที่มีประกายทอง หินฟอลคอนอายที่สะท้อนแสงระยิบยับและลวดลายเรขาคณิตในเนื้อหินอุกกาบาตที่ดูราวกับศิลปะจากห้วงอวกาศ ทั้งหมดคือผลงานศิลป์ของธรรมชาติเอง การได้นำหินแร่เหล่านี้มาเป็นวัสดุหน้าปัดนาฬิกาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับเรา ความสวยงามจากการตัดกันระหว่างเฉดสีทองสุกปลั่งกับสีของหินแร่ธรรมชาติช่างน่าทึ่ง
การแปรรูปหินเหล่านี้ให้กลายเป็นหน้าปัดนาฬิกาเป็นสิ่งที่หน้าถ่อมตน และความงามที่เกิดจากการตัดกันระหว่างเฉดทองกับสีของหินนั้นช่างน่าทึ่ง การทำงานกับวัสดุที่เปราะบางเช่นนี้ไม่ง่ายเลย แต่นั้น แหละคือสิ่งที่ทำให้แต่ละเรือนมีเอกลักษณ์ มีชีวิตชีวา และเปี่ยมด้วยพลวัตอยู่ในตัว”
ปรัชญาของ Czapek นั้นสะท้อนเต็มเปี่ยมอยู่ในถ้อยคำประจำแบรนด์ที่ว่า “We Collect Rare People” และเช่นเดียวกับผู้คนที่มีความพิเศษเฉพาะตัว หน้าปัดหินแต่ละชิ้นก็มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกันลาพิสลาซูลที เลือกใช้ในรุ่น Antarctique Mount Erebus มีเฉดสีน้ำเงินเปล่งพลังเข้ทลึกพร้อมประกายทองบางเบาจากไพไรต์ หินทึบแสงในกลุ่มซลิเกตชนิดนี้มักประกอบด้วยลาซูไรต์ (ให้สีฟ้าเข้ม), ไพไรต์ (ให้ประกายทอง), และแคลไซต์ (ปรากฏเป็นเส้นขาว) การคัดเลือกหิน ลาพสิ ลาซูลี ต้องอาศัยความพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ความงามและคุณภาพสูงสุด โดยจะต้องเป็นหินที่ให้สีฟ้าเข้มที่สุดและมีส่วนประกอบแร่ไพไรต์หรือแคลไซตให้น้อยที่สุด การเจียระไนหินชนิดนี้เป็นงานที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความแม่นยำสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการแตกร้าว ผลลัพธ์คือหน้าปัดที่กลมกลืนกับตัวเรือนทองคำโรสโกลด์ สร้างความตัดกันที่สง่างามและเหนือกาลเวลา
หินฟอลคอนอายที่นำมาเป็นวัสดุหน้าปัดในคอลเลกชันนี้มีต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ และถือเป็นหนึ่งในวัสดุที่เปราะบางและท้าทายอย่างยิ่งในการทำงาน ด้วยเฉดสีที่ผสมผสานกนัอย่างน่าหลงใหลระหว่างสีฟ้า สีเทาแอนทราไซต์ และประกายทอง ฟอลคอนอายเป็นหนิ ตระกูลควอตซ์ไมโครคริสตัลไลน์ที่ผ่านกระบวนการแปรสภาพ โดยเส้นใยของโคริซโดไลต์จะค่อย ๆ ถูก แทนที่ด้วยควอตซ์ แม้โครงสร้างเส้นใยจะยังคงอยู่ องค์ประกอบภายในกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงโครงสร้างภายในนี้ทำให้วัสดุมีความเปราะบางอย่างมากจนทำให้ในกระบวนการตัดเจียรเนื้อหินเป็นหน้าปัดนั้นมีเพียงหนึ่งในห้าชนิดเท่านั้น ที่ออกมาสวยงามได้มาตรฐานระดับสูงอย่างแท้จริง Czapek คัดเลือกเฉพาะหินที่มีลายเส้นสีส้มและอินคลูชันหรือลวดลายตามธรรมชาติอันเกินจากแร่ธาตุที่อยู่ในเนื้อหิน เพื้เน้นย้ำว่าความไม่สมบูรณ์แบบคือความงามที่แท้จริง หน้าปัดที่ได้จึงเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา มีเอกลักษณ์ และเป็นหน้าปัดที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านัน
หน้าปัด Green Meteor เป็นหน้าปัดใหม่เพียงรุ่นเดียวที่ไม่ได้ผลิตจากหินธรรมชาติ แต่เป็นวัสดุที่ได้จากอุกกาบาต Gibeon ซึ่งมีแหล่งกำเนิดในประเทศนามิเบีย ลวดลายคริสตัลไลน์แบบ Widmanstätten ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ถูกเผยให้เห็นผ่านการกระบวนการกัดกร่อนด้วยกรดและเคลือบด้วยแลคเกอร์สีเขียวโปร่งแสง สร้างพื่นผิวที่มีมิติและความลุ่มลึกดุจห้วงอวกาศ โดยรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในตัวเรือนสตีลและกลายเป็นรุ่นยอดนิยมและเป็นที่เสาะแสวงหาในหมู่นักสะสม Czapek จึงตอบรับ เสียงเรียกร้องด้วยเวอร์ชันใหม่ในตัวเรือนทองคำเยลโลวโกลด์ ซึ่งช่วยขับเน้นความงามของวัสดุให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ขณะที่หน้าปัดอุกกาบาตในรุ่นสตีลมีโทนสีเขียวอมฟ้า รุ่น Mount Erebus Green Meteor กลับมีโทนที่อบอุ่นกว่าและเข้ากันอย่างลงตัวกับความเปล่งประกายของตัวเรือนวัสดุทองเหลือง 2N
หน้าปัดทั้งสามรุ่นผลิตร่วมกับ Gemmes-Tech อะเตอลิเยร์จากสวิตเซอร์แลนด์ที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างหน้าปัดจากหนิ แร่เนื้อแข็งชนิดต่างๆ
คอลเลกชัน Antarctique Mount Erebus เปิดตัวในปี 2024 เป็นการตีความใหม่ของรุ่น Antarctique ที่กล้าหาญขึ้น และลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยผสานโลหะล้ำค่าเข้ากับดีไซน์สปอรต์ -ชิค ที่ดูร่วมสมัยพร้อมกลไก SXH5 ซึ่งเป็นกลไกชุดแรกที่ Czapek ออกแบบและพัฒนาขึ้นเองทั้งหมดภายในแบรนด์
สำหรับรุ่น Mount Erebus Lapis Lazuli และ Falcon Eye จะจำกัดการผลิตไว้ที่ปีละ 10 เรือน ส่วนรุ่น Green Meteor เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันผลิตทั้งหมดเพียง 8 เรือนเท่านั้น
21 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568
20 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568