VACHERON CONSTANTIN Grand Lady Kalla

Last updated: 21 ต.ค. 2568  |  49 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VACHERON CONSTANTIN Grand Lady Kalla

เพื่อเป็นการสรรเสริญสายสัมพันธ์อันยาวนานระหว่าง Vacheron Constantin กับหญิงสาวผู้หลงใหลในเรือนเวลาที่ประดับอัญมณีอันล้ำค่า แบรนด์จึงเปิดตัว Grand Lady Kalla รุ่นใหม่ที่นำอัญมณีสีสันสดใสอย่าง ทับทิม ไพลิน และมรกต ที่นำผสานกับเพชรขาวบริสุทธิ์ ถ่ายทอดเรื่องราวบทใหม่ของ นาฬิกาเครื่องประดับระดับสูง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1979 ด้วยตำนานบทแรก “Kallista”

ผลงานล่าสุดนี้เป็นการรังสรรค์จากองค์ประกอบที่ประดับอัญมณีเต็มเรือนจำนวนสี่ชิ้น ประกอบด้วยนาฬิกา, เครื่องประดับ, สายข้อมือแบบ rivière ที่เรียงด้วยอัญมณีขนาดใกล้เคียงกันตลอดเส้นสามแถว, และสร้อยคอ sautoir หรือสร้อยคอเส้นยาวที่สามารถห้อยจี้ หรือพันรอบคอหลายชั้นได้ ที่สามารถถอดสับเปลี่ยนได้อย่างไร้รอยต่อ สร้างสรรค์ได้ถึงสี่รูปแบบการสวมใส่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

Grand Lady Kalla มากกว่าการเป็นนาฬิกาที่ตกแต่งด้วยเพชร โดยได้รับการออกแบบมาในฐานะ “เครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง” ตั้งแต่แรกเริ่ม สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์และความประณีตเชิงเทคนิค ซึ่งเป็นหัวใจของ Vacheron Constantin มาตลอดกว่า 270 ปี นับตั้งแต่ปี 1755 จนถึงปัจจุบัน


มรดกแห่งเรือนเวลาหญิงผู้เปล่งประกาย
นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม Vacheron Constantin ได้สานสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้หญิง ผ่านนาฬิกาอันประณีตที่ตกแต่งด้วยอัญมณี งานลงยา ลายกิโยเช่และงานแกะสลักละเอียดอ่อน ในคลังสะสมของแบรนด์มีนาฬิกาผู้หญิงประดับเพชรตั้งแต่ปี 1812 และในปี 1924 ก็มีผลงานที่สามารถแปลงโฉมจากจี้ห้อยคอเป็นเข็มกลัดได้ ที่สะท้อนความคิดอันล้ำยุคตั้งแต่ศตวรรษก่อน

ในยุคอาร์ตนูโวและอาร์ตเดโค Vacheron Constantin ได้สร้างสรรค์นาฬิกาเครื่องประดับอันมีเอกลักษณ์ โดยตีความความงามผ่านเส้นสายเรขาคณิตและการตกแต่งอย่างอิสระ ก่อนจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ด้วยความกล้าหาญทางดีไซน์ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

ปี 1979 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ เมื่อแบรนด์เผยโฉม Kallista ผลงานชิ้นเอกจากดีไซเนอร์ Raymond Moretti ที่ใช้ทองคำแท่ง 18 กะรัตหนัก 140 กรัม แกะสลักขึ้นเป็นตัวเรือนเพียงชิ้นเดียว และประดับเพชร 130 กะรัตทั่วเรือน ผลงานที่โดดเด่นจนกลายเป็นตำนาน

ถัดมาในปี 1980 นาฬิกา Lady Kalla ถือกำเนิดขึ้นในทองคำ 18 กะรัต ประดับเพชรเหลี่ยมมรกต 108 เม็ด รวมราว 30 กะรัต ก่อนจะมีรุ่นต่อเนื่องตามมาอย่าง Miss Kalla, Queen Kalla, King Kalla, Duchesse Kalla แต่ละรุ่นต่างเป็นบทกวีแห่งความงามเฉพาะตัว

ในปี 2001 Lady Kalla รุ่นสายซาตินที่แกะจากทองคำขาวทั้งชิ้นคว้ารางวัล Jewellery Watch จากเวที Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) รุ่นแรก และในวาระครบรอบ 30 ปีของคอลเลกชันนี้ ปี 2010 แบรนด์ได้เปิดตัว Lady Kalla Flame พร้อมนำเสนอ “Flame cut” การเจียระไนสุดพิเศษที่คิดค้นโดย Vacheron Constantin และขึ้นทะเบียนโดย GIA

จนกระทั่งปี 2024 โลกได้ต้อนรับ Grand Lady Kalla การตีความใหม่ของ “Kallista” ด้วยความเรียบหรูแบบโมโนโครมจากเพชรขาว ไข่มุก Akoya และลูกปัดออนิกซ์ดำ ดีไซน์ที่สามารถแปลงโฉมได้สี่แบบ รวมเป็นทั้งนาฬิกา สร้อย หรือเครื่องประดับระดับสูงในหนึ่งเดียว

สามรัตนะแห่งเวลา: สีน้ำเงิน แดง และเขียว
แรงบันดาลใจจากเส้นสายเรขาคณิตแบบอาร์ตเดโคถ่ายทอดผ่านสายข้อมือและชิ้นจิวเวลรี่รูปทรงสี่เหลี่ยมตรงตัดกับความพลิ้วไหวของสร้อย sautoir ยาว 85 เซนติเมตร ซึ่งร้อยด้วยไข่มุก Akoya 112 เม็ดและลูกปัดอัญมณีขัดมันอย่างประณีต แต่ละรุ่นประกอบด้วยเพชรรวม 45.66 กะรัต และอัญมณีประจำรุ่นที่ผ่านการรับรองจากสถาบัน SSEF (Swiss Foundation for the Research of Gemstones)



Grand Lady Kalla – Sapphire
ตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต ประดับไพลินรวมราว 49.72 กะรัต บนสายมีไพลินเหลี่ยมมรกต 8 เม็ด บนตัวเรือนและจิวเวลรี่ชิ้นละ 2 เม็ด และอัญมณีตัดทรงโดม เจียระไนทรง sugarloaf cut หนึ่งเม็ด ขนาดประมาณ 2.54 กะรัต



Grand Lady Kalla – Ruby
ตัวเรือนทองคำขาว 18 กะรัต ประดับทับทิมรวมราว 49.85 กะรัต เสริมความอ่อนโยนด้วยลูกปัดทับทิม 31 เม็ด และลูกปัด pink chalcedony 20 เม็ดที่ขับประกายของไข่มุก Akoya ให้เด่นขึ้น



Grand Lady Kalla – Emerald
ตัวเรือนแพลทินัม 950 ประดับมรกตรวมราว 35.72 กะรัต พร้อมลูกปัดมรกตขัดมัน 31 เม็ด และอัญมณีคริสโซเพรส (chrysoprase) สีเขียวอ่อนละมุน 20 เม็ดที่กลมกลืนกับประกายไข่มุก

ทุกชิ้นสามารถถอดสับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ กับตัวเรือนนาฬิกาหรือเครื่องประดับ ที่สามารถต่อเข้ากับสายข้อมือหรือสร้อยคอได้อย่างแนบเนียน โดยกลไกล็อกซ่อนภายในไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ

ความงามแห่งการเจียระไนและแสง
เพชรและอัญมณีใน Grand Lady Kalla ทุกเม็ดถูกเจียระไนด้วยเหลี่ยม Emerald cut เหลี่ยมขั้นบันไดที่สะท้อนรสนิยมและสถาปัตยกรรมอันสง่างาม ให้ประกายแสงนุ่มนวลและเผยสีแท้ของอัญมณีได้ชัดเจน โดยในส่วนหน้าราบด้านบนสุดของเหลี่ยมเจียระไนที่กว้างเปิดโอกาสให้มองทะลุเข้าไปเห็นหัวใจของพลอยได้อย่างลึกซึ้ง จึงสงวนไว้สำหรับอัญมณีที่มีความใสสมบูรณ์เท่านั้น

บนจิวเวลรี่ชิ้นกลางคืออัญมณีทรงโดมเจียระไนแบบ Sugarloaf cut การเจียระไนที่หายากและมีรากมาจากยุคโบราณ รูปทรงโค้งมนสี่ด้านปลายแหลมคล้ายแท่งน้ำตาลในอดีต ทำให้แสงไหลรินไปตามผิวและส่องผ่านภายใน เพิ่มความลึกและสีสันในมิติที่เหลี่ยมเพชรทั่วไปไม่สามารถให้ได้

รายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในความสมบูรณ์แบบ
การประทับอัญมณีแบบก้านเล็บ (claw setting) เปิดทางให้แสงผ่านเข้าสู่พลอยได้มากที่สุด สร้างภาพลวงตาแห่งระนาบอัญมณีต่อเนื่องไร้รอยต่อ หากพิจารณาอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าปลายแต่ละก้านถูกแกะให้มีรูปทรงคล้าย “กิ่งของไม้กางเขนมอลตา” — สัญลักษณ์ประจำแบรนด์ และเมื่ออัญมณีสี่เม็ดมาบรรจบกัน ไม้กางเขนเต็มดวงจะเผยโฉมขึ้นอย่างแนบเนียน กลไกล็อกและเม็ดมะยมตั้งเวลายังถูกซ่อนอย่างแนบเนียนใต้เหลี่ยมเพชร เพื่อคงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์แห่งรูปทรง

บทกวีแห่งการแปลงโฉม
ตอบโจทย์ผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการเครื่องประดับอเนกประสงค์ Grand Lady Kalla ออกแบบให้สวมใส่ได้ถึงสี่รูปแบบ จากสร้อยคออันสง่างามสู่ข้อมือ หรือแปลงจากนาฬิกาเป็นจิวเวลรี่ได้ในพริบตา

เมื่อสวมในรูปแบบสร้อยคอเส้นยาวที่ห้อยจี้ที่พันรอบคอได้หลายชั้นในแบบ โซตัวร์ (sautoir) ยังได้รำลึกถึงเสน่ห์ของสุภาพสตรีปลายศตวรรษที่ 19–20 ที่มักประดับนาฬิกาจี้ไว้กับสร้อยคอ และเหลือบมองเวลาอย่างอ่อนช้อยโดยใช้ปลายนิ้วยกจี้ขึ้นเพียงเบาๆ ท่วงท่าที่เป็นดั่งเครื่องหมายแห่งความสง่างามตลอดกาล

ทุกเรือนบรรจุมาในกล่องหรูออกแบบพิเศษ ภายในมีภาพวาด gouache ดั้งเดิมของดีไซน์เนอร์ และใบรับรองความแท้ — เป็นมากกว่านาฬิกา หากแต่คือ “บทประพันธ์แห่งอัญมณี” ที่จับเวลาแห่งความงามไว้ในทุกวินาที

Grand Lady Kalla เรือนเวลาสำหรับผู้หญิงเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความเป็นหญิงในทุกรูปแบบ ทั้งความแข็งแกร่ง อ่อนโยน และงดงามอย่างไร้กาลเวลา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้