Interview with Hermès

Interview with Hermès

ด้วยทักษะความชำนาญในการประดิษฐ์อานม้าและเครื่องเทียมม้ามาแต่ครั้งอดีต ปัจจุบัน Hermès ยังคงสืบทอดศิลปะการผลิตเครื่องหนังชั้นเยี่ยมจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรือนเวลาแบบพกพาหรือแบบประดับข้อมือ ผลงานที่ Hermès รังสรรค์ขึ้นมานั้นล้วนแต่มีเอกลักษณ์และกลไกเฉพาะของ Hermès สะท้อนให้เห็นถึงทักษะของ Hermès ในการผลิตเครื่องหนังและการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาไปพร้อมกัน ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ Philippe Delhotal Creative Director ของ Hermès

ทำงานกับ Hermès มานานแค่ไหนแล้ว

ผมทำงานอยู่ในวงการนาฬิกามา 30 ปี แต่ทำงานกับ Hermès มา 8 ปี แรงบันดาลใจเกิดจากสิ่งที่เรียนมาประกอบกับที่คุณปู่ชอบการประดิษฐ์จึงสอนการประดิษฐ์นาฬิกาให้ ผมก็เริ่มสนใจและลองเล่นกับมัน รื้อเครื่องมาทำใหม่บ้าง สลักชื่อเป็นของตัวเองลงไปบ้าง ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบวาดรูปอยู่แล้วจึงมีความคิดสร้างสรรค์และชอบครีเอท คุณพ่อผมเป็นข้าราชการ ส่วนบรรพบุรุษจะทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าและวงการแฟชั่น ซึ่งไปกันคนละแนวทางกันเลย

การสร้างนาฬิกามีขั้นตอนอะไรบ้าง

มีหลากหลายขั้นตอนครับ อย่างแรกเลยต้องเริ่มต้นจากมีความคิดที่ดีขึ้นมาก่อน ถ้าได้แนวความคิดมาแล้วก็จะนำมาแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ ต่อด้วยกระบวนการสร้างสรรค์ คิดค้นว่าจะทำให้มันพิเศษอย่างไร เวลาที่เราจะสร้างสรรค์อะไรก็ตามมันต้องมีเรื่องราวให้กับสิ่งที่เราจะสร้างสรรค์อยู่แล้วครับ

กลไกกับดีไซน์อะไรมาก่อนหรือหลัง

ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับรุ่นคอลเลคชั่น อย่างรุ่น Dressage L’heure masquèe เป็นเรื่องของเทคนิคล้วนๆโดยเทคนิคแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน นาฬิกาของผู้หญิงจะมีความเป็นสุนทรียะขึ้นมาหน่อย ส่วนนาฬิกาบางรุ่นที่เป็นระบบควอตซ์ไม่ต้องใช้กลไกระดับสูงก็ได้

สำหรับนาฬิกา 1 เรือนมีเดทไลน์ไหม ว่าจะเสร็จเมื่อไร

มันขึ้นอยู่กับรุ่น บางรุ่น 3 ปี แต่ก็มีเดทไลน์ในการทำงานบ้าง ซึ่งแต่ละรุ่นต้องใช้เวลาขั้นต่ำประมาณ 3 ปีอยู่แล้ว

จำเป็นต้องออกนาฬิการุ่นใหม่ในช่วง BaselWorld หรือเปล่า

ส่วนใหญ่ BaselWorld เป็นงานสำคัญที่คนอยากเห็นนาฬิการุ่นใหม่ของแบรนด์ต่างๆ มันเป็นเทศกาลของวงการผลิตนาฬิกา Hermès จึงมีความคิดที่อยากจะออกนาฬิการุ่นใหม่หลังจากงาน BaselWorld เพราะมันจะได้มีความโดดเด่นและเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน

จุดเด่นที่ Hermès มีและหาไม่ได้ในยี่ห้ออื่นๆ

Hermes จะโดดเด่นในเรื่องของงานสร้างสรรค์ ทั้งเชิงเทคนิคอย่างรุ่น Dressage L’heure masquèe ที่นำเสนอการบอกเวลาที่ไม่เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ โดยเข็มชั่วโมงจะซ่อนตัวอยู่ใต้เข็มนาทีที่เดินบอกเวลาไปตามปกติ จะปรากฏให้เห็นเมื่อกดปุ่มเม็ดมะยมค้างไว้ โดยเข็มชั่วโมงจะเหวี่ยงตัวออกจากเข็มนาที พร้อมวิ่งไปบนหน้าปัดสู่เวลา ณ ปัจจุบัน แต่เวลาอันแท้จริงนี้จะปรากฏเป็นเวลาสั้นๆ หากแรงกดจากปุ่มเม็ดมะยมคลายลง เข็มชั่วโมงจะหมุนกลับไปซ่อนอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเทคนิคการเล่นซ่อนหาและบอกเวลาเป็นนาทีแทน และความงามทางด้านสุนทรียะเพราะในงานสร้างสรรค์เราต้องการมอบความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้สะสม ซึ่งสีและลวดลายอันประณีตก็สำคัญมากสำหรับ Hermès

Hermès รุ่น Dressage L’heure Masquèe มีการนำเสนอเวลาเป็นนาที ทำไมต้องคิดอะไรที่ซับซ้อนเช่นนี้

เมื่อไหร่ที่เรามองนาฬิกา ผู้ใส่จะมีจินตนาการในโลกของตัวเองที่ Hermès อยากจะมอบให้ ผสมผสานกับความงดงามทางด้านสุนทรียะที่ลงตัว เช่นรุ่น Slim d’Hermès ที่เน้นถึงแก่นแท้ของความงดงามอันบริสุทธิ์ โดดเด่นด้วยลายเส้นที่ดูเรียบง่ายสุขุม สะท้อนผ่านความเพรียวบางของตัวเรือน ซึ่งคอลเลคชั่นนี้รังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดแห่งสุนทรียศาสตร์ได้อย่างลงตัว

นาฬิการุ่น Slim d’Hermès ได้รับรางวัล Perpetual Calendar มีความหมายกับคุณมากแค่ไหน

มีความสุขและภูมิใจมาก พลังงานที่ได้ทุ่มเทไปทั้งหมด มันประสบความสำเร็จเพราะทุกคนพร้อมใจกันเห็นว่า Hermès เหมาะที่จะได้รับรางวัลนี้ เขากล่าวต่ออีกว่า ผมมั่นใจในงานสร้างสรรค์ของนาฬิกาเรือนนี้มาก ไม่ใช่เพราะอยากจะชมตัวเองที่เป็นคนออกแบบนาฬิการุ่นนี้ แต่มันบอกอะไรบางอย่างเหมือนกับการที่เวลาเราใส่เรือนนาฬิกานี้แล้วจะรู้สึกสบาย เช่นเดียวกันกับการขับรถ รถคันไหนที่เราขับสบายเราก็อยากขับคันนั้น  ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

อีก 1 - 2 ปีข้างหน้าในความคิดของคุณ จะเป็นอย่างไรกับขนาดของนาฬิกา รวมไปจนถึงวัสดุที่ใช้

ก็ดูตามเทรนด์ของนาฬิกา จริงๆ ก็ไม่ได้อยู่กับเทรนด์มากนัก ผมจะทำให้แบรนด์ Hermès เป็นอมตะและคงทนถาวรมากที่สุด ส่วนขนาดของนาฬิกาจะเน้นความพอดีระดับกลางๆ มากกว่า วัสดุที่จะนำมาใช้ในอนาคตข้างหน้าที่ได้จากการสำรวจก็จะเป็นจำพวกดิจิตอล หรือพวกเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่เข้ามา

นาฬิกา Hermès รุ่นที่ชอบที่สุด

รุ่น Slim d’Hermès ภูมิใจมากที่สุด เพราะเป็นรุ่นที่ทุ่มเททั้งกายและใจทั้งหมด สะท้อนความเป็นดีไซเนอร์ที่ชัดเจนที่สุดของตัวผมครับ