VAN CLEEF & ARPELS Extraordinary Objects

Last updated: 8 ส.ค. 2566  |  340 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VAN CLEEF & ARPELS Extraordinary Objects

นอกเหนือจากเครื่องประดับและนาฬิกาแล้ว Van Cleef & Arpels ยังเลื่องชื่อในทักษะความชำนาญอีกสาขา อันถือว่าหาได้ยากยิ่งที่จะมีผู้รู้จัก และเชี่ยวชาญ นั่นก็คือกลไกหุ่นกลซึ่งถูกนำมาใช้กับผลงานศิลปวัตถุอันมีความพิเศษเหนือสามัญหรือ Extraordinary Objects ปัจจุบัน ผลงานกลุ่มนี้เป็นที่รู้จัก และกล่าวขวัญถึงในฐานะงานผสมผสานนาฬิกาบอกเวลาเข้ากับงานศิลปะประดับโต๊ะ ซึ่งเมซงได้สรรค์สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 2017 นั่นก็คือนาฬิกาหุ่นกล “ปทุมอัปสร” หรือ Fée Ondine (เฟ องดีน) อันถือเป็นจุดเริ่มต้นขนบศิลป์แขนงใหม่ กลายเป็นใบเบิกทางการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นคอลเลกชันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการผสานความวิจิตรบรรจงเชิงสุนทรียศิลป์ทางงานออกแบบเข้ากับการเลือกใช้วัสดุสูงค่าบนครรลองของกลไกขับเคลื่อนเพื่อมอบความมหัศจรรย์ระดับปรากฏการณ์อันควรคู่ต่อการขนานนามว่า Extraordinary Objects อย่างแท้จริง

Planetarium Automaton - The Planétarium collection
นาฬิกาตั้งโต๊ะจักรกล “ดาราจักรจำลอง”
ราวต้องมนต์สะกดจากความตระการตาของมวลดารา และเวิ้งเวหน Van Cleef & Arpels ได้ริเริ่มการออกแบบสร้างสรรค์ผลงานชุด “จินตศิลป์ดาราศาสตร์” หรือ Poetic Astronomy เพื่อจรรโลงความมหัศจรรย์ทั้งหลายในห้วงธรรมชาติเหนือฟากฟ้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปี ค.ศ. 2014 เมซงได้ต่อยอดขนบธรรมเนียมอันยาวนานในการรังสรรค์เทหวัตถุ และรูปทรงต่างๆ ที่ปรากฏบนผืนพิภพจักรวาลเช่นนี้มาสู่งานย่อมิติเสมือนจริงของแบบโครงสร้าง “ดาราจักรจำลอง” อันประกอบไปด้วยพระอาทิตย์, พระจันทร์ และดาวเคราะห์ต่างๆ ซึ่งอยู่ใกล้โลกอย่างที่สุดผ่านขนาดสัณฐานรองรับกับสรีระข้อมือ และนี่คือจุดเริ่มต้นของนาฬิกาข้อมือ Midnight Planétarium (มิดไนท์ ปลาเนตารียอม) แบบจำลองวิถีโคจรของบรรดาดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลให้มาเคลื่อนตัวตามเวลาจริงโดยอาศัยกลไกสุดซับซ้อนอย่างยากจะหาได้ในผลงานเครื่องบอกเวลาทั่วไป ผลงานเครื่องบอกเวลารุ่นแรกสำหรับบุรุษครั้งนั้น ได้รับการเติมเต็มคู่บรรจบเป็นรุ่นสำหรับสตรีเมื่อปีค.ศ. 2018 ตามมาด้วยรุ่นเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูงหรือ High Jewelry ในปี 2021 ก่อนทำการขยายมิติทรงโครงสร้างให้ใหญ่ขึ้นเป็นนาฬิกาหุ่นกลตั้งโต๊ะเมื่อปี 2022 และเพื่อเติมเต็มความครบครันให้แก่คอลเลกชัน “ดาราจักรจำลอง” หรือคอลเลกชัน Planétarium ในปีนี้ Van Cleef & Arpels ได้สรรค์สร้างผลงานรุ่นใหม่ผ่านคอลเลกชันแยกย่อย Extraordinary Object โดยนำวัสดุหลากหลายมาใช้ร่วมกันอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

โดดเด่นสะดุดตาด้วยมิติโครงสร้าง ขนาดความสูง 50 ซม. และเส้นผ่านศูนย์กลาง 66.5 ซม. หุ่นกลดาราจักรจำลองหรือ Planétarium automaton (ปลาเนตารียอม โอโตมาตง) คือเวทีแสดงวิถีโคจรรอบดวงสุริยะเสมือนจริงของดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบที่สามารถมองเห็นจากโลกได้ด้วยตาเปล่า และกล้องโทรทัศน์ทั่วไป นั่นก็คือดาวพุธ, ดาวศุกร์, โลกกับดวงจันทร์บริวาร, ดาวอังคาร, ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ และเพราะระบบกลไกอันสลับซับซ้อน อำนวยให้ดาวแต่ละดวงสามารถเคลื่อนที่ตามวงโคจรด้วยความเร็วจริง นั่นก็คือดาวพุธใช้เวลา 88 วันในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในขณะที่ดาวศุกร์ใช้เวลา 224 วัน, 365 วันสำหรับดาวเคราะห์โลก, ดาวอังคารใช้เวลา 687 วันส่วนดาวพฤหัสบดีคือ 11.86 ปี และดาวเสาร์ 29 ปีครึ่ง และก็เหมือนกับผลงานนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้หญิง ดวงจันทร์บริวารโคจรรอบโดยโดยใช้เวลา 27.3 วัน การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ปรากฏให้เห็น และรับรู้ได้อย่างชัดเจนในแต่ละวัน สำหรับโจทย์ท้าทายความสามารถอันเหลือเชื่อเช่นนี้ Van Cleef & Arpels ได้ร่วมงานกับ CompliTime เพื่อพัฒนามิติสัณฐานเชิงโครงสร้างดาราจักรจำลองของนาฬิกาประดับโต๊ะเรือนนี้ให้มีความสมจริงตามระบบสุริยะจักรวาล เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อนตามสั่งอันอำนวยให้จังหวะการเคลื่อนตัวตามทำนองดนตรีของวัตถุทรงกลมต่างดาวเคราะห์ทั้งหลายนี้สามารถเริ่มต้นใหม่ตามความต้องการของผู้สั่งงานได้ตลอดเวลา

ภายใต้โดมแก้วครอบฐานจักรกลจำลองวิถีสุริยะจักรวาล อันเป็นงานเป่าแก้วผลิตพิเศษจากโรงผลิต Fluid workshop บนเกาะแบ็ลลิลในเขตประเทศฝรั่งเศสสำหรับผลงานชิ้นนี้เพียงเท่านั้น คือประดิษฐกรรมสุดหรูหรา ตระการตาของมวลดาราในระบบสุริยจักรวาลที่พร้อมโคจรไปบนวิถีของตนตามเวลาจริง เมื่อระบบขับเคลื่อนกลไกการทำงานได้เริ่มต้น ดาวตกทองคำประดับเพชรรองรับงานฝังไพลิน และมรกตซ่อนหนามเตยก็จะปรากฏออกมาจากช่องประตูบานเล็ก และเคลื่อนตัววนรอบหน้าปัดเพื่อทำหน้าที่บอกชั่วโมง ระหว่างที่ดาวตกพุ่งทะยานผ่านบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลายนั้น เสียงดนตรีพลันก้องกังวานเสนาะโสตเติมเต็มบรรยากาศนาฏกรรมแห่งดวงดารา เป็นท่วงทำนองเฉพาะซึ่งทำการออกแบบร่วมกับมิเชล ทิราบอสโก (Michel Tirabosco) นักดนตรี และศิลปินคอนเสิร์ตสัญชาติสวิส ในทุกวินาที ดาวเคราะห์ดวงน้อยจะเคลื่อนตัวย้อนวิถีโคจรธรรมชาติของตนราวกับกำลังขับขานฉันทลักษณ์แห่งเทพนิยายอย่างพร้อม เพรียง ในขณะที่ส่วนฐานโครงสร้างของวัตถุ ยังประกอบไปด้วยช่องหน้าต่างบานประตูไล่เรียงกันตามลำดับเพื่อแสดงให้เห็นชั่วโมง/นาที, กลางวัน/กลางคืน, ปฏิทินถาวรตามสุริยคติเพื่อบอกวัน, เดือน และปี ตลอดจนหน่วยเก็บพลังงานสำรอง และยังมีประตูบานหนึ่ง อำนวยให้มองเข้าไปเห็นการทำงานของกลไกค้อนเคาะระฆัง 15 ลูก ซึ่งได้รับการติดตั้งไว้ภายในโครงสร้างจักรกลบอกเวลาเรือนนี้

เพื่อรังสรรค์ความอัศจรรย์อันได้รับแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพบนห้วงเวหาส Van Cleef & Arpels ใส่ใจเป็นอย่างยิ่งในการคัดสรร และดำเนินกระบวนการทำงานกับวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัตนชาติ หรือโลหะล้ำค่า ซึ่งต้องถูกนำมาร้อยเรียงอยู่ร่วมกัน อย่างพระอาทิตย์ ซึ่งใช้การจัดช่อรวบก้านทองคำต่างเปลวรังสีเพลิงจำนวนมากกว่า 500 เส้นประดับปลายเพชรอยู่ท่ามกลางวงล้อมจำลองแบบสนามแม่เหล็กรอบดาวฤกษ์ทำ จากโครงลวดทองคำเฉดเหลืองสกาวฝังไพลินเหลือง, โกเมนสีอัคคีหรือสเปสซาไทต์กับเพชร ตามจุดตัดตำแหน่งต่างๆ และเมื่อระบบขับเคลื่อนของจักรกลเริ่มทำงาน เส้นทองคำต่างเปลวรังสีความร้อนสุกสว่างทั้ง หลายพลันไหวกระเพื่อม สืบเนื่องจาก “ระบบสั่น” (trembleur) ในจักรกล แม้จะมีการขยับเคลื่อนเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้รัตนชาติทั้งหลายจรัสประกายระยิบระยับไปตามแรงแผ่วสะเทือน

บนเส้นวงวิถีโคจรรอบดวงอาทิตย์ คือดาวเคราะห์รูปทรงสามมิติต่างขนาด ดาวพุธทำจากลูกปัดโมราสีเขียว คริโซเพรสในวงล้อมของโครงทองคำขาวประดับไพลินกับเพชร ในขณะที่ดาวศุกร์หินเขี้ยวแก้วชมพู (rose quartz) หลากเฉดจรัสประกายล้อแสงอยู่ในวงล้อมของกรอบทองคำสีเหลืองกับทองคำขาวรองรับลีลาสลับเฉดของไพลินสีชมพู ส่วนดาวเคราะห์โลกคือหินไข่นกการเวกหรือเทอร์คอยซ์ที่ครองความโดดเด่นอยู่ท่ามกลางกรอบเส้นทองคำขาวคดเคี้ยวจำลองการไหลเวียนของสนามแม่เหล็กในชั้นบรรยากาศรองรับ ความกลมกลืนทางเนื้อสีระยับแสงของไพลิน, โกเมนเขียวส่องซาโวไรต์และเพชร เคียงข้างกันนั้นคือดวงจันทร์บริวารทอประกายสกาวแสงเรืองรองของมุกจันทรกานต์ลอยคว้างกลางโครงสร้างทองคำขาวกับทองคำสีเหลืองฝังเพชรตัดกับสีดำขลับวาววามของพื้นจักรวาลอย่างชัดเจนในลำดับถัดออกมาจากวิถีโคจรคือดาวอังคารทำจากโมราสลับลายหรือแจสเปอร์ (jasper) สีแดง เนื้อสีโทนอุ่นจรัสประกายสดสว่างเมื่ออยู่ร่วมกับกรอบโครงสร้างทองคำสีกุหลาบประดับไพลินสีชมพู สำหรับวงโคจรรอบนอกคือโมราสลับลายโทนน้ำตาลขนาดใหญ่ต่างดาวพฤหัสบดีอยู่กลางวงล้อมทองคำสีเหลืองกับทองคำขาวประดับไพลินสลับเพชร ขณะที่ดาวเสาร์นิลอัคนีอ็อบซิเดียน (obsidian) ในวงแหวนทองคำขาวประกอบทองคำสีเหลืองฝังไพลินสลับเพชรคือผู้ครอบครองตำแหน่งท้ายสุด

และเพื่อถ่ายทอดความลึกล้ำของห้วงเวหนจักรวาลไกลโพ้นได้อย่างสมจริง พลอยแก้วพรรณรายอะเวนจูรีนดำขลับซึ่งผ่านการตัดเจียนเป็นแผ่นกลมทั้งเก้าถูกนำมาจัดลำดับเรียงซ้อน ให้มีศูนย์กลางอยู่ร่วมกันภายในวงหน้าปัดโดยที่แผ่นแก้วเจ็ดวงติดตั้งกลไกขับเคลื่อนแยกส่วนเป็นหน่วยเฉพาะเพื่ออำนวยให้ดาวเคราะห์ทั้งหลายสามารถเคลื่อนตัวไปตามวิถีโคจรของตนเองจนเต็มรอบท่ามกลางบรรยากาศระยิบระยับ นี่คืองานประกอบชิ้นส่วน อันก่อให้เกิดมิติคู่ขนานทางอารมณ์ บันดาลภวังค์ฝันราวลอยล่องกลางเวิ้งจักรวาล ท่องไป ตามตำแหน่งดาวดวงต่างๆ ด้วยความพิศวง และชื่นชมต่อความงดงามของงานฝีมือสุดวิจิตรบรรจง

Floraison Du Nénuphar & Éveil Du Cyclamen Automata
นาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “อุบลชาติชูดอก” และ “ช่อไสวไซคลาเมน”
สุนทรียศิลป์อันทรงแบบฉบับซึ่ง Van Cleef & Arpels ได้สรรค์สร้างขึ้นเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “กรงฝันฮัมมิงเบิร์ด” หรือ Rêveries de Berylline (แรฟเวอรีส์ เดอ เบริลลีน) เมื่อปี 2022 นั้น ได้ดำเนินการต่อยอดขยายผลมาสู่ปัจจุบันผ่านสองผลงานเอกลักษณ์ ซึ่งล้วนอาศัยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ แนวทางการออกแบบอันเป็นที่นิยมชมชอบของเมซงได้ปรากฏเป็นผลงานที่สามารถเคลื่อนไหวได้ดุจมีชีวิตในครั้งนี้ประกอบไปด้วยนาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “อุบลชาติชูดอก” หรือ Floraison du Nénuphar (ฟลอเรซง ดู เนนูฟาร) และ “ช่อไสวไซคลาเมน” หรือ Éveil du Cyclamen (เอเวย ดู ซีกลาม็อง) โดยที่แต่ละตัวเรือนล้วนประกอบขึ้นจากส่วนฐานทำหน้าที่บอกเวลารองรับฉากตระการตาสะกดอารมณ์แห่งพฤกษาสีละมุน ด้วยความสูงถึง 30 ซม. ศิลปวัตถุคู่นี้คือประดิษฐกรรมล้ำสมัย ซึ่งพัฒนา และสรรค์สร้างขึ้นร่วมกับสตูดิโอของฟรองซัวส์ ฌูโนด์ (François Junod studios) เป็นรูปจำลองดอกไม้ขนาดใหญ่แย้มกลีบผลิบานตามการสั่งงานของกลไก เผยให้เห็นผีเสื้อตัวหนึ่งอยู่ภายใน กระบวนการวิจัยกับงานทดสอบระบบครั้งแล้วครั้งเล่าดำเนินขึ้นโดยใช้เวลาหลายต่อหลายชั่วโมงเพื่อให้ปีกผีเสื้อขยับเคลื่อนเสมือนจริงในอากัปกระพือไหวอยู่สองสามวินาทีตามวงจรธรรมชาติ ก่อนจะคล้อยตัวลดกลับลงสู่ตำแหน่งเดิม ณ ศูนย์กลางวงกลีบดอกที่ค่อยๆ หุบปิดเข้าด้วยกันอย่างพร้อมเพรียงในลีลาอ่อนช้อยท่ามกลางกังวานเสนาะโสตของเสียงดนตรีจากการเรียงเรียงเสียงประสานขึ้นสำหรับนาฬิกาหุ่นกลแต่ละเรือนโดยเฉพาะให้คลอไปกับฉากความงามวิจิตรของดอกไม้ที่ผลิบาน และหุบกลีบปิดดุจเดิม

ประติมากรรมฐานนาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “อุบลชาติชูดอก” หรือ Floraison du Nénuphar (ฟลอเรซง ดู เนนูฟาร) ประกอบขึ้นจากหินอ่อนสีเชอร์รี หรือ “กริอ็อตต์ มาร์เบิล” (griotte marble) รองรับอ่างหินทองแดงสีน้ำเงิน หรือ “แช็ตตัคไคต์” (shattuckite เป็นหินแร่กลุ่มค็อปเปอร์ซิลิเกตไล่เฉดโทนจากน้ำเงินสดจนถึงเขียวเข้ม ซึ่งถูกตั้งชื่อตามการค้นพบเป็นครั้งแรกในเหมืองหินแช็ตตัคในเมืองบิสบีของรัฐแอริโซนา) วัสดุเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันโดยทีมนักอัญมณศาสตร์ของเมซง ก่อนนำไปตัดเจียนขึ้นรูปทรงอย่างละเอียดประณีต และดำเนินการขัดผิวอย่างระมัดระวังเพื่อเผยคุณลักษณ์ความงามตามธรรมชาติอันเปี่ยมอำนาจสะกดสายตาของหินแต่ละชนิดออกมาอย่างชัดเจนเต็มที่ ในขณะเดียวกัน หัตถศิลป์ชั้นสูง ซึ่งดำเนินขึ้นภายในห้องปฏิบัติการผลิตงานเครื่องประดับของ Van Cleef & Arpels ก็ได้ให้กำเนิดผีเสื้อตัวเรือนทองคำขาวฝังหินไข่นกการเวกหรือเทอร์คอยซ์กับเพชรโดยมีมรกตสองเม็ดต่างดวงตา ส่วนคู่ปีกอ่อนช้อย และบอบบาง อาศัยงานลงยาลายฉลุเอื้อให้แสงส่องผ่านอย่างราบรื่น ราชินีแห่งมวลแมลงจะลอยตัวขึ้นเหนือโดมทองคำสีเหลืองฝังไพลินสีเหลืองสองเฉดร่วมกับโกเมนส้มสเปซซาไทท์ และเพชรเพื่อก่อลีลาล้อแสงทอประกายสุกสว่างดั่งดวงรวีออกมาจากศูนย์กลางวงกลีบโค้งเว้าสีอ่อนหวานเป็นเงางามละมุนตาจากเทคนิคแอร์บลัชเคลือบแล็คเกอร์ไล่ระดับความเข้มของเฉดโทน

เพื่อเติมความครบครัน และสมจริงตามธรรมชาติ ใต้วงกลีบยังปรากฏแผ่นใบและก้านสายบัวทองคำสีกุหลาบอ่อนช้อยรองรับดอกตูมลงยาทอประกายสว่างละมุนอยู่เหนือนางอัปสรตัวเรือนทองคำขาวฝังไพลินสีน้ำเงินถึงสามเฉดบนวงแหวนคาดฐานหิน ซึ่งจะเคลื่อนหมุนไปโดยรอบเพื่อทำหน้าที่บอกเวลา

ส่วนนาฬิกาตั้งโต๊ะหุ่นกล “ช่อไสวไซคลาเมน” หรือ Éveil du Cyclamen (เอเวย ดู ซีกลาม็อง) พลิ้วกลีบไสวดุจมีชีวิตอยู่บนฐานสองชั้นอันประกอบขึ้นจากแท่นพลอยแก้วพรรณรายอะเวนจูรีนสีเขียวตัดเฉดกับอ่างหยกม่วง ซึ่งแต่ละส่วนล้วนผ่านงานฝีมือชั้นสูงในการขัดผิวให้หมดจด และเรียบเนียนเพื่อเผยความงดงามของเกล็ดละอองแร่ที่กลมกลืนกับรอยริ้วตำหนิตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง อันถือเป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงความชำนาญเหนือชั้นของเมซงในการเลือกหินตกแต่งที่หายาก หรือไม่ค่อยมีการนำมาใช้ในงานเครื่องประดับอัญมณี สำหรับผีเสื้อน้อยที่กระพือปีกลอยตัวขึ้นมาราวโบยบินอยู่เหนือดงดอกไม้ สะกดทุกสายตาให้หลงใหลด้วยทักษะเชี่ยวชาญด้านงานเครื่องประดับชั้นสูงของ Van Cleef & Arpels โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแง่ความพิถีพิถัน ใส่ใจกับทุกรายละเอียดอันมีต่อลีลาตัดสีล้อแสงระหว่างเพชร, มรกต, พลอยสมุทรลาพิซ ลาซูลิ และงานลงยาลายฉลุ ที่ใช้ตกแต่งจำลองรูปทรง และประกายสีระยับแสงของราชินีแห่งมวลแมลงได้สมจริง หุ่นกลผีเสื้อได้รับการจัดตำแหน่งอยู่ท่ามกลางช่อดอกไซคลาเมนสีหวาน ซึ่งแต่ละกลีบอาศัยเทคนิคแอร์บลัชพ่นสีเคลือบเงาทับซ้อนทีละชั้นก่อผลลัพธ์ไล่เฉดน้ำหนักโทนละเมียดละไมจากสีชมพูอ่อนจนถึงม่วงสดใสตามปรากฏในธรรมชาติจากสีดอกตูมจนถึงดอกบาน สำหรับรายละเอียดลำดับสุดท้ายคือไซคลาเมนดอกเดี่ยวตัวเรือนทองคำสีกุหลาบรองรับกลีบรูปทรงอ่อนช้อยงานฝีมือเคลือบเงาประดับเพชรจรัสประกายสุกสว่าง ได้รับการติดตั้งราวกับทิ้งตัวร่วงลงมาอยู่บนแถบวงแหวนคาดรอบชั้นฐานล่างสุด ซึ่งจะเคลื่อนหมุนตามจังหวะเพื่อทำหน้าที่บอกเวลา


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้