Last updated: 18 มิ.ย. 2567 | 599 จำนวนผู้เข้าชม |
Bregeut (เ้บร์เกต์) เผยโฉมนาฬิกาสองรุ่นใหม่ในตระกูล Marine โดยถ่ายทอดความงดงามร่วมสมัยและ สะท้อนแรงบันดาลใจจากมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
Breguet Marine 9518
สองเรือนเวลารุ่นใหม่ สู่การเติมเต็มคอลเลคชั่น Marine โดยเรือนหนึ่งงดงามด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินขัดแต่งลายซันเบิร์กที่สื่อถึงท้องทะเล ส่วนอีกเรือนมาพร้อมหน้าปัดโทนสีเงินราวกับฟองคลื่นที่ซัดกระทบโขดหิน
เพชรที่ประดับอยู่นั้น งดงามราวกับแสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบผืนทะเลจนส่องประกาย ตัวเลขบอกเวลาหลักชั่วโมงถูกประดับด้วยเพชร 8 เม็ด ส่วนขอบหน้าปัดประดับเพชร 50 เม็ด ถ่ายทอดคุณลักษณะเด่นๆของ Breguet ได้เป็นอย่างดีอย่างแรกคือเข็มชั่วโมงและนาทีเคลือบลูมิเนสเซนท์ ในแบบ Open-tipped อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ และปลายเข็มวินาทียังมีสัญลักษณ์ที่ใช้ในการเดินเรือ นั่นคือตัวอักษร “B” ที่มาจากคำว่า “Bravo” นั่นเอง ส่วนเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา โดดเด่นด้วยรูปทรงคลื่นอันเป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือ ขอบข้างตัวเรือนเซาะร่องแบบ Flute ตามแบบฉบับเรือนเวลา Breguet และด้วยความที่อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ รักในการรังสรรค์เรือนเวลาที่ทั้งใช้งานได้ง่ายและมีรูปลักษณ์หรูหรา เขาจึงตกแต่งตัวเรือนของนาฬิกาส่วนใหญ่ด้วยเทคนิค Guilloché (กิลโยเช่) และ Flute (การเซาะร่อง) ซึ่งรายละเอียดอันเป็นซิกเนเจอร์เหล่านี้ส่งเสริมให้รูปลักษณ์ของนาฬิกายิ่งดูโก้หรู และยังช่วยลดโอกาสที่นาฬิกาจะลื่นหลุดจากข้อมือผู้สวมใส่โดยที่ The Manufacture ก็ได้คงรายละเอียดเหล่านี้ไว้จวบจนปัจจุบัน
นาฬิกาตัวเรือนสตีลรุ่นนี้ มาคู่กับสายสตีลที่ขัดแต่งทั้งแบบเงาและแบบแมตต์ควบคู่กัน สะท้อนให้เห็นถึงการใช้เทคนิคที่แตกต่าง และยังใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องของสายนาฬิกา ที่ต้องสามารถโค้งโอบรับกับข้อมือของผู้สวมใส่ได้อย่างพอเหมาะพอดีและสวยงาม พร้อมกับตัวล็อคสายแบบสามทบที่ยังเพิ่มกลิ่นอายความสปอร์ตเข้าไปอีกด้วย
กลไกอัตโนมัติเครื่องอินเฮาส์
ตัวเรือนสตีลขนาด 33.8 มม. พร้อมประสิทธิภาพกันน้ำ 50 เมตร ภายในประกอบด้วยชิ้นส่วนทั้งหมด 187 ชิ้น ที่ขับเคลื่อนกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ 591-A สามารถสำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง กลไกที่ In-house Breguet ได้รังสรรค์ขึ้น ทำงานได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพแถมยังบางเพียง 3.4 มม. และเพื่อความเที่ยงตรงขั้นสูง จึงมีการใช้บาลานซ์ปริงแบบ Flat และเอสเคปเมนท์ซิลิคอนมาตรฐานสวิส (in-line Swiss lever silicon escapement) ซึ่งซิลิคอนนั้นมีคุณสมบัติมากมาย ทั้งทนทานต่อการกัดกร่อน ทนทานต่อการสวมใส่ และยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความเที่ยงตรงได้อีกด้วย ทั้งนี้ ความหรูหราก็ยังแฝงอยู่ในทุกรายละเอียดของตัวเรือน จึงสามารถยลโฉมกลไกการทำงานได้จากคริสตัลใสหลังตัวเรือน เผยให้เห็นโรเตอร์ที่สลักด้วยเทคนิคกิลโยเช่ และลายซันเบิร์กแบบก้นหอย แกะสลักลวดลายด้วยมือขึ้นโดยเหล่าช่างฝีมือแห่ง The Manufacture
Breguet Marine Chronograph 5529
นาฬิการุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบโครโนกราฟแห่งคอลเลคชั่น Marine และยังมีคุณลักษณะเฉพาะต่างๆในแบบฉบับของ Breguet ที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ตัวเรือนมีทั้งวัสดุไวท์โกลด์และโรสโกลด์ หน้าปัดนาฬิการุ่นสปอร์ตใหม่นี้ เป็นสีน้ำเงินเข้มถูกแกะสลักลายคลื่นด้วยมือ โดยช่างฝีมือของ The Manufacture
ความลุ่มลึกของหน้าปัดสีเงินได้ถูกส่องประกายด้วยเพชรทรงเหลี่ยม 8 เม็ดที่เรียงล้อมอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา และยังส่องประกายมากยิ่งขึ้นด้วยเข็มนาฬิกาและตัวเลขโรมันเรืองแสง พร้อมสามหน้าปัดย่อยแสดงค่า 30 นาที, 12 ชั่วโมง และ 60 วินาที ณ ตำแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกาตามลำดับ หน้าต่างแสดงวันที่อยู่ระหว่างตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา ส่วนขอบหน้าปัดของรุ่นใหม่นี้ประดับไปด้วยเพชรทรงเหลี่ยม 90 เม็ด ส่งให้ตัวเรือนนาฬิกานี้ยิ่งส่องแสงประกายงดงาม
เรือนเวลาเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมสายหนังสีมิดไนท์บลู หรือสายรับเบอร์ ทั้งสองแบบมาพร้อมตัวล็อคสายแบบสามทบคล้ายกับพวงมาลัยบังคับเรือ
กลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ
ตัวเรือนขนาด 42.3 มม. บรรจุกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ 582 QA ขับเคลื่อนด้วยการทำงานสอดประสานกันของชิ้นส่วน 346 ชิ้น ออกแบบมาเพื่อสายสปอร์ตโดยเฉพาะ ตัวเรือนกันน้ำได้ 30 เมตร สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง กลไกเที่ยงตรงสูงขับเคลื่อนด้วย inverted in-line lever escapement, บาลานซ์สปริง และ กระเดื่อง (pallet) ทำจากซิลิคอน และสามารถยลโฉมการทำงานของกลไกผ่าคริสตัลแซฟไฟร์ด้านหลังตัวเรือน ที่อวดโฉมโรเตอร์โรเดียมชุบด้วยทองรูปทรง ship's rudder เคลือบด้วยเทคนิค DLC
6 ธ.ค. 2567
6 ธ.ค. 2567
6 ธ.ค. 2567
5 ธ.ค. 2567