LOUIS MOINET 1816

Last updated: 25 พ.ย. 2568  |  303 จำนวนผู้เข้าชม  | 

LOUIS MOINET 1816

ปี 1816 ถือเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกา เพราะเป็นปีที่ช่างนาฬิกาผู้ยิ่งใหญ่ Louis Moinet ประดิษฐ์โครโนกราฟเครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ

ปัจจุบัน นาฬิกา 1816 จาก Les Ateliers Louis Moinet ยังคง สะท้อนมรดกของผลงานชิ้นเอกสำคัญนี้อย่างโดดเด่น นาฬิกายังคงรักษาแก่นแท้ของต้นแบบดั้งเดิมไว้ได้ครบถ้วน และพร้อมที่จะ บันทึกบทต่อไปในหน้าประวัติศาสตร์ของมัน

“รากเหง้าของเราคืออนาคตของเรา และ 1816 คือหลักฐานยืนยันถึงเรื่องนี้ ความเป็นเอกลักษณ์และความทรงพลังของมัน ถ่ายทอดมรดกของงานชิ้นเอกผู้บุกเบิก” – Jean-Marie Schaller, CEO & Creative Director

1816: ปีแห่งโครโนกราฟเครื่องแรกของโลก
ในตอนแรกเริ่ม Louis Moinet ออกแบบเครื่องมืออันล้ำสมัยของเขาเพื่อใช้ในการสังเกตการณ์ดวงดาว ซึ่งต้องอาศัยการคำนวณความเร็วการเคลื่อนที่ของดาวอย่างแม่นยำ ด้วย “thirds counter” (compteur de tierces / ตัวนับวินาทีสามส่วน เป็นกลไกตัวนับที่สามารถวัดเวลาย่อยของวินาทีได้เป็นสามส่วน) ชิ้นแรกของโลก และยังเป็นหลักฐานยืนยันถึงอัจฉริยภาพของผู้สร้าง นอกจากนี้ยังเป็นโครโนกราฟเครื่องแรกที่ได้รับการสร้างขึ้น ผลงานอันยอดเยี่ยมของ Louis Moinet ยังรวมเอานวัตกรรมหลายประการ ซึ่งบางส่วนไม่ได้ปรากฏซ้ำอีกจนกระทั่งผ่านไปกว่าศตวรรษ ปัจจุบัน นาฬิกาประวัติศาสตร์ชิ้นนี้ถูกเก็บรักษาอย่างพิถีพิถันในพิพิธภัณฑ์ Louis Moinet ที่ Saint-Blaise

การฟื้นฟูมรดกแห่งตำนาน: โครโนกราฟ 1816
การพินิจพิจารณาอย่างใกล้ชิดกับนาฬิกา โครโนกราฟ 1816 รุ่นใหม่จาก Les Ateliers Louis Moinet คือการดื่มด่ำสู่ประวัติศาสตร์กว่า 200 ปีผ่านนาฬิกาที่สะท้อนสไตล์ร่วมสมัยอย่างชัดเจน DNA ของ compteur de tierces หรือตัวนับวินาทีสามส่ว ของ Moinet ที่มีดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานได้จริง และล้ำสมัยที่สุดในยุคนั้น ปรากฏให้เห็นในทุกรายละเอียด รหัสความงามของรุ่นดั้งเดิมได้รับการตีความใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงสอดคล้องกับงานประดิษฐ์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงแบบดั้งเดิม เรามาสำรวจกันต่อไป

ตัวเรือนแบบ double-gadroon รังสรรค์จากไทเทเนียมเกรด 5 ขัดเงาและซาติน มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40.6 มิลลิเมตร ประกอบอย่างซับซ้อนด้วยชิ้นส่วน 51 ชิ้น โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของดีไซน์ semi-bassine ความโค้งเว้าเพียงบางส่วน ในดีไซน์ดั้งเดิมแบบ Directoire พร้อมตัวเรือนกลางเรียบง่าย ปุ่มกดสองปุ่มเรียบง่ายล้อมรอบ เม็ดมะยมไขลาน ซึ่งตกแต่งด้วย fleur-de-lys สัญลักษณ์ของเมือง Bourges บ้านเกิดของ Louis Moinet นาฬิกา 1816 ที่สง่างามและคลาสสิกนี้ถูกออกแบบให้ สวมใส่สบายบนข้อมืออย่างยิ่ง

ปุ่มกดสองปุ่มเรียบง่าย ขนาบข้างเม็ดมะยมสำหรับไขลานที่ตกแต่งด้วยสัญลักษณ์รูปดอกไม้ลิลลี่แบบสไตล์ฝรั่งเศส fleur-de-lys ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Bourges บ้านเกิดของ Louis Moinet นาฬิกา 1816 ที่สง่างามและคลาสสิกนี้ถูกออกแบบให้สวมใส่สบายเมื่ออยู่บนข้อมือ

หน้าปัดโค้งเล็กน้องที่ให้การอ่านค่าได้ง่ายและใช้งานได้จริง เข็มโครโนกราฟเด่นชัด และแบ่งพื้นที่บนหน้าปัดกับสองเข็มหลัก เข็มหนึ่งสำหรับแสดงชั่วโมง อีกเข็มสำหรับการแสดงนาที ร่วมกับการแสดงวินาทีบนหน้าปัดย่อย ทั้งหมดล้อมรอบด้วยมาตรวินาทีและนาทีในวงแหวนที่แบ่งหน่วยแบบหกส่วน ชวนให้นึกถึงการแสดงวินาทีแบบหนึ่งในหกสิบของต้นฉบับ

กลไกไขลานประกอบด้วยชิ้นส่วนเฉพาะของการประดิษฐ์นาฬิกาแบบดั้งเดิม เช่น กลไกโครโนกราฟที่แสดงผลนาทีทันที, จักรคอลัมน์วีล และสปริงปรับแต่งแบบคอห่าน (swan-neck) ที่ใช้ปรับความเร็วของจักรสมดุล

สายที่รังสรรค์จากไทเทเนียมเกรด 5 ในดีไซน์ที่เชื่อมต่อเข้ากับตัวเรือน ถือเป็นสายโลหะแรกที่พัฒนาโดย  Les Ateliers Louis Moinet มันได้ชื่อว่า "Project BRIDGE" ชื่อที่ตั้งโดยช่างเทคนิค เพื่อสะท้อนรูปทรงโค้งเว้าที่สง่างามของข้อต่อของสายที่ออกแบบให้มีความกว้าง สายร่วมสมัยชิ้นนี้มีดีไซน์โดดเด่น และมีรูปแบบที่ไม่เข้ากับหมวดหมู่หรือสไตล์ใดสไตล์หนึ่งโดยชัดเจน ถูกออกแบบให้เป็น ส่วนขยายต่อเนื่องกับตัวเรือนอย่างเป็นธรรมชาติ การเรียงต่อของข้อเชื่อมมีความลื่นไหลและสมดุลพอดีกับข้อมือ มิติของสายเน้นด้วย งานขัดซาตินและขัดเงา สร้างเป็นรูปทรงที่ทั้งลื่นไหลสวยงามและเป็นไปตามหลักสรีระศาสตร์

องค์ประกอบทั้งหมดรวมกันเป็นนาฬิกาชั้นสูงที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา เพื่อผู้ชื่นชอบนาฬิกาที่ต้องการสวมใส่ชิ้นงานที่ทรงพลังและเปี่ยมเอกลักษณ์


กลไกใหม่ที่พัฒนาขึ้นภายในโรงงาน ตามแนวทางแบบดั้งเดิมเพื่อ 1816
ความท้าทายในการออกแบบ 1816 อยู่ที่การรักษาแก่นแท้ของโครโนกราฟต้นฉบับ พร้อมกับบูรณาการกลไกที่สามารถตอบสนองมาตรฐานของนาฬิกาชั้นสูงได้ครบถ้วน ซึ่งหมายถึงการออกแบบกลไกแบบครบวงจรตั้งแต่เริ่มต้น โดยร่วมมือกับ Concepto

ในทำนองเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ Louis Moinet วางแนวทางนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยสถาปัตยกรรมเฉพาะตัวทั้งกลไกและหน้าปัด งานของช่างนาฬิกาก็ได้รับแรงขับจากหลักการเหล่านั้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากฟังก์ชันการใช้งานและความงดงามเชิงกลไก, ความสวยงามและความอ่านง่าย สำหรับนาฬิกา 1816 สิ่งเหล่านี้สะท้อนผ่านกลไกที่ประกอบด้วยชิ้นส่วน 330 ชิ้น รวมถึงการประดับทับทิม 34 เม็ด ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และพัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับโครโนกราฟ 1816 เพื่อรักษา DNA ของ “thirds counter” หรือ compteur de tierces พร้อมเติมสัมผัสความงามแบบร่วมสมัย

ด้านหลังที่ปราศจากฝาปิดเผยให้เห็นการทำงานที่สอดประสานกันอย่างตระการตาของชิ้นส่วนกลไกรูปทรงต่างๆ ระนาบที่วางซ้อนทับและสะพานจักร ล้อฟันที่เชื่อมต่อกันเป็นชุดทำงานร่วมกันอย่างแม่นยำ และระบบควบคุมความเที่ยงตรงของกลไกระดับโครโนเมตริก ความแตกต่างของสีสันโดดเด่นอย่างชัดเจน: สีขาวของสตีล, พื้นผิวปัดซาตินและเฉดทองเหลืองของสะพาน, สีฟ้าของสกรูยึด, และสีแดงเข้มของทับทิม

นักสะสมนาฬิกาที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์กับกลไกของนาฬิกา สามารถจะเพลิดเพลินกับการไขลานด้วยมือซึ่งรับประกันการทำงานอย่างอิสระด้วยพลังงานสำรองนาน 48 ชั่วโมง กลไกจับเวลานาทีอย่างฉับพลัน, การควบคุมการจับเวลาด้วยคอลัมน์วีล และสปริงปรับแบบคอหงส์ (swan-neck regulator) คือองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่ดึงดูดสายตาผู้เชี่ยวชาญ เพราะเป็นพยานแห่งความแท้จริง ความพิถีพิถัน และคุณภาพของกลไกนาฬิกา

การนับนาทีแบบฉับพลัน ช่วยป้องกันความผิดพลาดในการอ่านเวลา
การแสดงนาทีแบบกระโดดของการจับเวลาบนหน้าปัดย่อย (jumping minute counter) ทำให้การวัดช่วงเวลาสั้นๆ ได้อย่างแม่นยำ แตกต่างจากการแสดงค่าของเข็มนาทีที่เข็มเคลื่อนต่อเนื่องช้าๆ การแสดงนาทีแบบกระโดดช่วยให้การอ่านค่าไม่ผิดพลาด เพราะเข็มนาทีจะกระโดดทันทีจากหนึ่งค่ามายังค่าถัดไป เมื่อเข็มวินาทีเดินมาถึงวินาทีที่หกสิบ กล่าวคือจะแสดงจำนวนวินาทีที่ผ่านไปโดยไม่มีการเลื่อนของเข็ม ทำให้สามารถอ่านเวลาได้ทันที ส่วนการจับเวลาชั่วโมงนั้นทำงานตามวิธีดั้งเดิม แสดงเวลาตามลำดับที่ผ่านไปอย่างต่อเนื่อง

Column wheel ส่วนประกอบพิเศษของโครโนกราฟชั้นสูง
คอลัมน์วีลถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 1878 เป็นลักษณะของ ratchet wheel ที่มีมีฟันหรือตัวคอลัมน์รูปสามเหลี่ยมจำนวนหกหรือเก้า เรียงตั้งฉากต่อกัน เคลื่อนหมุนได้ทางเดียวเท่านั้น และทำงานอย่างราบรื่นประสานขั้นตอนการเริ่ม การหยุด และการรีเซ็ตของกลไกโครโนกราฟ

swan-neck regulator มาตรฐานการปรับตั้งที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
Swan-neck regulator หรือตัวปรับแบบคอหงส์ เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยสปริงโค้งรอบคันโยก ซึ่งทำงานร่วมกับสกรูไมโครมิเตอร์ ช่วยให้สามารถปรับความเร็วในการเดินของนาฬิกาได้อย่างละเอียด ถูกคิดค้นและจดสิทธิบัตรในปี 1867 และยังคงเป็นที่ชื่นชมอย่างสูงด้วยรูปลักษณ์ที่เพรียวสง่างาม

วิสัยทัศน์ล้ำสมัยของ Louis Moinet และหน้าปัดของ 1816
ตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา เมื่อกลไกนาฬิกาพัฒนาให้เที่ยงตรงยิ่งขึ้น เหล่าช่างนาฬิกาผู้ชำนาญก็เริ่มให้ความสำคัญกับความงามและความชัดเจนในการอ่านค่า Louis Moinet ก็ไม่ต่างกัน การจัดวางหน้าปัดย่อยบน compteur de tierces ของเขาได้คาดการณ์ถึงรูปแบบของโครโนกราฟในศตวรรษที่ 20 ไว้อย่างล้ำหน้า ซึ่งได้สร้างสมดุลที่งดงามระหว่างประโยชน์ใช้สอยและการออกแบบ จนกลายเป็นอินเทอร์เฟซการจับเวลาที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

หน้าปัดเวอร์ชันร่วมสมัยยังคงรักษาโครงสร้างเชิงหน้าที่ดั้งเดิมไว้อย่างซื่อตรง โดยใช้การจัดวางเช่นเดียวกับที่ Louis Moinet ออกแบบไว้ หน้าปัดย่อยแสดงวินาทีและวงหน้าปัดย่อยจับเวลา 30 นาทีแบบกระโดด ถูกจัดเรียงในแนวนอนในตำแหน่งครึ่งบนของหน้าปัด โดยอยู่คนละด้านของเข็มวินาทีกลางที่ทำหน้าที่จับเวลาแบบโครโนกราฟ และอยู่เหนือหน้าปัดจับเวลาที่ยาวนาน 12 ชั่วโมง การจัดองค์ประกอบโดยรวมมีความสมดุลงดงาม โดยแต่ละหน้าปัดย่อยตกแต่งด้วยพื้นแบบขัดซาตินในลักษณะวงแหวน พร้อมตัวเลขอารบิก เทคนิคการแกะสลักช่วยให้สามารถสลักรายละเอียดบนหน้าปัดได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์บอกค่า ชื่อรุ่น “1816” และชื่อ “Louis Moinet” ซึ่งถ่ายทอดด้วยแบบอักษรเดียวกับงานสร้างสรรค์ดั้งเดิม

เข็มวินาทีกลางที่ทำหน้าที่จับเวลาในระบบโครโนกราฟกลางและเข็มจับเวลาบนหน้าปัดย่อยต่างทำจากสตีลที่ผ่านการเผาด้วยความร้อนจนกลายเป็นสีน้ำเงิน ส่วนเข็มบอกชั่วโมงและนาทีเป็นแบบฉลุโปร่งตามสไตล์ของ Louis Moinet ปลายเข็มเคลือบสารเรืองแสงเพื่อช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน การอ่านค่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยความตัดกันของโทนสีระหว่างเข็มและพื้นหน้าปัดชุบโรเดียมซึ่งทำหน้าที่เป็นฉากหลัง

หน้าปัดทั้งหมดประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 23 ชิ้น รวมถึงหมุดนิกเกิลเคลือบดำสิบตำแหน่ง ศูนย์กลางของหน้าปัดย่อย วงแหวนบนขอบหน้าปัดที่แบ่งเป็นช่วงละ 6 นาที และแผ่นหน้าปัดนั้นได้รับการตกแต่งด้วยเทคนิค bead-blasted หรือพ่นทราย เพื่อมอบพื้นผิวเนียนละเอียดและมิติที่งดงามเหนือเวลา คงความซื่อตรงต่อผลงานต้นฉบับ ขอบหน้าปัดถูกยึดเข้ากับเรือนนาฬิกาด้วยสกรูสตีลที่ผ่านความร้อนสูงจนกลายเป็นสีน้ำเงิน 4 ตัว

รายละเอียดสุดท้ายคือโลโก้รูปดอกลิลลี่ตรงตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งเป็นการรำลึกถึงเมือง Bourges (บูร์ช) บ้านเกิดของ Louis Moinet ในปี ค.ศ. 1768

Louis Moinet เป็นทั้งศิลปินและช่างนาฬิกา ความงดงามของโครโนกราฟ 1816 รุ่นใหม่ สะท้อนพรสวรรค์สองด้านนี้ไว้อย่างชัดเจน เป็นผลงานที่เรียบง่าย ใช้งานได้จริง และทรงพลัง ถูกออกแบบขึ้นในฐานะเครื่องมือสำหรับวัดเวลา ผสานความชำนาญทางกลไกเข้ากับความงามบริสุทธิ์ทางสายตาอย่างลงตัว

เราขอขอบพระคุณอย่างจริงใจต่อ Bernard Vuilliomenet (แบร์นาร์ด วูยิโอมเนต์) และ Dominique Fléchon (โดมินิก เฟลชง) ความเชี่ยวชาญและความหลงใหลของพวกเขาเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าในการค้นพบและส่องสว่างประวัติศาสตร์ของโครโนกราฟชิ้นแรกของโลก ที่ Louis Moinet สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1816

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้