Last updated: 21 เม.ย 2566 | 477 จำนวนผู้เข้าชม |
นับเป็นปีที่ 7 และความร่วมมือครั้งที่สามกับ Hublot (อูโบลท์) ที่ Maxime Plescia-Buchi (แม็กซิม เพลสเซีย-บุชชี) ได้ร่วมถ่ายทอดการเปลี่ยนรูปของ Spirit of Big Bang (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง) ผ่านรูปทรงปริซึมอันมีเอกลักษณ์ของ Sang Bleu (แซง เบลอ) เฉกเช่นเดียวกับลวดลายสักของเขาที่ได้สร้างสรรค์บุคลิกเฉพาะตัวใหม่ โดยเผยซึ่งรูปทรงและมุมมองใหม่ๆ ที่ศิลปินนักออกแบบตัวอักษร ช่างสัก และผู้ก่อตั้งแห่ง Sang Bleu นี้ได้นำจิตวิญญาณใหม่ลงสู่คอลเลกชัน Spirit of Big Bang
โดยนาฬิกา Spirit of Big Bang Sang Bleu ใหม่ได้คงไว้อย่างมั่นคงถึงคุณลักษณะอันแตกต่างของซีรีส์นี้ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความโดดเด่นเฉพาะตัวสูง ภายใต้โครงสร้างที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมของตัวเรือน 42 มม. เสริมความสง่างามแบบสามมิติ พร้อมทั้งถ่ายทอดงานออกแบบอันเปี่ยมด้วยคุณสมบัติตามหลักการยศาสตร์ โดยการผลิตในจำนวนจำกัดสามรุ่นที่พร้อมสร้างความโดดเด่นให้กับข้อมือคุณ ทั้งในรุ่น Titanium (ไทเทเนียม) จำนวน 200 เรือน รุ่น All Black Ceramic (ออล แบล็ก เซรามิก) 200 เรือน และรุ่น King Gold (คิง โกลด์) เพียง 100 เรือน นอกจากนี้ยังมีผลงานรุ่นปกติอีกสองรุ่นที่มาพร้อมการประดับตกแต่งด้วยเพชร 180 เม็ด ในเวอร์ชัน Titanium และ King Gold
"เปิดตัวในปี ค.ศ. 2014, Spirit of Big Bang ยังคงรักษาไว้ซึ่งคุณสมบัติดั้งเดิมทั้งหมดของ Big Bang ภายใต้ตัวเรือนรูปทรงถังเบียร์ หรือ barrel-shaped ที่นับเป็นการตีความใหม่จาก DNA ของ Hublot ซึ่งสามารถจดจำได้ในทันที แต่ก็ยังคงความแตกต่าง สำหรับผลงานแห่งความร่วมมือครั้งที่สามนี้ Maxime ได้หลอมรวมมันเข้ากับจิตวิญญาณใหม่ โดยมิได้เปลี่ยนแปลงซึ่งวิญญาณดั้งเดิมของคอลเลกชัน การเปิดตัวแนะนำ Spirit of Big Bang Sang Bleu เขาได้สร้างการเปลี่ยนรูปเดียวกันนี้ขึ้นอีกครั้ง โดยการนำแนวคิดอันโดดเด่นของ Big Bang Sang Bleu I & II (บิ๊ก แบง แซง เบลอ วัน และ ทู) ผ่านการนิยามขึ้นใหม่ให้กับเส้นสายต่างๆ ของ Spirit of Big Bang โดยไม่ทำให้สูญเสียซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิการูปทรงถังเบียร์ของเรา แต่เขาได้มอบซึ่งบุคลิกใหม่ ด้วยงานออกแบบเชิงพื้นที่ใหม่ รวมถึงมีมิติมากขึ้นในเชิงสถาปัตยกรรม โดยเผยผ่านรูปทรงเรขาคณิตและความสมมาตรของ Sang Bleu กลายเป็นการหลอมรวมที่อยู่เหนือยิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบ และเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือที่ได้ตอกย้ำถึงความโดดเด่นของคุณสมบัติที่ดีที่สุดและเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวของแต่ละงานออกแบบ ภายในนาฬิกาของเราและด้วยความร่วมมือนี้ มีเพียงปรัชญาหนึ่งเดียวที่ย้ำถึงวิสัยทัศน์อันแน่วแน่ในทุกๆ สิ่งที่เราทำ นั่นคือการปรับประยุกต์ของสิ่งที่บรรจุในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาไว้เสมอ” Ricardo Guadalupe (ริคาร์โด กัวดาลูเป) / Hublot CEO
เหมือนหรือแตกต่าง? หรือทั้งสองอย่าง... แต่ยังคงมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว!
มั่นใจได้ถึงความต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งนวัตกรรม การรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณ แต่ก็ยังคงสร้างสรรค์ซึ่งวัตถุที่มีความโดดเด่น พิเศษสุดและมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว เหล่านี้คือความอัจฉริยะอันลึกซึ้งแห่งศิลปะที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความร่วมมือของ Hublot และ Maxime Plescia-Buchi ศิลปินนักสักผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ที่ได้สร้างสรรค์จินตนาการใหม่ให้กับลวดลายเส้นสายของ Spirit of Big Bang ด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่มีทั้งการยืด ขยาย และตกแต่งเหลี่ยมมุมต่างๆ อย่างประณีต ซึ่งล้วนผ่านการวัดคำนวนอย่างได้สัดส่วนและสมบูรณ์แบบ เพื่อให้สอดคล้องลงตัวกับการรังสรรค์นาฬิกาที่บรรจุไว้ด้วยสัญลักษณ์และลายเซ็นแห่ง Sang Bleu อันเป็นที่จดจำได้ในทันที และเฉกเช่นเดียวกับแต่ละผลงานสักของเขาที่ลายเส้นเหล่านี้ได้ถูกปรับประยุกต์ไปบนตัวเรือน และสอดคล้องซึ่งคุณลักษณะอันแตกต่าง ด้วยมิติแบบนูนต่ำ กับสัดส่วนโค้ง และลวดลายพื้นผิว ขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งหัวใจอันเป็นแก่นแท้ นั่นคือ จิตวิญญาณ และนี่คือปรัชญาเดียวกันที่เป็นแรงบันดาลใจของ Spirit of Big Bang
Hublot x Sang Bleu บนเส้นทางเจ็ดปีแห่งความร่วมมือเชิงศิลป์และสร้างสรรค์
เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2016 ภายใต้ซีรีส์ Hublot – Sang Bleu และในปี ค.ศ. 2023 นี้ เราได้เห็นถึงผลงานแห่งความร่วมมือในเอดิชันที่สาม ซึ่งเผยโฉมภายในงาน Salone del Mobile (ซาโลเน เดล โมไบล์) ในมิลาน โดยศิลปินช่างสักคนนี้ได้ประทับลวดลายเส้นที่ไม่อาจลบออก โดดเด่น และกล้าแสดงออก ไว้บนนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ หลังความสำเร็จของ Big Bang ในวันนี้ลายเซ็นและสัญลักษณ์ลวดลายสักของเขาได้ถูกนำมาไว้บน Spirit of Big Bang และเหมือนเช่นเคย ที่เขาได้ใช้ลวดลายแห่งรูปทรงเรขาคณิตแบบสามมิติมาผสมผสานอย่างสมมาตรเข้ากับสถาปัตยกรรมอันลึกลับและสะกดทุกสายตา โดยการเล่นกับมิตินูนต่ำและความลุ่มลึกผ่านวัสดุขัดเงา ขัดด้านแบบซาติน แกะสลัก สลักรูป และขัดลบมุม รวมถึงการตกแต่งเหลี่ยมมุม ทั้งรูปทรงหกเหลี่ยม ทรงเพชร และทรงสามเหลี่ยมที่ปรากฏและเหลื่อมซ้อนกัน มอบซึ่งรูปทรงและมิติที่ผ่านการเจียระไนขึ้นใหม่ในทุกเส้นสาย
"ความร่วมมือของผมกับ Hublot เป็นเหมือนการสร้างบ้านหรือโครงการเชิงสถาปัตยกรรม Spirit of Big Bang Sang Bleu จึงเปรียบเป็นผนังด้านที่สามของโครงสร้างที่มีร่วมกันนี้ และได้สร้างซึ่งความหมายอันสำคัญของแลนด์มาร์ก ในฐานะบ้านที่เราได้ร่วมกันสร้างขึ้นอย่างมั่นคงในวันนี้และสอดคล้องตามปณิธานของเรา หลังจากที่ได้สร้างเอกลัษณ์ให้กับ Big Bang มาแล้ว กระบวนการสร้างสรรค์ของผมในวันนี้ได้ต่อยอดสู่รูปแบบใหม่ และนี่คือคอลเลกชันใหม่ ในรูปทรงถังเบียร์แห่ง Spirit of Big Bang ผมได้มีโอกาสตั้งคำถามและทบทวนในทุกส่วนประกอบ นับจากตัวเรือนจนถึงกระจกแซฟไฟร์ จากสายจนถึงตัวพับล็อกสายพิจารณาถึงแต่ละรูปทรงและสัดส่วนผ่านการสะท้อนแบบองค์รวม โดยมีเป้าหมายคือการผสาน DNA ของ Big Bang Sang Bleu II มาสู่ Spirit of Big Bang Sang Bleu ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นคือความสวยงามเชิงเรขาคณิตที่คล้ายกัน กับการตีความขึ้นใหม่ของรูปทรงและปริมาตร ผลงานสร้างสรรค์นี้ได้ถูกนำทางโดยรูปทรงที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบ ผสานสัมพันธ์ และเหลื่อมซ้อนกัน เป็นงานออกแบบที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว ขณะเดียวกันก็เสริมไว้ด้วยเสน่ห์ด้านการยศาสตร์สำหรับผู้สวมใส่” Maxime Plescia-Buchi / Sang Bleu Founder and Hublot Ambassador
ผลลัพธ์: Spirit of Big Bang Sang Bleu
มาพร้อมตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. ที่รังสรรค์ขึ้นภายใต้ตัวเลือกของสามวัสดุ ได้แก่ Titanium (200 เรือน), All Black ceramic (200 เรือน) หรือ King Gold (100 เรือน) เช่นเดียวกับผลงานอีกสองรุ่นซึ่งประดับตกแต่งด้วยเพชร 180 เม็ด น้ำหนักรวมประมาณ 2.4 กะรัต ในเวอร์ชัน Titanium และ King Gold โดยยังคงถ่ายทอดไว้ด้วยลวดลายสักเชิงเรขาคณิตที่สลับและซ้อนกัน นับตั้งแต่จากตัวเรือนสู่ขอบตัวเรือน พร้อมหน้าปัดแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นการทำงานของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟสเกเลตัน HUB4700 (เอชยูบี4700) ผ่านเข็มชี้แบบดิสก์ที่ประทับไว้ด้วยรูปเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ของเรือนเวลาที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยความร่วมมือกับ Sang Bleu
นาฬิกาที่แม้จะมีสัดส่วนอันกว้างขวางพิเศษและมีรูปทรงโดดเด่น แต่ยังคงนำเสนอความสมบูรณ์แบบตามหลักการย-ศาสตร์ซึ่งสามารถรับเข้ากับทุกขนาดข้อมือ สำหรับทั้งคุณสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ด้วยขอบตัวเรือนหรือไร้ขอบตัวเรือน โดยรักษารูปทรงเรขาคณิตของ Big Bang Sang Bleu II ไว้ โดยขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติอันทรงพลังของรูปทรงถังเบียร์ให้ได้มากที่สุด
ในแง่ของการออกแบบ เพื่อให้มั่นใจว่านาฬิกาจะสามารถรับกับส่วนโค้งของข้อมือขนาดต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ ฝาหลังของตัวเรือนรวมถึงกระจกแซฟไฟร์จึงถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยความโค้งในหลายจุด ขณะที่ในแง่ของความสามารถในการอ่านค่าบนหน้าปัดนั้น โครงสร้างของเข็มได้ถูกเสริมประสิทธิภาพของการแสดงเวลาได้อย่างชัดเจน รวมทั้งเครื่องหมายหรือมาร์กเกอร์แสดงชั่วโมงและนาทีที่ได้รับการปรับให้มีความประณีตยิ่งขึ้น
จากการถ่ายทอดลายเส้นสักของ Maxime ในหลากหลายระดับสู่รูปทรงถังเบียร์ของ Spirit of Big Bang เขาได้มอบซึ่งมุมมองใหม่ให้กับแต่ละส่วนประกอบ แต่ละรูปทรงและสัดส่วน ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้เองที่ทำให้ Spirit of Big Bang มีมิติใหม่ เหมือนกับที่ Hublot ได้มอบจิตวิญญาณใหม่จาก Big Bang สู่ Spirit of Big Bang ในรูปทรงถังเบียร์มาแล้วเมื่อปี ค.ศ. 2014
Hublot - Sang Bleu และผลงานไตรภาค
Hublot และ Maxime Plescia-Buchi ล้วนมีศิลปะอยู่ในสายเลือด และได้ร่วม “ลงหมึก” แห่งศิลปะรอยสักสู่การประดิษฐ์นาฬิกา โดยในปี ค.ศ. 2016 ผลงาน Big Bang Sang Bleu รุ่นแรกได้มอบซึ่งความโดดเด่นของรูปทรงเรขาคณิตแบบสามมิติของศิลปินนักสักผู้โด่งดังมาประทับลงบนดีไซน์งานออกแบบของนาฬิการุ่นนี้ พร้อมทั้งเผยถึงโครงสร้างอันได้สัดส่วนสมบูรณ์แบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Vitruvian Man (วิทรูเวียน แมน) ของ Leonardo da Vinci (เลโอนาร์-โด ดา วินชี) การแสวงหาซึ่งความสมบูรณ์แบบและการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ นั้นคือเอกลักษณ์ของผลงานสร้างสรรค์แห่ง Sang Bleu ทั้งหมด โดยในปี ค.ศ. 2019 กับการเปิดตัวนาฬิกา Sang Bleu II ความร่วมมือของศิลปินช่างสักและช่างนาฬิกาอย่าง Hublot นี้ได้แสดงออกถึงศิลปะการสักอย่าง “เต็มรูปแบบ” บนนาฬิการุ่น Big Bang ซึ่งรวมถึง ตัวเรือน ขอบตัวเรือนทรงหกเหลี่ยม กระจกแซฟไฟร์ เข็มชี้ ตลอดจนถึงสาย สไตล์แบบสามมิตินี้ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2023 นับเป็นตัวแทนของผลงาน “รอยสัก” คอลเลกชันใหม่ - Spirit of Big Bang โดยหลอมรวมไว้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกันกับวิถีที่ Hublot ได้สร้างสรรค์และเปิดตัว Spirit of Big Bang ขึ้นในปี ค.ศ. 2014 จากการผสานระหว่าง DNA ของ Hublot และรหัสอันโดดเด่นของ Big Bang (สกรูไทเทเนียมรูปทรง H ทั้ง 6 ตัว รอบขอบตัวเรือนนาฬิกา โครงสร้างตัวเรือนแบบแซนด์วิชที่ผสมผสานอย่างไร้จุดสิ้นสุดของวัสดุและสีสัน เอกลักษณ์ของหูตัวเรือนเชื่อมสายทั้งสองด้าน และเม็ดมะยมแบบหมุนเกลียวที่หุ้มขึ้นรูปด้วยยาง) โดยครั้งนี้ Maxime ได้กลับมาสร้างสรรค์ทุกส่วนประกอบของ Spirit of Big Bang อย่างมีเอกลักษณ์แท้จริง
*****************
เกี่ยวกับ HUBLOT
Hublot (อูโบลท์) เป็นบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาสวิส ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 และมีฐานอยู่ในเมือง Nyon (นียง) นับจากผลงานเรือนเวลารุ่นแรกของแบรนด์ บริษัทได้ทลายซึ่งหลักการพื้นฐานของการประดิษฐ์นาฬิกา โดยเลือกผสมผสานทองเข้ากับสายยางภายในตัวเรือน พร้อมด้วยงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากช่องอากาศวงกลมของเรือ (หรือ hublot ในภาษาฝรั่งเศส) อันเป็นที่มาของ Art of Fusion (ศิลปะแห่งการผสมผสาน) ที่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยการผสมผสานของประเพณี นวัตกรรม งานฝีมือ โลกสาขาต่างๆ และพรสวรรค์ด้านอื่นๆ ที่หล่อหลอมกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสุนทรียะความสวยงามและความโดดเด่นทางเทคนิคของแบรนด์
เอกลักษณ์เฉพาะนี้ยังได้ถูกเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เมื่อนาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) ได้พิสูจน์ถึงองค์ความรู้อันมิอาจเทียบเคียงได้ในแง่ของความสลับซับซ้อน กลไกซึ่งผลิตภายในโรงงานของตนเอง และวัสดุอันล้ำสมัย ทั้ง คาร์บอน, ไทเทเนียม, เซรามิก และแซฟไฟร์ ที่ได้รับการพัฒนาบนนาฬิการุ่นนี้สู่ความเป็นที่สุดทางเทคนิค
การบรรลุถึงคุณภาพระดับสูงอันน่าทึ่งที่นำมาใช้ในการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกานี้ได้หล่อหลอมภายใต้ปรัชญาอันแน่วแน่ของแบรนด์ นั่นคือ ‘Be First, Unique and Different’ (‘เป็นที่หนึ่ง มีเอกลักษณ์ และแตกต่าง’) และนำไปสู่การสร้างสรรค์คอลเลกชันอื่นๆ อย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมการออกแบบมากมาย ทั้งใน Classic Fusion (คลาสสิค ฟิวชั่น), Spirit of Big Bang (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง), Square Bang (สแควร์ แบง) และ Manufacture Pieces (แมนูแฟคเจอร์ พีซ) โดยผลงานเหล่านี้ได้ดึงระดับแห่งงานฝีมือขั้นสูงมาใช้ ทั้งในแง่ของวัสดุอันเป็นที่รักยิ่งของ Hublot (อาทิ Magic Gold (เมจิก โกลด์), เซรามิกสีสดใส และแซฟไฟร์) ตลอดจนกลไกที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง (เช่น กลไกโครโนกราฟ Unico (ยูนิโค), Meca-10 (เมกา-10) และกลไกระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่นอีกมากมาย อาทิ Tourbillon (ทูร์บิญอง), Cathedral Minute Repeater (คาธีดรัล มินิท รีพีทเตอร์) รวมถึงกลไกที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับ Manufacture Pieces)
โลกของ Hublot ยังขยายสู่หลากหลายความร่วมมืออันเปี่ยมด้วยพลัง ซึ่งรวมไปถึงโลกแห่งฟุตบอล ด้วย ‘Hublot Loves Football’ (‘อูโบลท์รักฟุตบอล’) ที่กลายเป็นสโลแกน ณ การแข่งขันกีฬาอันยิ่งใหญ่สูงสุดระดับโลก (เช่น FIFA World CupTM (ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ), Premier League (พรีเมียร์ ลีก), UEFA Champions LeagueTM (ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก), UEFA EUROTM (ยูฟ่า ยูโร)) รวมถึงผ่านเหล่าแอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์ ความรักต่อฟุตบอลนี้ยังขยายต่อเนื่องไปยังสาขาแห่งศิลปะ, งานออกแบบ, ดนตรี, กีฬา, สไตล์แห่งอาหารไฟน์ไดนิ่งและการแล่นเรือ ท้ายสุด กับความสัมพันธ์ของ Hublot ภายในโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งร่วมกับ SORAI (โซไร) และ Polar Pod (โพลาร์ พอด) ที่ล้วนสะท้อนถึงความเอาใจใส่ในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมของวันนี้ โดยผ่านเครือข่ายบูติกเกือบ 130 แห่งทั่วโลกที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนซึ่งความมุ่งมั่นศรัทธาอันแรงกล้าและคุณค่าของ Hublot พร้อมด้วยแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ Hublot.com
ติดตาม Hublot ได้ทาง: @Hublot, @Hublot_Bangkok, #Hublot #HublotBangkok
29 ก.ย. 2567
29 ก.ย. 2567
7 ต.ค. 2567