CZAPEK & CIE Time Jumper

เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษแห่งการฟื้นคืนชีพของชื่อ “Czapek & Cie” ในตำนาน  หลังจากหลับใหลอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์กว่า 150 ปี และในวันนี้ บ้านแห่งเวลาผู้ถือกำเนิดจากเจนีวาในปี 1845 ได้เฉลิมฉลองวาระแห่งทศวรรษใหม่ ด้วยผลงานที่เป็นมากกว่านาฬิกา หากคือบทกวีแห่งเวลาในชื่อ Time Jumper ผลงานที่เชื่อมอดีต อนาคต และวิสัยทัศน์แห่งศิลป์เข้าด้วยกันอย่างงดงาม

Czapek ไม่เคยทำอะไรตามสูตรสำเร็จ และนั่นเองคือเสน่ห์ที่ทำให้แบรนด์นี้ต่างจากใคร ๆ ในโลกของเครื่องบอกเวลาชั้นสูง แทนที่จะหวนกลับสู่ความคลาสสิกในวาระครบรอบสิบปี พวกเขากลับเลือกเดินทาง “ย้อนเวลาไปข้างหน้า” ด้วยแนวคิดอันล้ำยุคที่ผสานความประณีตแบบดั้งเดิมกับการออกแบบเชิงทดลองสไตล์อวังกาศ ผลงาน Time Jumper คือผลลัพธ์ของการทดลองนั้น นาฬิกาสเตนเลสสตีลขนาด 40.5 มิลลิเมตรที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง “กาล–อวกาศ” ใหม่ของแบรนด์ ตัวเรือนรูปทรงคล้ายจานบิน (flying saucer) ขัดเงาอย่างประณีต เปล่งประกายเหมือนวัตถุจากโลกอนาคตที่บรรจุความลับของกาลเวลาไว้ภายใน

การเล่นซ่อนหาของเวลา
ใต้ฝาครอบแบบ half-hunter สัญลักษณ์ที่เชื่อมโยงกับนาฬิกาพกในศตวรรษที่ 19 แฝงไว้ด้วยระบบบอกเวลาที่แหวกขนบอย่างสิ้นเชิง กลไก “ชั่วโมงแบบกระโดด” (jumping hour) โดยแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ผ่านจานใสสองชั้นทำจากแซฟไฟร์หนึ่งสำหรับเลขหลักหน่วยและอีกหนึ่งสำหรับหลักสิบ ขณะที่นาทีเคลื่อนผ่านวงแหวนรอบนอกอย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้ไม่เพียงเป็นการบอกเวลา หากเป็นบทสนทนาระหว่างอดีตกับอนาคต การตีความศิลป์แห่ง “เวลา” ใหม่ทั้งหมด ผ่านมุมมองของศตวรรษที่ 21

บนฝาปิดเผยให้เห็นลวดลายแกะสลักกิโยเช่แบบสามมิติที่ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดเป็นภาพลวงตา คล้ายหลุมดำ (black hole) ที่ดึงดูดสายตาเข้าสู่ใจกลาง ด้วยการฝังเลนส์นูนทรงกลมเหมือนกระจกมองของนักบินอวกาศ เมื่อเปิดฝาออก กลไกโครงโปร่งปรากฏชัดใต้กระจกแซฟไฟร์ใสจะเผยความงามของจักรกลที่เต้นอยู่ภายใน

“เราอยากให้ Time Jumper เป็นการรื้อความคิดเดิม ๆ เกี่ยวกับการบอกเวลา” Xavier de Roquemaurel, CEO ของ Czapek กล่าว “โลกของนาฬิกามีแต่เข็มและหน้าปัด แต่เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ต้องถามตัวเองว่า เวลา…จำเป็นต้องมีเข็มหรือไม่” และคำตอบของคำถามนั้นคือ Time Jumper  การแสดงเวลาในรูปแบบใหม่ที่ทั้งกล้าหาญและมีชั้นเชิง

คาลิเบอร์ 10 จุดกำเนิดของจักรวาลใหม่
ภายใต้ฝาโลหะที่ดูเหมือนจานบินซ่อนกลไกคาลิเบอร์ 10 ซึ่งเป็นหัวใจของนาฬิการุ่นนี้ และเป็นกลไกที่ถือเป็น “บทที่หนึ่ง” ของทศวรรษต่อไปของ Czapek & Cie. และแทนที่จะอวดกลไกซับซ้อนหรือคอมพลิเคชันจำนวนมากในโอกาสครบรอบสิบปี แบรนด์กลับเลือกสร้างกลไกที่ดูเรียบง่าย มีเพียงชั่วโมงและนาที แต่กลับแฝงแนวคิดเชิงปรัชญาอันลึกซึ้ง

แนวคิดของคาลิเบอร์ 10 เริ่มจากการตั้งคำถามว่า “เวลาเป็นสิ่งที่ตายตัวหรือยืดหยุ่นได้?” จากนั้นจึงสร้างสถาปัตยกรรมกลไกที่สะท้อนแนวคิดของ “การละลายขอบเขตกาลเวลา”  ซึ่งกลไกรุ่นก่อนหน้าของ Czapek ทั้งเก้ารุ่นยังคงอยู่ในกรอบของความคลาสสิก แต่คาลิเบอร์ 10 คือการก้าวออกจากกรอบนั้นสู่มิติใหม่ ที่ถูกออกแบบให้เป็นฐานของกลไกในอนาคตที่สามารถปรับเปลี่ยนให้รองรับคอมพลิเคชันได้หลากหลาย โดยทุกเวอร์ชันในอนาคตจะถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ “เสริมโมดูล” ลงบนกลไกเดิมแบบที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ทำ ผลลัพธ์คือความยืดหยุ่นสูงสุด ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพเชิงกลที่ไม่สูญเสียพลังงานจากการซ้อนชั้นของโมดูล

สุนทรียะแห่งเครื่องจักร
หัวใจของกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 10 คือโรเตอร์ทองคำขาวรีไซเคิล 950 แพลทินัมแบบศูนย์กลาง ที่ออกแบบให้โปร่งใส มองเห็นการเคลื่อนไหวของทุกชิ้นส่วนภายใน เส้นสายของสะพานจักรโค้งมนเรียงตัวเป็นวงกลมซ้อนกันราวกับคลื่นเวลา การตกแต่งแบบขัดเหลี่ยมเพชรบนขอบล้อจักรและสะพานจักรเปล่งประกายเป็นประกายแสงละเอียดอ่อนในทุกการเคลื่อนไหว “ความโค้งมนของเส้นสายและสมดุลระหว่างความสงบกับความเคลื่อนไหว คือสิ่งที่เราเรียกว่า very Czapek” Xavier กล่าวด้วยรอยยิ้ม แผ่นเพลทสีดำตัดกับโทนเงินของสะพานจักรโรเดียม สร้างมิติความลึกที่ชวนให้มองราวกับการจ้องเข้าไปในห้วงอวกาศ ขณะที่ตัวเลขและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ถูกสลักด้วยเลเซอร์ เติมสารซูเปอร์ลูมิโนว่า เพื่อให้ส่องแสงในความมืด ราวดวงดาวที่ล่องลอยอยู่ในสุญญากาศ

Flying Saucer เมื่อความคลาสสิกกลายเป็นอวกาศ
รูปลักษณ์ของ Time Jumper ได้แรงบันดาลใจจาก “จานบิน” ที่โด่งดังในยุค 1960s ซึ่งตรงกับวัยเด็กของ Xavier ที่หลงใหลในภาพยนตร์ไซไฟพอ ๆ กับเครื่องจักรกล การออกแบบโดย Thomas Funder ถ่ายทอดเส้นโค้งและมุมอย่างละเอียด ลบเหลี่ยมทุกจุดจนเกิดความลื่นไหลแบบอากาศพลศาสตร์ ปุ่มเปิดฝาโค้งมน เม็ดมะยมถูกซ่อนไว้แนบตัวเรือนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมัน แม้แต่หัวเข็มขัดสายหนังยังถูกออกแบบให้โค้งรับกับข้อมือโดยปราศจากเหลี่ยมมุม

ฝาครอบตกแต่งด้วยลายกิโยเช่ที่สร้างโดย Metalem พันธมิตรเก่าแก่ของ Czapek ซึ่งพัฒนาเทคนิคการแกะลายนี้มาหลายทศวรรษ ลวดลายใหม่นี้คือวิวัฒนาการของ Singularité guilloché จากรุ่น Antarctique Tourbillon ที่ดูคล้ายกระแสน้ำวนดึงเข้าสู่ใจกลาง สะท้อนแนวคิด “หลุมดำ” ในเชิงปรัชญา

แม้แต่กล่องบรรจุนาฬิกายังได้รับการออกแบบให้เป็น “จานบินอะลูมิเนียม” ขัดทรายละเอียด พร้อมจุดเงาเล็ก ๆ ที่เปล่งประกายราวดวงดาว — เป็นอีกหนึ่งบทกวีในแนวคิด “space-time continuum”

180 ปีแห่งการเดินทางและจิตวิญญาณแห่ง Rare People
Time Jumper ผลิตเพียง 180 เรือนเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการก่อตั้งแบรนด์ในปี 1845 ที่เจนีวา โดยแบ่งเป็นรุ่นสตีล 100 เรือน (ราคา 42,000 ฟรังก์สวิส ก่อนภาษี) และรุ่นทองคำ 3N 18 กะรัต 30 เรือน (ราคา 64,000 ฟรังก์สวิส ก่อนภาษี) ส่วนที่เหลือ 50 กลไกจะถูกใช้สำหรับโครงการพิเศษ รวมถึง 10 เรือนแบบ bespoke สำหรับนักสะสมที่ต้องการออกแบบเฉพาะตัว Czapek จะเปิดตัว Time Jumper อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 ที่เจนีวา ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นของชุมชน Czapek จากทั่วโลก และเหล่าผู้หลงใหลในนาฬิกาซึ่งแบรนด์เรียกว่า Rare People

We Collect Rare People ปรัชญาแห่งการสร้างสรรค์ที่แบ่งปัน
วลีที่สะท้อนแก่นแท้ของ Czapek ได้ดีที่สุด มันไม่ใช่เพียงสโลแกน แต่คือจิตวิญญาณของแบรนด์ “Rare People” คือผู้คนหายากในโลกที่วุ่นวาย นักลงทุนที่เชื่อมั่นในศิลป์มากกว่ากำไร, ช่างฝีมือที่ทุ่มเทจิตวิญญาณในทุกการขัดแต่ง, คู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายที่เข้าใจความหมายของคำว่า “เวลา”, และนักสะสมผู้มองเห็นความงามในสิ่งที่ไม่เหมือนใคร แต่ที่สำคัญที่สุด “Rare” ในความหมายของ Czapek ไม่ได้หมายถึง “พิเศษกว่าใคร” หากหมายถึง “มนุษย์ที่เข้าใจว่าความงามควรถูกแบ่งปัน” “สำหรับเรา ความคิดสร้างสรรค์คือแหล่งกำเนิดแห่งความสุข และความสุขนั้นจะงอกงามได้เมื่อแบ่งปัน ไม่ใช่ครอบครอง” — Xavier de Roquemaurel

ด้วยปรัชญานี้ Czapek จึงไม่ยึดติดกับแนวคิด “vertical integration” แบบปิด แต่เลือกเส้นทางแห่งความร่วมมือ (établissage) ซึ่งเปิดกว้างให้แบรนด์สามารถทำงานกับพันธมิตรช่างฝีมือชั้นนำในแต่ละแขนง โดยคงความอิสระในการสร้างสิ่งที่ “มีชีวิต” มากกว่าผลิตสิ่งที่ “เหมือนเดิม”

เวลาในมือของมนุษย์ผู้ฝัน
ทศวรรษแรกของ Czapek ยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 คือการฟื้นคืนชีพอย่างงดงาม และ Time Jumper คือเครื่องหมายแห่งทศวรรษใหม่ ผลงานที่ผสมผสานระหว่างปรัชญา วิศวกรรม และความฝันของมนุษย์เข้าไว้ด้วยกัน

เมื่อได้มองผ่านเลนส์นูนของฝา Time Jumper เราไม่ได้มองเห็นเพียงตัวเลขที่เปลี่ยนผ่าน แต่เหมือนได้มองเข้าไปในหัวใจของเวลา ที่ซึ่งศิลปะและกลไกเต้นไปพร้อมกันในจังหวะเดียวกับจิตวิญญาณของผู้สร้าง ในโลกของ Czapek เวลาไม่ใช่สิ่งที่ต้องตามหา แต่คือสิ่งที่เราสามารถ สร้างขึ้นใหม่ ได้เสมอ และนั่นคือความหมายแท้จริงของการ “ก้าวข้ามเวลา”