HUBLOT Big Bang Tourbillon Samuel Ross

Last updated: 10 มิ.ย. 2565  |  973 จำนวนผู้เข้าชม  | 

HUBLOT Big Bang Tourbillon Samuel Ross

ตลอด 40 ปีของการอุทิศให้กับ “Art of Fusion” (“ศิลปะแห่งการผสมผสาน”) ได้มอบซึ่งผลลัพธ์แห่งการอุบัติขึ้นครั้งใหม่สำหรับ HUBLOT (อูโบลท์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ค้นพบวิวัฒนาการก้าวใหม่สู่จุดสูงสุดของนวัตกรรมแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา ด้วยความสามารถของแบรนด์ในการผสมผสานวัสดุที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ผนวกกับพลังขับเคลื่อนอย่างไม่ลดละเพื่อผลักดันซึ่งพรมแดนต่างๆ ของสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ทั้งทางด้านเทคนิคและความสวยงาม HUBLOT จึงได้เขียนบทใหม่ของกฎแห่งการรังสรรค์เครื่องบอกเวลา และเผยไว้ซึ่งภาษาแห่งงานออกแบบใหม่ให้อุบัติขึ้นเสมอ

หล่อหลอมด้วยความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับเหล่านักปฏิวัติด้านแนวคิด ผู้เชี่ยวชาญ และเปี่ยมด้วยพรสวรรค์สูงสุดในหลากหลายสาขา ซึ่งทางแบรนด์ได้ริเริ่มผ่าน “Hublot Loves Art” (อูโบลท์รักศิลปะ) มาอย่างยาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษ โดย HUBLOT ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินและนักออกแบบผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์สูงสุดของเจเนอเรชัน และได้มอบซึ่งผลลัพธ์ของนาฬิกาอันทรงคุณค่ายิ่งแก่การสะสม โดยถ่ายทอดด้วยรูปลักษณ์อันน่าตื่นเต้นที่นำเสนอซึ่งการตีความใหม่ให้กับเวลาและเครื่องบอกเวลา เฉกเช่นเดียวกับการร่วมงานครั้งล่าสุดกับนักสร้างสรรค์ตัวยง อย่าง Samuel Ross (ซามูเอล รอสส์)

เป็นดั่งกระจกเงาที่สะท้อนถึงวิถีของ HUBLOT ที่ Ross บุรุษผู้มีความรู้ความสามารถรอบด้านได้มอบนิยามตัวตนของเขาเองในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ศิลปินวัย 30 ปีได้สั่งสมประสบการณ์อันเชี่ยวชาญเทียบเท่ากับชื่อเสียงอันโด่งดังทั้งในฐานะ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และแฟชั่นดีไซเนอร์ จบการศึกษาจาก Leicester De Montfort University ในปี ค.ศ. 2012 ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขากราฟิกดีไซน์และภาพวาดประกอบ นับตั้งแต่นั้นมาเขาได้ร่วมงานกับแบรนด์และครีเอทีฟเอาท์เล็ตสร้างสรรค์งานชื่อดังมากมาย นับจาก Oakley (โอ๊คลี่ย์) และ Nike (ไนกี้) ตลอดจน Dr. Martens (ดร. มาร์ตินส์) และ Mackintosh (แมคอินทอช) รวมทั้งการเปิดตัวแบรนด์สปอร์ตแวร์หรูสำหรับสุภาพบุรุษของเขาเอง ที่มีชื่อว่า A-Cold-Wall* (เอ-โคลด์-วอลล์) ในปลายช่วงปี ค.ศ. 2015 และสตูดิโอออกแบบของเขา SR_A (เอสอาร์_เอ) ในปี ค.ศ. 2019

โดยปี ค.ศ. 2019 Ross ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Hublot Design Prize (อูโบลท์ ดีไซน์ ไพรซ์) และหนึ่งปีต่อมา เขาได้รับการประกาศให้ร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อย่างเป็นทางการ ในโอกาสเฉลิมฉลองการเปิดตัว REFORM (รีฟอร์ม) ประติมากรรมที่ออกแบบขึ้นเพื่อหล่อหลอมเรื่องราวความสำเร็จตลอด 40 ปีของ HUBLOT โดยการผสมผสานระหว่างวัสดุออร์แกนิกโบราณ (หินแกรนิต) เข้ากับวัสดุอันทันสมัยที่มนุษย์สร้างขึ้น (สตีล) Ross ได้สร้างสรรค์ ‘Fusion’ (‘การผสมผสาน’) ของเขาเอง โดยการหลอมรวมเป็นหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบันไว้ในกระบวนการสร้างสรรค์งาน ที่ผสานไว้ซึ่งเทคนิคการตกแต่งด้วยมือตามประเพณีและการใช้เครื่องจักรอันทันสมัย

"นับเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดเท่าที่เราเคยร่วมงานมา แต่ด้วยความสามารถรอบด้านของ Samuel Ross นั้น ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวและสุดอัจฉริยะ โดยการผสมผสานเข้ากับนาฬิกา บรรจุภัณฑ์ การสื่อสาร และเอกลักษณ์แห่งภาพ ความพิเศษอย่างยิ่งของการร่วมงานกันครั้งนี้คือปฏิสัมพันธ์โดยตรงระหว่างงานออกแบบและวัตถุ แนวคิดและรูปแบบ Samuel ได้ผลักดันให้ทีมของเราทำงานกับวัสดุเชิงนวัตกรรมและรูปทรงใหม่ๆ ถือเป็นพลังที่เปี่ยมล้นและเติมเต็มสัมพันธภาพระหว่างเราอย่างแท้จริง”
RICARDO GUADALUPE (ริคาร์โด กัวดาลูเป)
HUBLOT CEO

จากรูปแบบเชิงอุตสาหกรรมอันเรียบง่ายอย่างเหลือเชื่อของผลงานศิลปะสูง 40 ซม. ในวันนี้ได้ถูกนำมาผ่านการตีความใหม่ไว้ภายในตัวเรือน 45 มม. ของ Big Bang Tourbillon Samuel Ross ในฐานะนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของ Ross ที่เป็นความร่วมมือกับ HUBLOT โดยการใช้สีสัญลักษณ์ของ Ross และความรักความหลงใหลที่เขามีต่อรูปทรงเรขาคณิตอันชัดเจนและงานออกแบบสไตล์เมือง หลอมรวมกับนวัตกรรมและความเที่ยงตรงแม่นยำอันโดดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ทั้งในงานของ Ross และ HUBLOT

รูปทรงหกเหลี่ยมที่เปี่ยมด้วยสไตล์และโดดเด่นเฉพาะตัวของตัวเรือน Big Bang (บิ๊ก แบง) นั้น ได้ถูกสะท้อนผ่านลวดลายถักรวงผึ้งทำจากไทเทเนียมที่อยู่บนหน้าปัด ตัวเรือน ฝาหลัง และสายนาฬิกา ด้วยโครงสร้างบล็อกตามธรรมชาติ (ที่พบเห็นได้จากสิ่งแวดล้อมมากมาย นับตั้งแต่รวงผึ้งและเกล็ดงู ตลอดไปจนถึงผิวของสับปะรดและเกล็ดหิมะ) รูปทรงอันเข้มแข็งและทรงประสิทธิภาพที่ถูกสร้างขึ้นซ้ำๆ โดยไร้ซึ่งช่องว่างหรือการทับซ้อนกัน ได้กลายเป็นรูปทรงที่เป็นมาตรฐานของโครงสร้างและงานออกแบบสมัยใหม่ อันเป็นผลลัพธ์มาจากความเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะอย่างไร้ที่ติของแต่ละหน่วย

ภายใต้รูปทรงหกเหลี่ยมนี้ป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งภาพความสมบูรณ์แบบทางด้านฟังก์ชัน อันเป็นสายใยหลักที่มีอยู่ในทุกๆ งานออกแบบของ Ross ทั้งหมด และแม้ว่านาฬิกาเรือนนี้อาจดูคล้ายดั่งประติมากรรมที่สวมใส่ได้ แต่ Ross ไม่เคยละทิ้งซึ่งหัวใจสำคัญในการใช้งานของเรือนเวลา ที่ต้องมีทั้งความทนทานและรับกับสรีระของข้อมือ ด้วยโครงสร้างไทเทเนียมแบบโปร่งที่มีน้ำหนักเบา และสายยางอ่อนนุ่มที่โค้งรับไปตามรูปทรงได้ จึงมั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายบนข้อมือ ขณะเดียวกันยังตอกย้ำถึงทฤษฎีแห่งสี ที่ Ross ได้เลือกใช้สีส้มอันเป็นตัวแทนของพลังงานและการมองโลกในเชิงบวกในการรังสรรค์ผ่าน สายนาฬิกา บนเม็ดมะยม สะพานจักรทูร์บิญอง ไปจนถึงบั๊มเปอร์ (bumpers) ด้านข้างที่ช่วยปกป้องตัวเรือน เป็นภาพอันโดดเด่นที่ตัดกันกับเฉดสีเทาสุขุมลุ่มลึกของตัวเรือนและขอบตัวเรือนที่ขัดแต่งแบบซาติน

ประกอบด้วยชิ้นส่วน 282 ชิ้น กลไกจักรกล HUB6035 calibre (เอชยูบี6035 คาลิเบอร์) ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง ทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง ผลงานรุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน แต่ละเรือนเป็นดั่งชิ้นงานศิลปะที่ได้นำเอามุมมองใหม่ๆ และภาษาแห่งภาพการมองเห็นครั้งใหม่มาสู่การประดิษฐ์นาฬิกา และเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวครั้งนี้ สีสันอันเป็นสัญลักษณ์ของ Ross จึงได้ถูกนำมาใช้ตกแต่งบูติกบนถนนหมายเลข 5 (5th Ave) ของ HUBLOT ในมหานครนิวยอร์ก และจะเกิดขึ้นเช่นกันในบูติก HUBLOT แห่งต่างๆ ทั่วโลก ที่พร้อมจะนำพาจักรวาลของ Samuel Ross มาสู่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาระดับสูง

"Hublot ได้สร้างซึ่งบุคลิกเฉพาะแห่งพลังความสามารถ ความเที่ยงตรงแม่นยำ และการสำรวจใหม่ๆ ซึ่งการจับคู่ระหว่างงานฝีมืออันมิอาจเทียบเคียงได้กับความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกา ร่วมไปกับจิตวิญญาณแห่งแนวคิดเชิงนวัตกรรมที่มีความเฉียบแหลม และการมองหาซึ่งทางออกด้านงานดีไซน์ ได้ตกผลึกร่วมกันระหว่าง Ricardo และผม เป้าหมายของเราคือการสร้างจักรวาลของ ความเข้มแข็งทางวิศวกรรมอันร่วมสมัย งานออกแบบอันมีมิติสัมพันธ์ และโลกดิจิทัล ซึ่งนี่ได้สะท้อนผ่านหัวใจของรายละเอียดอันประณีต ด้วยผลลัพธ์อันโดดเด่น เข้มแข็งหนักแน่น และไม่อาจปฏิเสธได้ เราเห็นถึงอนาคตของความหรูหราในฐานะประสบการณ์ที่มีร่วมกัน และนำเสนอซึ่งจุดแห่งการเข้าถึงผู้คนหลากหลายเจเนอเรชัน ที่จะทำให้โลกแห่งความหรูหรานั้นได้มีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับผู้ชมทั่วโลกได้อย่างแท้จริง”
SAMUEL ROSS (ซามูเอล รอสส์)
CREATIVE DIRECTOR


SAMUEL ROSS
นักออกแบบชาวอังกฤษดีกรีรางวัล รวมถึงการเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และศิลปินผู้เปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์และความรู้ความสามารถรอบด้าน Dr. Samuel Ross (ดร. ซามูเอล รอสส์) มีความเชี่ยวชาญในการหลอมรวมหลากหลายองค์ประกอบแห่งความเชื่อมโยงกันระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมไว้ในการสร้างสรรค์ผลงานของเขา โดยการติดตามถึงแนวคิดต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในหลักมานุษยวิทยา แนวโน้มทางสังคมวิทยา และสังคมเชิงอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 20 ถึง 21 นั่นทำให้ผลงานของ Ross นั้นนำเสนอมุมมองความคิดด้านความเสมอภาค ความเชื่อมโยง และประสบการณ์ที่มีร่วมกันทางสังคมเสมอ

ปี ค.ศ. 2015 ด้วยวัยเพียง 25 ปี Ross ได้ลงทุนกับการสร้างแบรนด์ของเขาเองขึ้นภายใต้ชื่อ A-COLD-WALL* (เอ-โคลด์-วอลล์) ที่มีชื่อเสียงในการสืบเสาะหาวัสดุและนวัตกรรม ทั้งยังผสมผสานเข้ากับการสำรวจอันเฉียบคมหลักแหลมต่างๆ ของ Brutalist (สถาปัตยกรรมบรูทัลลิสต์) รวมถึงรูปแบบนามธรรม และการใช้หลักแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำ โดยผ่านการเข้าถึงซึ่งการบุกเบิกแบบองค์รวมนี้ที่ทำให้ A-COLD-WALL* ของเขาได้รับการยกย่องในฐานะการสร้างซึ่งนิยามใหม่ของตัวแปรและปัจจัยที่กำหนดระหว่างแฟชั่นสตรีทแวร์และแฟชั่นชั้นสูง

ในช่วงการจัดนิทรรศการ Hublot Prize (อูโบลท์ ไพรซ์) ขึ้น ณ Serpentine Gallery (เซอร์เพนไทน์ แกลลอรี) ของกรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 2019 Ross ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ล่าสุดของเขา SR_A (เอสอาร์_เอ) (Samuel Ross & Associates) โดย SR_A เป็นสตูดิโอดีไซน์เชิงอุตสาหกรรมที่ดำเนินงานภายใต้สาขาต่างๆ ของศิลปะการตกแต่งภายใน สถาปัตยกรรม งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ งานออกแบบเสียง และการสื่อสารเชิงประติมากรรม/ภาพ ซึ่ง Ross ได้กล่าวว่าเป็นเสมือนยานพาหนะสำหรับ “...การศึกษาวิจัยอันก้าวหน้าด้านงานออกแบบ และการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยประสบการณ์ที่นำไปใช้ได้จริง”

รางวัลมากมายที่ Ross ได้รับนั้น ยังรวมไปถึงการได้รับการเสนอชื่อในฐานะ British Fashion Awards’ Emerging Menswear Designer (ค.ศ. 2018) และได้รับรางวัล Hublot Design Prize (ค.ศ. 2019) และในปี ค.ศ. 2020 เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน Forbes’ 30 under 30 [Europe] และคว้าทั้งรางวัล GQ USA Fashion Award (ค.ศ. 2020) และ People of the Year British Fashion Award (ค.ศ. 2020) ซึ่งรางวัลหลังนี้มอบให้กับเขาในฐานะผู้อุทิศตนให้กับงานด้านการกุศลโดยเฉพาะ และเมื่อเร็วๆ นี้ Ross ยังได้รับรางวัล Leader of Change British Fashion Award (ค.ศ. 2021) และ Honorary PHD ที่ได้รับการแต่งตั้งโดย University of Westminster for ‘Doctor of Arts’ (ค.ศ. 2021) นอกจากนี้เขายังเข้ารอบสุดท้ายของทั้ง LVMH Prize และ ANDAM Award ด้วยเช่นกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้