Last updated: 4 ก.ค. 2567 | 781 จำนวนผู้เข้าชม |
Blancpain (บลองแปง) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอนาฬิกา Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune (บาตีสคาฟ กวองเตียม กอมเพลต์ ฟาส์ เดอ ลูน) รุ่นใหม่ มาพร้อมดีไซน์อันงดงามของสายนาฬิกาที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดยเฉพาะและตัวเรือนในวัสดุเซรามิกสีดำ เรือนเวลาโดดเด่นด้วยลุคสปอร์ตที่ยังคงความหรูหราขั้นสุด จับคู่กับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มปัดแต่งแบบ sunray ส่วนสายนาฬิกามีให้เลือกสรรทั้งแบบสายเซรามิก สาย NATO และสายผ้าใบ นาฬิกา Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune รุ่นใหม่นี้ ได้เข้ามาเติมเต็มไลน์ Bathyscaphe ให้ยิ่งทรงพลัง มีสีสันและมีมิติมากยิ่งขึ้น
นาฬิกา Fifty Fathoms (ฟิฟตี้ ฟาธอมส์) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1953 นับเป็นนาฬิกาเพื่อการดำน้ำอย่างแท้จริงเรือนแรก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เหล่านักดำน้ำมืออาชีพเลือกใช้กันในสมัยนั้น ส่วนเวอร์ชั่นสำหรับสวมใส่แบบลำลอง ซึ่งก็คือ Bathyscaphe นั้น เผยสู่สายตาโลกในปี 1956 ถูกออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่ได้ในทุก ๆ วันและยังสามารถใส่ดำน้ำสำรวจท้องทะเลได้อีกด้วย ไลน์ Bathyscaphe จึงมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อยในแง่ของขนาดตัวเรือนที่ถูกย่อให้เล็กลง และวันนี้ Bathyscaphe ได้ตอกย้ำตัวตนและต้นกำเนิดอีกครั้งกับโมเดลที่หลอมรวมทั้งสีสันอันงดงามเปี่ยมสเน่ห์และวัสดุเซรามิกเข้าไว้ด้วยกัน
หน้าปัดกับการเล่นเฉดสีอันโดดเด่น
นาฬิการุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบปฏิทินแบบ complete calendar และ moon phase หรือการแสดงข้างขึ้นข้างแรม หน้าปัดในเฉดสีน้ำเงินที่มีการไล่เฉดสีพร้อมทั้งตกแต่งปัดลวดลายแบบ sunray ซึ่งเมื่อตัดกับวัสดุเซรามิกสีดำยิ่งทำให้หน้าปัดนาฬิกาดูโดดเด่นราวกับมีชีวิต สะท้อนบุคลิกภาพที่แตกต่างไปในแต่ละมุมมองยามล้อกับแสงที่ทั้งดูมีมิติ งดงามหรูหรา และยังเงาวับวาวจับตา นาฬิกาเรือนนี้มีบุคลิกในแบบฉบับเฉพาะตัว เฉกเช่นเดียวกับผู้สวมใส่ ชูความโดดเด่นด้วยลูกเล่นการใช้สีที่ตัดกัน ระหว่างหน้าปัดสีน้ำเงินกับตัวเรือนและสายเซรามิกสีดำที่ก็เล่นแสงไม่แพ้กันจากการใช้เทคนิคการปัดลายที่แตกต่างกัน
ความแกร่งคงกระพัน
เทคนิคการสรรค์สร้างเซรามิกสุดล้ำ นำพา Bathyscaphe สู่มิติใหม่ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวทำให้เซรามิกเป็นวัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคอลเลคชั่นที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายอย่าง Bathyscaphe และยังเป็นการนำไฮ-เทค เซรามิกมาผลิตเป็นสายนาฬิกาเป็นครั้งแรก
วัสดุเซรามิกนี้ทั้งทนทาน กันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แถมยังแกร่งกว่าสเตนเลสสตีลถึง 5 เท่า แต่มีน้ำหนักเบากว่าถึง 25% ซึ่งแม้ว่าเซรามิกจะมีคุณสมบัติชั้นเลิศ แต่ก็เป็นวัสดุที่มีความยากในการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการขัดแต่งเก็บงานในลำดับสุดท้าย ซึ่งต้องคำนึงถึงปริมาตรเซรามิกที่จะลดลงถึง 25% เมื่อนำไปเข้าเตาเผา ณ อุณหภูมิสูงกว่า 1,400 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ในการขัดแต่งลวดลายซาตินยังต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทำจากเพชร ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดปราณีตอย่างสูง ตั้งแต่สายนาฬิกาแต่ละข้อไปจนถึงบานพับ และตัวเรือน โดยแต่ละชิ้นต้องผ่านการขัดแต่งด้วยมือโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนการทำสายนาฬิกาด้วยศิลปะการทำนาฬิกาขั้นสูงนั้น ข้อสายจะต้องผ่านการปรับแต่งอย่างพอดีอย่างที่สุด โดยจะต้องถูกปรับไม่ให้หลวมจนเกินไป เพื่อความสวยงาม และไม่ให้แน่นจนเกินไป เพื่อความสมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งาน เกิดความแข็งแกร่ง แต่ละข้อสายจะต้องผ่านการวัดและตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้ประกอบรวมกันได้อย่างพอดิบพอดี ทั้งนี้การประกอบดังกล่าวนั้นมีการใช้สลักทรงลูกเบี้ยวหรือ cam-shaped ที่ถูกจดสิทธิบัตรโดยเฉพาะช่วยเสริมความทนทานและความรู้สึกสบายเป็นอย่างมากเมื่อสวมใส่ นอกจากเฉดสีดำจะเข้ากันได้ดีกับเรือนเวลารุ่นใหม่ในระบบ complete calendar ที่ยังมีหน้าปัดสีเขียว และดำ จับคู่กับตัวเรือนเซรามิกสีดำ (ขนาด 43.6 มม. และกันน้ำ 300 ม.) เป็นครั้งแรก เฉดสีดำยังเข้ากันได้ดีกับนาฬิกา Bathyscaphe แบบสามเข็ม และรุ่น flyback chronograph ที่ตัวเรือนทำจากวัสดุเซรามิกแบบเดียวกันนี้อีกด้วย
เรือนเวลา Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune รุ่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 6654.P ถ่ายทอดขนบแห่งนาฬิกาดำน้ำ ด้วยขอบหน้าปัดหมุนได้ และยังสื่อถึงการรังสรรค์เรือนเวลาขั้นสูงในแบบฉบับของ Blancpain ผ่านระบบ moon phase แสดงข้างขึ้นข้างแรม และซิลิคอนบาลานซ์สปริง
การดำน้ำ และความปลอดภัย: ขอบหน้าปัดหมุนได้
ในปี 1952 ขณะที่ Jean-Jacques Fiechter (ฌอง ฌาค ฟิชแตร์) หนึ่งใน CEO ของ Blancpain ในช่วงเวลานั้น กำลังดำน้ำ เขาก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงว่าการคำนวณเวลาที่ดำอยู่ใต้น้ำนั้นสำคัญต่อความปลอดภัยของชีวิตนักดำน้ำขนาดไหน เขาจึงได้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยด้วยการรังสรรค์ขอบหน้าปัดที่สามารถล็อค หยุด และหมุนได้ให้กับนาฬิกา Fifty Fathoms ที่ออกแบบขึ้นสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ โดยนาฬิกาได้เปิดตัวในปี 1953
ซึ่งปัจจุบัน นาฬิกาในคอลเลคชั่น Fifty Fathoms จะมาพร้อมกับขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว คือจะสามารถหมุนทวนเข็มนาฬิกาได้เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยนาฬิกาในไลน์ Bathyscaphe ก็มาพร้อมกับขอบหน้าปัดในแบบเดียวกันกับ Fifty Fathoms นาฬิกาต้นแบบที่เป็นดั่งแรงบันดาลใจ ซึ่งเรือน moon phase รุ่นใหม่นี้ก็ไม่ต่างกัน ขอบหน้าปัดเซรามิกช่วยส่งให้สีของหน้าปัดดูโดดเด่นยิ่งขึ้นนั้น มาในสีดำเข้มดูนุ่มลึกแต่งแต้มด้วยสีเทาของ Liquidmetal® (ลิควิดเมทัล) ให้ยิ่งดูตัดกันโดดเด่น ที่เด่นที่สุดคือการปัดลวดลาย sunray ลงบนหน้าปัดสีน้ำเงินทำให้เกิดลูกเล่นแบบไล่เฉด ส่วนขอบหน้าปัดมาในลุคร่วมสมัยทนทานสูงต่อรอยขีดข่วน และเมื่อหมุนจะมีเสียงคลิกที่ให้ความรู้สึกทรงพลัง
Moon phase หัวใจแห่งการบอกเวลา
นาฬิกาเรือนนี้ ประกอบด้วยฟังก์ชั่น moon phase ซึ่งขับเคลื่อนผ่านกลไกขั้นสูงอันเป็นสัญลักษณ์ของ Blancpain ทำงานด้วยคาลิเบอร์ 6654P. โดย Blancpain นำฟังก์ชั่นดังกล่าวกลับมาสร้างสรรค์อีกครั้งในปี 1983 ช่วงวิกฤตนาฬิกาควอตซ์ โดยแบรนด์ได้แสดงให้เห็นว่านาฬิกากลไกคือที่สุดแห่งสิ่งประดิษฐ์จากความเชี่ยวชาญ และระบบควอตซ์ไม่มีวันที่จะมาทดแทนนาฬิกากลไกชั้นสูงได้ ซึ่งนั่นเป็นสัญลักษณ์แห่งการกลับมาของนาฬิกากลไก โดยกลไก moon phase ของ Blancpain ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เพียงเห็นก็รู้ได้ทันทีถูกขับเคลื่อนด้วยคาลิเบอร์ 6654.P ซึ่งนอกเหลือจากนาฬิกาจะสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 72 ชั่วโมงด้วยบาร์เรลคู่แล้วนั้น กลไกยังมาพร้อมระบบป้องกันไม่ให้กลไกปฏิทินได้รับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับตั้งนาฬิกาในขณะที่ระบบกำลังทำงาน ส่วนการตกแต่งใช้เทคนิคแบบ Fine Watchmaking หรือเทคนิคการตกแต่งนาฬิกาขั้นสูง เช่นเทคนิคการลบคมแบบ bevelling, การปัดลายวนแบบ circular graining หรือลายก้นหอย snailing นอกจากนี้ เรือนเวลายังมาพร้อมกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ใสด้านหลังตัวเรือน เผยให้ยลโฉมการทำงานของกลไกลที่สวยงาม และยังประกอบด้วยซิลิคอนบาลานซ์สปริงซึ่งมีคุณคุณสมบัติในการป้องกันสนามแม่เหล็กอีกด้วย
การปฏิวัติวงการด้วยซิลิคอน
ซิลิคอน เป็นวัสดุที่เข้ามาปฏิวัติวงการนาฬิกาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และช่วยให้เกิดนวัตกรรมสำคัญๆ ในการบอกเวลา มีคุณสมบัติยืดหยุ่นโดยไม่เสียรูป แข็งแรง น้ำหนักเบา และทนทานต่อการกัดกร่อนได้สูง และยังโดดเด่นเป็นพิเศษในด้านการไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็ก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้นาฬิกาทำงานได้อย่างเที่ยงตรง
โดยต่างจากในช่วงยุคปี 1950 ที่ใช้โลหะในการทำบาลานซ์สปริง ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็กจึงทำให้ต้องสร้างกรงจากเหล็กเนื้ออ่อนมาครอบไว้อีกชั้นเพื่อป้องกันและปกป้องการตอบสนองต่อสนามแม่เหล็ก ทั้งนี้นาฬิกา Fifty Fathoms ในยุคใหม่ได้พัฒนามาใช้ซิลิคอนบาลานซ์สปริง ทำให้สามารถอวดโฉมกลไกลการทำงานของนาฬิกาอันงดงามได้ผ่านคริสตัลแซฟไฟร์ใสด้านหลังตัวเรือน
Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune รุ่นใหม่ได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้เช่นกัน ซึ่งนอกจากนาฬิกาจะแสดงให้เห็นถึงเทคนิคการรังสรรค์นาฬิกาขั้นสูง นาฬิกายังมาพร้อมกลไกลการทำงานอันทรงประสิทธิภาพ ซึ่งต้องขอบคุณวัสดุซิลิคอนบาลานซ์สปริงที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมานี้
Blancpain เจ้าแห่งกลไกปฏิทิน
ระบบปฏิทิน เป็นหนึ่งในดีเอ็นเอสำคัญของแบรนด์ ที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์กลไกขั้นสูงของ Blancpain ระบบปฏิทินหวนคืนอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นยุคปี 1980 โดยแรกเริ่มจะเป็นการกลับมาของระบบ complete calendar ซึ่งเป็นจุดเริ่มให้เรือนเวลา Blancpain หลายๆรุ่นมีระบบปฏิทินด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิทินแบบสัปดาห์ การแสดงวันที่แบบเรียบง่าย annual calendar (ระบบปฏิทินรายปี) ไปจนถึง perpetual calendar (ระบบปฏิทินถาวร) ความสามารถของแบรนด์ในการรังสรรค์กลไกปฏิทินอันแสนซับซ้อน ได้ให้กำเนิดกลไกขั้นสูงครั้งแรกของโลกสู่นาฬิกาสองรุ่นด้วยกัน คือ Villeret Equation du Temps Marchante (วิลเลอเรต์ เอควอซิยง ดู ตอมส์ มาชองต์) และ Villeret Calendrier Chinois Traditionnel (วิลเลอเรต์ กาลองเดรีย ชีนัว ทราดิซิยงแนล) โดยแบรนด์มักจะนำเสนอนาฬิกาที่มีกลไกปฏิทินอยู่เสมอ ซึ่งกลไกปฏิทินนับว่าเป็นกลไกที่ทำให้ Blancpain ขึ้นชื่อว่าเป็น “Masters of Calendars” หรือเจ้าแห่งกลไกปฏิทิน และเรือนเวลา Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune รุ่นใหม่นี้ก็สืบสานตำนานบทนี้ให้คงอยู่ต่อไป
5 พ.ย. 2567
1 พ.ย. 2567
6 พ.ย. 2567
7 พ.ย. 2567