Last updated: 24 ส.ค. 2564 | 794 จำนวนผู้เข้าชม |
เดือนกุมภาพันธ์ 2021 Grand Seiko เปิดตัวนาฬิกากลไกความถี่สูง (Hi-Beat) รุ่นใหม่ มาพร้อมพื้นหน้าปัดที่ได้รวมเส้นสายที่ละเอียดอ่อนซึ่งสะท้อนถึงธรรมชาติอันสลับซับซ้อนของวงปีในต้นไม้ นาฬิการุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งบริษัท และได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ทั่วโลกเป็นอย่างสูง ด้วยแก่นแท้แห่งความงามบนพื้นหน้าปัด และเสน่ห์อันทรงพลังที่รวมไว้อยู่ในงานออกแบบ วันนี้ การสร้างสรรค์ใหม่ด้วยการออกแบบหน้าปัดและตัวเรือนที่ขับเคลื่อนด้วยกลไก Spring Drive ชุดใหม่ คาลิเบอร์ 9RA2 เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบของการก่อตั้งบริษัทด้วย
คาลิเบอร์ 9RA2 ชุดกลไก Spring Drive รุ่นใหม่
นาฬิกาเรือนนี้ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไก Spring Drive 5 Days คาลิเบอร์ 9RA2 ชุดใหม่ของ Grand Seiko ซึ่งสืบทอดคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมทั้งหมดของชุดกลไก Spring Drive คาลิเบอร์ 9RA5 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปีของ Grand Seiko การตั้งค่าใหม่ของเข็มนาฬิกาและการย้ายมาตรวัดพลังงานสำรองไปอยู่ด้านหลังของกลไก ทำให้นาฬิกามีความเพรียวบางและหน้าปัดงามสง่า เสริมเอกลักษณ์งานฝีมืออันวิจิตรบนพื้นหน้าปัดให้กับ Grand Seiko
ความงามของกลไกและการขัดแต่งอันวิจิตรตระการตาของ Shinshu Frost Finish (ชินชู ฟรอสต์) ที่เผยให้เห็นด้านหลังผ่านคริสตัลแซฟไฟร์
เสน่ห์และความงามที่เรียบง่ายของกลไกที่ได้รับการเปิดเผยเป็นครั้งแรกผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ และถ่ายทอดความงามในแบบญี่ปุ่นอันเปี่ยมเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงของ Grand Seiko พื้นผิวที่ละเอียดอ่อนของงานขัดแต่งบนกลไกสะท้อนถึงความเย็นยะเยือกที่ฤดูหนาวนำมาสู่เมืองชินชู ที่ซึ่งนาฬิกา Spring Drive ทั้งหมดได้รับการผลิตขึ้น ลายเส้นบนสะพานจักรและขอบหลุมตัดด้วยเครื่องตัดจากเพชร เพื่อให้สะท้อนแสงจากทุกมุม และทับทิมรวมถึงเข็มแสดงมาตรวัดพลังงานสำรองสีน้ำเงินจากการเผาด้วยความร้อน เพิ่มความแวววาวอันเงียบสงบอย่างน่าอัศจรรย์
กลไกสปริงไดร์ฟบางเฉียบที่มาพร้อมกำลังสำรองและความแข็งแกร่ง
คาลิเบอร์ 9RA2 ทำให้นาฬิการุ่นใหม่มีความบางกว่านาฬิกากลไกอัตโนมัติ Spring Drive รุ่นอื่นๆ ที่เคยสร้างสรรค์มา ความบางของชุดกลไกมาจากการออกแบบใหม่และการจัดวางตำแหน่งใหม่ของ Magic Lever โดยค่าออฟเซ็ตของ Magic Lever ถูกติดตั้งให้มีลักษณะที่เยื้องศูนย์เพื่อทำให้ส่วนประกอบในชิ้นส่วนนี้มีความหนาลดลง นอกจากนั้นการปรับแต่งชุดเข็มนาฬิกายังมีส่วนในการช่วยทำให้ภาพรวมของตัวนาฬิกาดูมีความเพรียวบางลงด้วยเช่นกัน
แม้ว่าตัวกลไกจะมีความบางแต่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งและความทนทานต่อแรงกระแทกด้วยชุดเฟืองขับ เคลื่อนรูปแบบใหม่ที่มีลักษณะเยื้องไปทางด้านหน้าจากจุดกึ่งกลางของกลไกและสะพานจักรกลางแบบชิ้นเดียว (One-Piece Center Bridge) ที่ยึดรวมชิ้นส่วนเหล่านี้ไว้ด้วยกัน
คาลิเบอร์ 9RA2 ประกอบไปด้วยตลับลาน 2 ชุดซึ่งมีขนาดใหญ่และเล็ก โดยสำรองพลังงานได้สูงถึง 120 ชั่วโมง อัตราความเที่ยงตรงอยู่ที่ระดับ +/-10 วินาทีต่อเดือนมาจากการพัฒนาของ IC แบบใหม่ที่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิเอาไว้ในตัวและการเลือกใช้ผลึกควอตซ์ที่มีอัตราการสั่นที่มีความคงที่ในระดับสูงตลอดช่วง 3 เดือนของการทดสอบและคัดเลือก ออสซิลเลเตอร์แบบควอตซ์และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิจะถูกปิดผนึกสุญญากาศไว้ในแพ็คเกจเดียว เพื่อขจัดความแตกต่างของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อยระหว่างทั้งสององค์ประกอบ เพื่อรักษาความแม่นยำของนาฬิกาให้อยู่ในระดับสูงสุด
ผลิตจำนวนจำกัดในตัวเรือนโรสโกลด์ 18k
ความสวยงามของหน้าปัดสามารถสร้างสัมผัสแห่งความพึงพอใจเมื่อได้พบเห็นและเป็นการแสดงให้เห็นถึงการนำความมีชีวิตชีวามาสู่ตัวนาฬิกาตามหลักปรัชญา Nature of Time ของ Grand Seiko ความแตกต่างของระดับความลึกของลวดลายที่อยู่บนหน้าปัดที่สามารถมองเห็นได้นั้น เผยให้เห็นถึงโทนสีเข้มและอ่อนของลายไม้ โทนสีน้ำตาลของหน้าปัดเป็นการจับคู่อย่างลงตัวแบบกับตัวเรือนที่ผลิตจากโรสโกลด์ ทำให้ตัวนาฬิกาสะท้อนถึงสัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่น
การออกแบบของนาฬิกาเรือนนี้คือแก่นแท้ของ Grand Seiko Style ที่นิยามไว้ในปี 1967 ด้วยรุ่น 44GS ที่มีชื่อเสียงทว่ามรดกของ 44GS ได้รับการผสมผสานกับความรู้สึกร่วมสมัยที่แสดงออกถึงบุคลิกที่เงียบสงบแต่แข็งแกร่งของ Grand Seiko ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชุดเข็มอันทรงพลังและหลักชั่วโมงเซาะร่องเด่นชัด ช่วยให้การอ่านค่าได้ชัดเจน การขัดเงาแบบซารัตซึ (Zaratsu) ที่ให้ผิวเงาราวกับกระจก โดยปราศจากความผิดเพี้ยนของภาพสะท้อน และการตกแต่งด้วยลายริ้วบางราวเส้นผมที่ละเอียดอ่อน ทำให้ตัวเรือนเปล่งประกายและกลมกลืนอย่างงามสง่า เครื่องหมายรูปดาวจะประดับในตำแหน่ง 6 นาฬิกาเพื่อบ่งบอกว่าหลักชั่วโมงทุกตำแหน่งผลิตจากทองคำ เช่นเดียวกับตัวอักษร GS กรอบแสดงวันที่และบานพับล็อกสาย เข็มชั่วโมงขนาดใหญ่ ได้รับการออกแบบให้สอดรับกับหลักชั่วโมงเซาะร่องและโดดเด่นอย่างลงตัว เพิ่มความชัดเจนในการอ่านค่าบนหน้าปัด
นาฬิการุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 140 เรือน และจำหน่ายผ่านทางบูติก Grand Seiko และตัวแทนจำหน่าย Grand Seiko ที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก โดยจะเริ่มทำตลาดในเดือนพฤศจิกายน 2021
6 ธ.ค. 2567
5 ธ.ค. 2567
6 ธ.ค. 2567
6 ธ.ค. 2567