Last updated: 3 เม.ย 2568 | 252 จำนวนผู้เข้าชม |
Le temps suspendu (เลอ ต็องพ์ซูสป็องดู) ซึ่งได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2011 ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดนาฬิกาข้อมือสำหรับผู้ชายเจ้าของรางวัลกรังด์ปรีซ์ด้วยลูกเล่นมหัศจรรย์ “หยุดเวลา” ตามความหมายของชื่อผลงาน สำหรับงาน Watches and Wonders Geneva 2025 นาฬิกาติดตั้งกลไกซ้อนระบบรองรับประโยชน์ใช้งานเฉพาะด้านรุ่นแรกของ Hermès time ได้กลับมาอีกครั้งกับสามผลงานใหม่ด้วยลูกเล่นรังสรรค์ขยายผลประสิทธิภาพ “หยุดเวลา” นั่นก็คือ Arceau Le temps suspendu (อารโซ เลอ ต็องพ์ซูสป็องดู), Hermès Cut Le temps suspendu (แอรเมส์ คัต เลอ ต็องพ์ซูสป็องดู) และ Maillon libre (มายญง ลิบร์) พร้อมกันนั้น เพื่อเป็นบทเติมเต็มผลงานรังสรรค์ร่วมสมัยทั้งสามรุ่น ทัศนศิลปินซาราห์-อานาอีส เดส์เบอนัวต์ได้ออกแบบภาพมิติพื้นที่เสมือนโรงภาพยนตร์ ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับประดิษฐกรรม “หยุดเวลา” ท่ามกลางนิทรรศการระดับโลกครั้งนี้
ตลอดเวลา ทุกสรรพสิ่งมีการผันแปรไม่หยุดนิ่ง ทุกอย่างล้วนเคยมีอยู่ และผ่านไป ภาพทั้งหลายซึ่งมาปรากฏ ณ ตรงหน้าพลันเลือนหายจากไปก่อนกลับมาใหม่ในอีกรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิม แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในงานออกแบบภาพมิติในการจัดแสดงผลงานระหว่างประตูทางเข้า คือภาพทิวทัศน์เคลื่อนผ่านอยู่หลังช่องกระจกแก้วใสท่ามกลางลูกเล่นจัดแสงสลับเปลี่ยนบรรยากาศระหว่างรุ่งอรุณกับค่ำคืนไปตามแต่ละสถานที่ตามลำดับอย่างเชื่องช้า ไม่หยุดนิ่ง การแปรผันทางรูปทรงสถาปัตยกรรมอยู่ตลอดเวลา
ให้ความรู้สึกราวกับมองผ่านช่องหน้าต่างรถไฟ, รถ หรือเรือสำราญออกไปเห็นทิวอาคารบ้านเรือนในเมืองใหญ่สู่ภูมิทัศน์ชายทะเล จากถนนประดับแสงโคมไฟเป็นจุดๆ ตลอดความยาวขนานกับหมู่ตึกสูงต่ำลดหลั่นไล่ระดับ ไม่ว่าจะเป็นหอตั้งถังน้ำ, ศาลาริมทาง หรือกระทั่งโรงมหรสพ
ด้วยการใช้มิติทรงสถาปัตยกรรมจำลองแบบเสมือนจริงก่อทัศนียภาพเคลื่อนผ่านไปตามเส้นทางตลอดเวลา ทำให้ผู้พบเห็นต้องจับจ้อง และขบคิดว่าภาพที่เห็นเป็นผลจากความทรงจำหรือจินตนาการ เป็นสิ่งซึ่งเคยมีอยู่จริง หรือ “อาจ” จะเคยมีพร้อมกับภาพมิติ คืองานออกแบบเสียงประกอบแต่ละย่างก้าวในพื้นที่จัดแสดงผลงานครั้งนี้ หากตั้งใจฟังให้ดีย่อมสดับถึงสะท้อนเสียงของหยาดฝน, เสียงสัญญาณไฟจราจร หรือกระทั่งเสียงพูดคุยกระท่อนกระแท่น ดังเป็นห้วงๆ เหมือนได้ยินอยู่อีกฟากประตู สรรพเสียงเหล่านี้ทำให้เราต้องขบคิด และทบทวนถึงตำแหน่งแหล่งที่ ณ ปัจจุบันของตนเองว่า ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ระหว่างภายในกับภายนอก
เป็นผู้ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงคน คอยสังเกตเรื่องราวทั้งหลายซึ่งกำลังดำเนินขึ้นในโลกภายนอก หรือเป็นแค่คนผ่านไป ผ่านมา และใช้สายตาลอบมองเข้ามาทางช่องหน้าต่าง? ซาราห์-อานาอีส เดส์เบอนัวต์ไม่เคยหยุดสังเกต และตรึกตรองในรายละเอียดของสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาสถาปัตยกรรมซึ่งใช้ตกแต่งสถานที่เหล่านั้น และการทำงานของเธอก็เริ่มต้นจากจุดนี้
ด้วยการใช้ความคิดทบทวน วิเคราะห์ และแยกแยะร่วมกับจินตนาการถึงสถานที่ซึ่งสิ่งต่างๆ มีการเคลื่อนที่ช้าลง เดส์เบอนัวต์ได้นำภาพเหตุการณ์ประจำวันมารังสรรค์เป็นบรรยากาศชวนฝัน ให้ความรู้สึกเสมือนเรากำลังอยู่ในสถานีรถไฟตอนเช้าตรู่ ซึ่งผู้โดยสารคนอื่นยังมาไม่ถึง หรืออาจลงมายังโถงกลางโรงแรมตอนสายซึ่งไม่มีใครอยู่สักคน ไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นอพาร์ตเมนต์ว่างเปล่า ที่ผู้อยู่อาศัยเพิ่งจากไปไม่ต่างอันใดจากแดนสนธยาด้วยงานออกแบบภาพมิติจำลองบรรยากาศสถานที่ที่เราเคยคุ้น และจู่ๆ กลับรู้สึกไม่คุ้นเคย เหมือนเคยมี หรือไม่เคยมี แปลกที่ แต่ทว่าคล้ายกับเคยพบพาน เป็นปมขัดแย้งขณะเวลาถูกหยุดให้เราได้ตรึกตรอง...
Hermès สรรค์สร้างผลงานอันทรงคุณค่าเสมอศิลปวัตถุจากฝีมือของช่างหัตถกรรม และควรคู่จะอยู่ติดกายของผู้เป็นเจ้าของตลอดเวลางานออกแบบอันเหมาะแก่การสวมใส่ ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันที่มาพร้อมประโยชน์ใช้สอย ถือกำเนิดมาจากความเป็นเลิศในเชิงทักษะ และความชำนาญเหนือชั้น รังสรรค์โครงสร้างตัวเรือนน้ำหนักเบา ทอประกายเงางามเหนือความคาดหมายเพื่อให้ทุกวันคือทุกวันแห่งความสุข เต็มไปด้วยความรื่นรมย์ในการใช้ชีวิตอย่างเสรี และเหนืออื่นใด ทุกครั้งที่ดูเวลา คือช่วงเวลาสุดพิเศษ อย่างทรงเอกลักษณ์
สำหรับ Hermès เวลาคือความล้ำค่า และเครื่องบอกเวลาคือศิลปวัตถุสืบสานมรดกอันเป็นหนึ่ง ซึ่งหาได้มีหน้าที่แค่บอกเวลา, ตั้งเวลา หรือจับเวลา นาฬิกาข้อมือ Hermès คือโจทย์ท้าทายให้เราได้ใช้มุมมองต่างมิติทบทวนความหมายของเวลาผ่านงานออกแบบจุดประกายอารมณ์ มองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ และสร้างพื้นที่ที่จะได้ใช้สัญชาตญาณตักตวงความสุขใส่ตัวอย่างเสรี
@Hermes #Hermes #HermesTime #WatchesAndWonders2025
25 เม.ย 2568
28 เม.ย 2568
25 เม.ย 2568