Last updated: 19 พ.ย. 2568 | 252 จำนวนผู้เข้าชม |
นาฬิกาแบบสองด้านมีประวัติยาวนานกว่าสองศตวรรษ กำเนิดขึ้นในยุครุ่งเรือง โดยได้รับอิทธิพลจากดาราศาสตร์ ศิลปะการตกแต่ง และวิศวกรรมเชิงกลไก จึงเปิดโอกาสให้นาฬิกาสามารถนำเสนอฟังก์ชั่นได้หลากหลายยิ่งขึ้น จากนาฬิกาทาวเวอร์และนาฬิกาตั้งโต๊ะในช่วงยุคเรอเนสซองส์ แนวคิดนี้ถูกสืบทอดมาสู่นาฬิกาพก ก่อนจะได้รับการต่อยอดสู่ผลงานระดับตำนานอย่าง Leroy 01 (ค.ศ. 1900)
สองด้าน สองไทม์โซน: ความซับซ้อนทางเทคนิคของระบบ GMT
การเคารพต่อจิตวิญญาณของแบรนด์ ความเรียบง่ายและงดงามที่เผยให้เห็นจากภายนอกของนาฬิกาเรือนนี้ กลับซ่อนด้วยกลไกอันประณีตไว้ภายใน ออกแบบขึ้นเพื่อฟังก์ชั่น GMT ที่ทั้งใช้งานง่ายและดูเป็นธรรมชาติ โครงสร้างการทำงานถูกจัดวางอย่างเหมาะสมตามการเลือกดูเวลาผ่านหน้าปัดด้านหน้าหรือด้านหลัง โดยระบบเฟืองและเฟืองเล็กที่วางสลับซับซ้อนจะทำหน้าที่ประคองให้เข็มเดินไปในทิศตามเข็มนาฬิกาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเลือกดูเวลาจากด้านใดก็ตาม
นาฬิกาเรือนนี้สามารถกลับด้านได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถสวมใส่ได้ทั้งสองด้าน ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้สวมใส่หรือไทม์โซนที่ต้องการดูเวลา
“การออกแบบนาฬิกาที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้สองเรื่อง ผ่านหน้าปัดสองด้าน และแสดงเวลาสองไทม์โซนด้วยการหมุนปรับเพียงครั้งเดียว ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่น่าตื่นเต้นที่สุดของ Kind of Two Jumping GMT โดยแนวคิดคู่ขนานนี้กลายเป็นหลักการสร้างสรรค์นาฬิกา” Denis Flageollet

Contemporary Side: ดิสเพลย์แสดงเวลาเมืองหลัก
หน้าปัดด้านหน้าที่ทันสมัยเผยให้เห็นกลไกอันซับซ้อน สามารถอ่านเวลาโดยมีบาลานซ์วีลอยู่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมสเกลนาทีรอบขอบหน้าปัด การทำงานอย่างประณีตนี้สอดคล้องกับการซ้อนชั้นของรูปทรงโค้งนูนขัดเงา รวมถึงการตกแต่งพื้นผิวด้วยเทคนิคไมโครไลท์, การพ่นพื้นผิว, และการขัดลายก้นหอย แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียดของการตกแต่งในทุกชิ้นส่วนกลไกของคาลิเบอร์รุ่นนี้
แม้พื้นที่จะจำกัด นาฬิกาเรือนนี้ยังคงถ่ายทอดความรู้สึกในเชิงมิติและความลึกได้อย่างชัดเจน รวมทั้งฟังก์ชั่น GMT และจังหวะวินาทีแบบกระโดด ซึ่งปรากฏผ่านเฟืองทองสองตัวตรงกลาง สะพานไทเทเนียมสามเหลี่ยมทรงเดลต้าที่ตั้งอยู่กลางกลไกหลายชั้น ยังช่วยเสริมทั้งความมั่นคงและความกลมกลืนโดยรวมของหน้าปัดนาฬิกา
หลักชั่วโมงและนาที รวมถึงเข็มเคลือบบลูสตีลราวกระจกเงา ถูกประดับด้วยแผ่นสเตนเลสสตีลขัดแบบซาตินตรงกลาง ช่วยเสริมความโดดเด่นด้วยเฉดสีน้ำเงินและเอฟเฟ็กต์แสงอย่างลงตัว ทำให้การอ่านเวลาชัดเจนสมบูรณ์แบบ
ตัวเรือนสองด้านที่ใช้งานได้จริงและแม่นยำ
ตัวเรือนขนาด 43 มม. ทำจากไทเทเนียมเกรด 5 ขัดเงาอย่างประณีต มาพร้อมเม็ดมะยมลอยตัวที่ออกแบบเฉพาะสำหรับ DB Kind of Two ระบบนี้ช่วยให้ตัวเรือนโอบรับข้อมืออย่างพอดีและปรับตามการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังสามารถสลับหน้าปัดทั้งสองได้อย่างง่ายดายด้วยการหมุนที่ราบรื่นและแม่นยำ ประกอบด้วยชิ้นส่วน 42 ชิ้นที่ผลิตจากวัสดุสเตนเลสสตีลคุณภาพสูง เช่น เหล็กสตีลทางการแพทย์และไทเทเนียม กลไกขนาดเล็กแต่ชาญฉลาดและเชื่อถือได้นี้สามารถทนต่อปัจจัยภายนอกได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งน้ำ ความชื้น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และการสัมผัสกับผิวหนังอย่างต่อเนื่อง


Classic Side: ดิสเพลย์ GMT
ด้านหลังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความคลาสสิก มาพร้อมหน้าปัดทรงโค้งสีแอนทราไซต์ กลางหน้าปัดตกแต่งลวดลายกิโยเช่ การอ่านเวลาจึงเรียบง่ายและงดงาม เข็มทอง 5N โค้งขัดเงาด้วยมือเข้าคู่กับหลักชั่วโมงเคลือบทอง ส่วนมาตรวินาทีทำจากไทเทเนียมขัดเงา ช่วยแสดงการกระโดดของวินาทีชัดเจน
การปรับตั้งอันชาญฉลาดแต่เรียบง่าย
แม้จะมีการออกแบบที่ซับซ้อน แต่นาฬิกาเรือนนี้กลับใช้งานได้ง่ายอย่างน่าทึ่ง ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ถูกจัดวางในรูปแบบหน้าปัดคู่ด้านหน้า/ด้านหลังสำหรับแสดงเวลาชั่วโมงและนาที โดยสามารถตั้งเวลาอ้างอิงด้วยเม็ดมะยมดึง 3 ตำแหน่ง ซึ่ง Contemporary Side จะแสดงเวลาผ่านเข็มชั่วโมงและนาที ส่วนโซนเวลาที่สองของ GMT Side สามารถตั้งค่าได้โดยดึงเม็ดมะยมไปในตำแหน่งที่สอง
สัญลักษณ์แห่งความอเนกประสงค์และสร้างสรรค์ นาฬิกาสองด้านเรือนนี้เผยให้เห็นความยอดเยี่ยมทางเทคนิคของ De Bethune และความประณีตของช่างฝีมือทั้งในด้านวัสดุ สีสัน และการเล่นแสง หน้าปัดคู่ที่ผสมผสานอัตลักษณ์ระหว่างความทันสมัยและคลาสสิกสะท้อนความกลมกลืนระหว่างประเพณีและนวัตกรรม ตัวเรือนประกอบเข้ากับสายหนังจระเข้บุด้านในที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลสวมใส่สบาย
13 พ.ย. 2568
19 พ.ย. 2568
19 พ.ย. 2568