Last updated: 23 ต.ค. 2568 | 218 จำนวนผู้เข้าชม |
ในปี 1848 ระหว่างที่ หลุยส์ แบรนดท์ (Louis Brandt) รังสรรค์นาฬิกาเรือนแรกๆ ขึ้น เขามีความปรารถนาที่จะผลิตกลไกที่เที่ยงตรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ความทุ่มเทให้กับความเที่ยงตรงนี้เองที่ได้พาบริษัทให้เติบโตและกระทั่งนำไปสู่ความสำเร็จของกลไกขนาด 19-ลิญจน์ “OMEGA” ในปี 1894 ที่ปฏิวัติวงการทั้งในด้านประสิทธิภาพและด้านการผลิต รวมถึงยังได้รับเลือกให้ตั้งเป็นชื่อของบริษัทในภายหลัง จุดเริ่มต้นนั้นเองที่ได้ช่วยวางรากฐานให้กับ OMEGA รวมถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ กระนั้น นี่ก็เป็นเพียงก้าวแรกของการเดินทางที่ยาวไกลและทรงเกียรติ
เมื่อปี 2015 แบรนด์ OMEGA ได้เปิดตัวการรับรอง Master Chronometer สู่โลกแห่งการผลิตเรือนเวลาของสวิส สัญลักษณ์ของมาตรฐานแห่งความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม ยกระดับมาตรฐานใหม่ของความเป็นเลิศและตอกย้ำว่า OMEGA มีความกล้าที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของคุณภาพแบบเดิมเพื่อมุ่งสู่มาตรฐานใหม่ที่เหนือกว่า
ปัจจุบัน ในอีก 10 ปีให้หลัง แบรนด์ได้เฉลิมฉลองให้กับการครบรอบทศวรรษของหมุดหมายแห่ง Master Chronometer ที่ยังคงสำคัญต่อทุกกลไกในเรือนเวลาที่โรงงานผลิต
ยกระดับให้กับมาตรฐานทางการของอุตสาหกรรมสวิส
ก่อนที่จะมีการรับรอง Master Chronometer แบรนด์ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบอกเวลาในสวิตเซอร์แลนด์ต่างมั่นใจกับการรับรองระดับ “โครโนมิเตอร์” (chronometer) ซึ่งมีเพียงกลไกที่จะต้องผ่านเกณฑ์ความเที่ยงตรงตรงที่ -4/+6 ต่อวัน
อย่างไรก็ตาม OMEGA ตระหนักดีว่าแบรนด์สามารถพิสูจน์ถึงคุณภาพเครื่องบอกเวลาที่ผลิตได้โดยใช้มาตรฐานที่สูงยิ่งกว่า ภายในนาฬิกาของแบรนด์ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนและนวัตกรรมระดับปฏิวัติวงการซึ่งสามารถรับประกันถึงประสิทธิภาพของการวัดค่าเวลาในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นระบบปล่อยจักรแบบ Co-Axial ที่มอบความเที่ยงตรงได้อย่างยาวนาน หรือซิลิคอน (Si14) บาลานซ์สปริงที่มอบคุณสมบัติการต้านทานสนามแม่เหล็กที่เหนือระดับ OMEGA ได้พิชิตความท้าทายมากมายที่ผู้ผลิตนาฬิกาสมัยใหม่ต่างเผชิญได้สำเร็จ แบรนด์จึงต้องการการรับรองที่สามารถขับเน้นศักยภาพอันโดดเด่นของตนได้อย่างแท้จริง
การร่วมงานกับ METAS
ดังนั้นแบรนด์จึงร่วมงานกับสถาบันมาตรวิทยาแห่งสวิส (METAS) หรือที่รู้จักในฐานะหน่วยงานอิสระและเป็นทางการของรัฐที่มีหน้าที่กำกับในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการวัดค่า รวมถึงอุปกรณ์และกระบวนการต่างๆ การร่วมมือครั้งนี้ได้ทำให้เกิดการรับรอง Master Chronometer ขึ้น นาฬิกาทุกเรือนจะต้องผ่านการทดสอบเพิ่มเติม ทั้งคุณสมบัติการกันน้ำ การสำรองพลังงาน ความเสถียรต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และการทนทานสนามแม่เหล็กสูงสุดถึง 15,000 เกาส์ (นับเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับยุคสมัยที่มีการรบกวนจากอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ค หัวล็อกโลหะของกระเป๋าถือ เตาแม่เหล็กไฟฟ้า และประตูอัตโนมัติ)
นาฬิกาจะต้องเข้ารับการทดสอบนาน 10 วันใน 6 ตำแหน่ง และมาตรฐานความเที่ยงตรงจะต้องอยู่ในเกณฑ์ 0/+5 ต่อวัน
ก้าวกระโดดสู่ความเป็นเลิศ
@omega #OMEGAThailand #OMEGA #OMEGAPrecision
Facebook: OMEGA Watches
Twitter: @OMEGAWatches
23 ต.ค. 2568
22 ต.ค. 2568
23 ต.ค. 2568
21 ต.ค. 2568