Last updated: 17 ส.ค. 2564 | 575 จำนวนผู้เข้าชม |
คริสตัลแซฟไฟร์ถูกนำมาใช้ผนึกบนพื้นหน้าปัดนาฬิกาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 และเริ่มเป็นที่สนใจของแบรนด์ระดับสูงในช่วงทศวรรษที่ 80 ด้วยความแข็งระดับ 9 ตามโมห์สเกล เป็นรองแค่เพชรที่อยู่ในระดับ 10 จึงมีความทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี Hublot พัฒนาเทคโนโลยีในการตัดและเจียระไนแซฟไฟร์จนกลายเป็นตัวเรือนได้อย่างสวยงาม โดยเปิดตัวผลงานแรกกับ Big Bang UNICO Sapphire ในปี 2016 และต่อเนื่องด้วยการเติมสีสันให้กับแซฟไฟร์ ทั้งแซฟไฟร์ใสสีดำ เหลือง น้ำเงินและแดง และล่าสุดในโทนสีส้มกับ Big Bang Tourbillon Automatic Orange Sapphire ที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง
นาฬิการุ่นแรกของตระกูลแซฟไฟร์และเป็นเรือนแรกของโลกกับตัวเรือนแซฟไฟร์สีส้มโปร่งใส ความท้าทายอีกขั้นกับสีที่เกิดจากการผสมของสองแม่สีคือเหลืองและแดง ด้วยความสามารถทางเทคนิคอันยอดเยี่ยมก่อเกิดเป็นความงามที่ไม่เคยมีมาก่อน บวกกับความซับซ้อนของกลไกทูร์บิญองที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยติดตั้งกับกลไกอัตโนมัติ MHUB6035 แตกต่างจากกลไกดั้งเดิมที่มักจับคู่ทูร์บิญองกับกลไกไขลาน มาพร้อมความสามารถสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง ทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์ ระบบขึ้นลานมาพร้อมตลับลูกปืนเซรามิกและความก้าวหน้าทางเทคนิคล่าสุดของ Hublot และตอกย้ำความเป็นผู้นำด้วยการแสวงหาความโปร่งใสต่อเนื่องด้วยการใช้แซฟไฟร์ในการผลิตบางชิ้นส่วนของกลไก ทั้งสะพานจักรสามชิ้น สะพานยึดตลับลาน แป้นยึดทูร์บิญอง (tourbillon barrette) รวมถึงการใช้ไมโคร-โรเตอร์ในการขึ้นลาน ซึ่งมองเห็นได้ทั้งจากหน้าปัดและด้านข้างตัวเรือน โครงสร้างที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ ไม่เพียงแสดงถึงความท้าทายด้านเทคนิคสำหรับนักออกแบบเท่านั้น แต่ยังสร้างชีวิตใหม่ในด้านสุนทรียศาสตร์ที่เสริมโครงสร้างอันตระการตาให้กับหน้าปัดในดีไซน์ร่วมสมัย ด้วยไมโคร-โรเตอร์ในตำแหน่ง 12 นาฬิกา ทำด้วยทอง 22k เคลือบเทาซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรทั้งขัดแต่ง พ่นทรายและลายฉลุ สะท้อนการทำงานที่สัมพันธ์กับการหมุนของกรงทูร์บิญองเพื่อชดเชยค่าผิดเพี้ยนจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ความพิสุทธิ์โปร่งใสชัดเจนยังเพิ่มสมรรถนะการอ่านค่าด้วยการเคลือบสารเรืองแสงบนหลักชั่วโมงและชุดเข็ม แม้แสงน้อยก็ไม่เป็นปัญหาในการอ่านเวลา
Hublot Big Bang Tourbillon Automatic Orange Sapphire ในตัวเรือนแซฟไฟร์สีส้มขนาด 45.0 มิลลิเมตร ที่ยึดแน่นด้วยสกรูรูปตัว H จำนวน 6 ตัวบนขอบตัวเรือนบ่งบอกถึงดีไซน์เอกลักษณ์ของ Hublot เพื่อให้เป็นสีส้มสดใสและโดดเด่น Hublot เลือกสายยางสีส้มใสที่มาพร้อมลายแถบนูน เปลี่ยนสายด้วยระบบอัจฉริยะ One-click ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร และตัวล็อกสายไทเทเนียม ความพิเศษนี้ผลิตจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
8 ต.ค. 2567
8 ต.ค. 2567
12 ต.ค. 2567
12 ต.ค. 2567