ROLEX The Championships - Wimbledon

Last updated: 25 มิ.ย. 2568  |  274 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ROLEX The Championships - Wimbledon

Rolex เฉลิมฉลองความสำเร็จของมนุษย์ในวงการกีฬาเทนนิส ด้วยการยกย่องการเดินทางที่เต็มไปด้วยหมุดหมายแห่งความมุ่งมั่น และอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จจากการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวเองที่ไม่ใช่เพียงแค่การคว้าถ้วยรางวัลมาครอง การเดินจากห้องแต่งตัวไปยังสนาม Centre Court ในการแข่งขันวิมเบิลดัน (The Championships, Wimbledon) แม้จะใช้เวลาเพียงแค่สองนาทีครึ่ง แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการเทนนิสอย่างไม่ต้องสงสัย นักเทนนิสในตำนานทุกคนทั้งชายและหญิง ต่างเคยก้าวผ่านโถงทางเดินของสโมสร All England Lawn Tennis & Croquet Club (AELTC) มาแล้วทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่นักกีฬาแถวหน้าของ Rolex อย่าง Björn Borg (บียอร์น บอร์ก), Roger Federer (โรเจอร์ เฟเดอเรอร์), Garbiñe Muguruza (การ์บิญเญ่ มูกูรูซา) และในยุคปัจจุบันอย่าง Belinda Bencic (เบลินดา เบ็นซิช) และ Carlos Alcaraz (คาร์ลอส อัลคาราซ) ต่างเคยร่วมเผชิญหน้ากับโชคชะตาในช่วงเวลาที่โลกเฝ้าจับตามอง



ตั้งแต่การแข่งขันวิมเบิลดันเริ่มต้นขึ้นในปี 1877 ประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของทัวร์นาเมนต์นี้ได้ถูกถ่ายทอดผ่านกาลเวลาและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ โดย Rolex ได้เข้ามามีบทบาทในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ (Official Timekeeper) ในอีกหนึ่งศตวรรษต่อมาในปี 1978 Björn Borg เจ้าของแชมป์วิมเบิลดัน 5 สมัยติดต่อกันระหว่างปี 1976 ถึง 1980 และแชมป์แกรนด์สแลม 11 รายการตลอดอาชีพนักเทนนิสที่รุ่งโรจน์ของเขา ได้กล่าวว่า “การได้เป็นส่วนหนึ่งของยุคทองในช่วงทศวรรษ 1970 ถือเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจมาก เทนนิสได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกีฬาระดับโลก และการที่ Rolex เข้ามามีบทบาทในวงการก็ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายอย่างยิ่ง วิมเบิลดันเป็นการแข่งขันที่มีความพิเศษ เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมต่าง ๆ และนั่นก็ทาให้การแข่งขันรายการนี้เป็นเสมือนจุดสูงสุดของวงการเทนนิส ในวัยเด็ก ผมมีความฝันอยู่สามอย่าง หนึ่งคือการได้เป็นตัวแทนของทีมชาติสวีเดน ลงแข่งขันในศึก Davis Cup สองคือการได้เดินลงสู่สนาม Centre Court ที่วิมเบิลดันและได้เล่นแมตช์หนึ่ง และสามคือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสักหนึ่งรายการ”



ตั้งแต่วินาทีที่พิธีกรประกาศเชิญผู้เล่นลงสู่สนาม Centre Court พวกเขาจะได้รับการนาทางผ่านโถงทางเดินของ All England Clubhouse ผ่านหน้า Royal Box และภาพถ่ายของอดีตแชมป์ ก่อนจะก้าวลงบันไดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถ้วยรางวัลและบอร์ดรายชื่อผู้ชนะในประวัติศาสตร์ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ ณ จุดหนึ่งเป็นเวลา 20 วินาทีอย่างพอดี จากจุดนั้นเอง พวกเขาจึงจะได้ก้าวเข้าสู่สนามแข่งขันอันเป็นตำนานเก่าแก่ที่สุดของวงการเทนนิส บนสนามหญ้า ท่ามกลางผู้ชมกว่า 15,000 คนในสนาม และผู้ชมอีกหลายล้านคนทั่วโลก การเดินเข้าสู่สนามแห่งนี้ถือเป็นประสบการณ์อันทรงเกียรติและไม่เหมือนใคร ซึ่งไม่อาจเตรียมตัวล่วงหน้าได้ เป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้เฉพาะนักกีฬาผู้ที่ได้รับโอกาสชิงถ้วยเกียรติยศในศึกวิมเบิลดันเท่านั้น

ในฤดูร้อนนี้ วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน Carlos Alcaraz แชมป์วิมเบิลดันคนปัจจุบัน เจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม® 4 สมัย และเป็น Rolex Testimonee ตั้งแต่ปี 2022 กล่าวว่า “วิมเบิลดันเป็น ทัวร์นาเมนต์ที่พิเศษจริง ๆ ทันทีที่คุณเดินผ่านประตูเข้าสู่สนาม เหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต มันให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังเดินตามรอยของตานานผู้ยิ่งใหญ่ นักกีฬาทุกคนล้วนสวมชุดสีขาวลงแข่ง และสโมสร All England Club ก็งดงามเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมสาหรับการเล่นเทนนิส ความเป็นเลิศและความสง่างามที่การแข่งขันนี้นามาสู่วงการเทนนิสทำให้วิมเบิลดันมีความพิเศษ และเป็นการจับคู่กับ Rolex ที่สมบูรณ์แบบ”

วิมเบิลดันเป็นการแข่งขันแกรนด์สแลม® เพียงรายการเดียวที่ยังคงจัดขึ้นบนพื้นสนามแบบดั้งเดิมของกีฬาเทนนิส โดยหญ้าในสนามจะได้รับการดูแลให้มีความสูงอยู่แค่ 8 มิลลิเมตรตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ของการแข่งขัน ขณะที่บรรดาแชมป์ของวงการกำลังเตรียมก้าวลงสู่สนามแห่งประวัติศาสตร์นี้ พวกเขาต่างมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานความแม่นยำในทุกแต้มและทุกเกม เพื่อเดินตามรอยความสำเร็จของวีรบุรุษผู้มาก่อน และมีเพียงผู้ที่สามารถควบคุมอารมณ์และทักษะของพวกเขาได้เท่านั้น ที่จะพร้อมเผชิญหน้าบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของวงการเทนนิส และมีโอกาสได้สัมผัสถ้วยรางวัลแห่งวิมเบิลดันอันทรงเกียรติอย่างแท้จริง"



ROLEX และเทนนิส
Rolex เฉลิมฉลองความสำเร็จของมนุษย์ ด้วยการยกย่องการเดินทางที่เต็มไปด้วยหมุดหมายแห่งความมุ่งมั่น และอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จจากการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวเองที่ไม่ใช่เพียงแค่การคว้าถ้วยรางวัลมาครอง ความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างกีฬาเทนนิสกับผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสอย่าง Rolex ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาอันยั่งยืนนี้ เริ่มต้นย้อนกลับไปเกือบครึ่งศตวรรษ เมื่อ Rolex ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับการแข่งขันวิมเบิลดันเป็นครั้งแรกในปี 1978 และนับแต่นั้นเป็นต้นมา Rolex ได้กลายเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ (Official Timekeeper) ให้กับการแข่งขันระดับ Grand Slam® ทั้ง 4 รายการ ได้แก่ Australian Open, Roland-Garros, The Championships, Wimbledon และ US Open ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตำนานแห่งวงการเทนนิสได้ก้าวเข้าสู่ครอบครัว Rolex Testimonee ไม่ว่าจะเป็น Rod Laver, Björn Borg, Chris Evert และ Roger Federer ความมุ่งมั่นของ Rolex ต่อวงการเทนนิสยังขยายครอบคลุมถึงสมาคมนักเทนนิสอาชีพ (ATP) และสมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA) การแข่งขันรายการใหญ่อย่าง Masters 1000, WTA 1000, Nitto ATP Finals, WTA Finals และการแข่งขันประเภททีมชั้นนาอย่าง Laver Cup และ Davis Cup Finals ในการแข่งขันเหล่านี้ บรรดา Rolex Testimonee ยังคงมุ่งมั่นผลักดันขีดจากัดของความสามารถและความพยายามในสนามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ Grand Slam® คนล่าสุดอย่าง Carlos Alcaraz, Coco Gauff, Jannik Sinner และ Iga Świątek รวมถึงนักกีฬารุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง Mirra Andreeva, Taylor Fritz, Ben Shelton, Stéfanos Tsitsipás และ Qinwen Zheng ซึ่งต่างได้รับการสนับสนุนจาก Rolex ในการแสวงหาความเป็นเลิศสูงสุดของวงการเทนนิสในยุคปัจจุบัน

เกี่ยวกับ ROLEX
กิตติศัพท์ด้านคุณภาพและความเชี่ยวชาญที่เหนือชั้น
Rolex คือผู้ผลิตนาฬิกาแบบบูรณาการอย่างอิสระจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ซึ่งแบรนด์มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านความเชี่ยวชาญและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเลิศ ความสง่างาม และคุณค่าอันทรงเกียรติ กลไกนาฬิกา Oyster Perpetual และ Perpetual ผ่านการรับรองจาก COSC ก่อนเข้าสู่การทดสอบอย่างเข้มข้นภายในองค์กรเพื่อพิสูจน์ความเที่ยงตรง ประสิทธิภาพ และความทนทานสูงสุด การรับรองสถานะ Superlative Chronometer สามารถสังเกตได้จากตราสัญลักษณ์สีเขียวเพื่อเป็นการรับประกันว่านาฬิกาทุกเรือนผ่านการทดสอบเฉพาะโดย Rolex ภายในห้องปฏิบัติการของ แบรนด์ตามเกณฑ์อันเข้มงวดที่กาหนดขึ้น ซึ่งจะได้รับการประเมินโดยองค์กรอิสระจากภายนอกอยู่เป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่า Rolex ยังคงเป็นมาตรฐานสูงสุดแห่งเรือนเวลา

คำว่า ‘Perpetual’ ที่ปรากฏอยู่บนนาฬิกา Rolex Oyster ทุกเรือนนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คำที่สลักอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา หากแต่หมายถึงปรัชญาที่หล่อหลอมวิสัยทัศน์และค่านิยมของบริษัทเข้าไว้ด้วยกัน Hans Wilsdorf (ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ) ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้บ่มเพาะแนวคิดของความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน ที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ และเป็นจุดกำเนิดของนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาที่สาคัญของ Rolex อีกมากมาย อาทิ รุ่น Oyster นาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของโลกที่กันน้ำได้ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 1926 และกลไกไขลานอัตโนมัติ Perpetual rotor ที่ Rolex คิดค้นขึ้นในปี 1931 ทั้งนี้ Rolex ได้จดสิทธิบัตรมาแล้วกว่า 600 ฉบับตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของแบรนด์ ที่โรงงานทั้งสี่แห่งในสวิตเซอร์แลนด์ แบรนด์ได้ออกแบบ พัฒนา และผลิตชิ้นส่วนสาคัญของนาฬิกาเอง นับตั้งแต่การหล่อส่วนทองอัลลอย การประกอบกลไก การประดิษฐ์ด้วยฝีมือเชิงช่าง การประกอบตัวเรือน และการเก็บรายละเอียดของกลไก ตัวเรือน หน้าปัด และสายนาฬิกา นอกจากนี้ Rolex ยังมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องที่จะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนผลงานด้านศิลปะและวัฒนธรรม กีฬา การสำรวจ ตลอดจนบุคคลผู้ทุ่มเทในการแสวงหาแนวทางเพื่ออนุรักษ์โลกใบนี้อีกด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้