Last updated: 19 ส.ค. 2568 | 196 จำนวนผู้เข้าชม |
การออกเดินทางรอบโลก ไล่ตามตามแสงอาทิตย์ที่ทอดตัวเหนือท้องทะเลและห้วงลึกของมหาสมุทร และดินแดนแห่งทุ่งหญ้าเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตา: Moritz Grossmann สะท้อนสีสันอันเจิดจรัสของการเดินทางครั้งนี้ผ่านเรือนเวลารุ่น GMT Guilloche ใหม่ หน้าปัดสีเขียวด้านที่ได้แรงบันดาลใจจากทุ่งหญ้ากว้างและอ่าวลับที่ซ่อนจากสายตารอให้ค้นพบ และอีกรุ่นที่มีหน้าปัดสีส้มเปล่งประกายชวนให้นึกถึงแสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์ตก อบอุ่นเรืองรองชวนให้ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง
ภาพการออกเดินทางท่องโลกกว้างในจินตนาการนี้ยังสะท้อนผ่านฟังก์ชันของนาฬิกาอย่างชัดเจน GMT Guilloche สองรุ่นใหม่นี้คือการสานต่อการพัฒนาเรือนเวลาสองไทม์โซนจากรุ่นแรกของ Moritz Grossmann โดยในครั้งนี้ ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้ฟังก์ชันอันล้ำหน้าได้สะดวกรวดเร็ว: ฟังก์ชั่น GMT ที่ช่วยให้สามารถบอกเวลาแต่ละเขตเวลาหรือไทม์โซนได้ในทันที ด้วยรูปลักษณ์ที่คงความเรียบหรูทว่าเปี่ยมสไตล์
อัดแน่นด้วยสไตล์และฟังก์ชันเพื่อการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ: การแสดง เวลาไทม์โซนที่สอง
เมื่อมองที่หน้าปัด ฟังก์ชันที่เห็นได้อย่างชัดเจนทันทีก็คือ : สเกลแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงที่ล้อมรอบหน้าปัดที่ใช้แสดงค่าเวลาในเขตเวลาที่สอง เข็มทรงลูกศรที่หมุนรอบขอบหน้าปัดช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถมองออกในแวบเดียวว่าขณะนั้นเป็นกลางวันหรือกลางคืนในอีกซีกโลกหนึ่ง ขณะที่เวลาท้องถิ่น ณ ตำแหน่งปัจจุบันของผู้สวมใส่จะแสดงผ่านเข็มชั่วโมงและนาทีตรงกลางหน้าปัด ร่วมกับการแสดงหน่วยวินาทีผ่านหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
เม็ดมะยมพิเศษที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ช่วยให้สามารถปรับตั้งเข็มแสดงเวลาไทม์โซนที่สองได้อย่างสะดวกทั้งเดินหน้าและถอยหลังไปทีละหนึ่งชั่วโมง โดยที่หน้าปัดหลักแบบ 12 ชั่วโมง ซึ่งอยู่กึ่งกลางหน้าปัดจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปรับตั้งเวลานี้
การแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมงจะถูกส่งต่อไปยังวงแหวนไทม์โซนผ่านระบบชุดฟันเฟืองอันซับซ้อน และจะหมุนสอดคล้องกับเวลาในหน้าปัดหลักอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังปรับเปลี่ยนค่าเวลาตามการเคลื่อนไหวของเข็ม 12 ชั่วโมง เมื่อมีการปรับตั้งเวลาโดยใช้เม็ดมะยมหลัก
เทิดกาลเวลาไว้ด้วยทักษะฝีมือ: หน้าปัด guilloché ในเฉดสีทรงเสน่ห์
องค์ประกอบที่สะกดสายตามากที่สุดคงหนีไม่พ้นหน้าปัดที่ผ่านการสลักลายด้วยเทคนิคกิลโยเช่ (guilloché) อย่างประณีต ศิลปะดั้งเดิมนี้คือการสลักลวดลายเรขาคณิตด้วยลายเส้นเล็กละเอียดจำนวนมหาศาลลงบนหน้าปัดด้วยเครื่อง guilloché และแม้จะเป็นการทำงานผ่านเครื่องจักรกล แต่ความชำนาญของช่างศิลป์ผู้รังสรรค์ลวดลาย (guillocheur) คือหัวใจสำคัญที่แท้จริง เนื่องจากต้องอาศัยทักษะและความชำนาญในการปรับตำแหน่งของอุปกรณ์และควบคุมแรงกดอย่างพอเหมาะอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เกิดลวดลายตามต้องการ ไม่เพียงต้องมีทั้งความแม่นยำและใช้สมาธิระดับสูงสุด แต่ยังต้องมีสายตาที่เฉียบคมแม้ในรายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุด เพื่อสร้างลวดลายที่สม่ำเสมอและงามสง่า ร่องลายที่บางเฉียบจะถูกขัดจนเงางามด้วยเครื่องมือหัวเพชร ให้พื้นผิวล้อกับแสงเงาที่ตกกระทบอย่างน่าหลงใหล
ความงามนี้ยิ่งโดดเด่นขึ้นเมื่อมีการเติมเฉดสีด้วยเทคนิคการเคลือบพิเศษอย่างประณีต ทั้งรุ่นหน้าปัดสีเขียวด้านสวยคลาสสิกและรุ่นหน้าปัดสีส้มที่มีคาแรกเตอร์จัดจ้าน และด้วยลวดลาย guilloché บนพื้นผิว เฉดสีเหล่านี้จึงเปล่งประกายแตกต่างกันออกไปเมื่อมองจากแต่ละมุม
เข็มหลักชั่วโมง นาที และเข็มวินาทีที่หน้าปัดย่อย ในแต่ละรุ่นที่ผ่านการขัดแต่งด้วยมืออย่างประณีต ยังช่วยเสริมความสมดุลขององค์รวมได้อย่างลงตัว โดยรุ่นหน้าปัดสีส้มใช้เข็มทรงหลาว (lance) จากเหล็กขัดเงาเคลื่อนที่ไปบนหน้าปัดอย่างสง่างาม ขณะที่รุ่นหน้าปัดสีเขียวเลือกใช้เข็มทรงหลาว (lance) ที่ผ่านกระบวนการอบจนได้เฉดสีน้าเงินสวยหรู เพื่อสร้างความคอนทราสต์ ตัดกับพื้นหน้าปัดอย่างงดงาม
กลไก calibre 100.8: ศิลป์การสร้างนาฬิกาจาก Glashütte ในรูปแบบที่แม่นยาที่สุด
เมื่อพลิกตัวเรือนไปอีกด้าน จะพบกับการผสานสีสันที่โดดเด่นซึ่งสะท้อนผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส เผยให้เห็นกลไก calibre 100.8 ที่งดงามอย่างถึงขีดสุด กลไกนี้ประกอบไปด้วยองค์ประกอบเฉพาะของ Moritz Grossmann ไม่ว่าจะเป็นแท่นเครื่องแบบ 2/3 ส่วน พร้อม chaton ทองคำ, ระบบ Grossmann ratchet, หน่วยลานแยกที่ถอดแยกออกได้พร้อมกลไกปุ่มพุชเชอร์ และชิ้นส่วน balance cock แบบ cantilever พร้อมสกรู micrometer รวมถึง balance ที่ถูกปรับน้ำหนักอย่างเหมาะสม
ส่วนฟังก์ชัน GMT กลไกสาหรับแสดงเวลาไทม์โซนที่สองในรุ่น GMT ของ Moritz Grossmann ประกอบเข้ากับชุดกลไกทางฝั่งหน้าปัดโดยตรง โดยการแสดงเวลาบนสเกลแบบ 24 ชั่วโมงนั้นจะถูกส่งต่อผ่านเฟืองหลักชั่วโมง (hour wheel) ของชุดเวลาใจกลางหน้าปัดไปยัง hour wheel ตัวที่สอง และไปยังชุด intermediate wheel ก่อนถึงวงแหวนแสดงเวลาในเขตเวลาที่สอง
การตั้งค่าแสดงเวลาในเขตไทม์โซนที่สองสามารถปรับตั้งได้ผ่านเม็ดมะยมชุดที่สองที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ซึ่งมีกลไก ratchet wheel ร่วมกับ ratchet spring ทำหน้าที่ควบคุมชุดฟันเฟืองในการปรับเวลาเป็นระยะทีละหนึ่งชั่วโมงอย่างชัดเจนและแม่นยำ
ผลิตจานวนจากัด : เพียง 8 เรือนต่อสีเท่านั้น
นาฬิกา GMT รุ่นใหม่สองแบบจาก Moritz Grossmann มาพร้อมตัวเรือนสแตนเลสสตีล จับคู่กับสายหนังจระเข้สีดำสุดคลาสสิก โดยในแต่ละเวอร์ชันมีจำนวนจำกัดเพียง 8 เรือนเท่านั้น
เกี่ยวกับนาฬิกา Moritz Grossmann:
Moritz Grossmann เกิดที่เมืองเดรสเดนในปี 1826 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในช่างประดิษฐ์นาฬิกาผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ที่สุดแห่งเยอรมนี เมื่อปี 1854 เพื่อนของเขา Ferdinand Adolph Lange ได้ชักชวนให้ช่างนาฬิกาหนุ่มผู้เปี่ยมพรสวรรค์ก่อตั้งเวิร์กช็อปทำกลไกของตัวเองขึ้นในเมือง Glashütte นอกจากการสร้างธุรกิจเกี่ยวกับนาฬิกาจนเป็นที่ความเคารพเชื่อถือแล้ว Grossmann ยังอุทิศตนให้กับกิจกรรมทางการเมืองและสังคม เขาก่อตั้ง German School of Watchmaking ขึ้นในปี 1878 ทว่าเขากลับเสียชีวิตอย่างกะทันหันในปี 1885 หลังจากนั้น โรงงานของเขาจึงต้องปิดตัวลง
จิตวิญญาณแห่งความประณีตตามแบบฉบับของ Grossmann ได้หวนคืนสู่วงการนาฬิกาในปี 2008 เมื่อ Christine Hutter ช่างนาฬิกาผู้ได้รับการฝึกฝนจนชำนาญ ได้ค้นพบแบรนด์เก่าแก่จาก Glashütte นี้และดำเนินการจดทะเบียนขึ้นอีกครั้ง เธอนำแรงบันดาลใจและแนวคิดในการฟื้นฟูมรดกของ Grossmann ที่ได้ค้นพบเมื่อกว่าร้อยปีให้หลังมานำเสนอผ่านเรือนเวลาข้อมือที่เปี่ยมไปด้วยความงาม และเธอยังสามารถโน้มน้าวนักสะสมนาฬิกาหลายๆ คนให้ร่วมสนับสนุนการปลุกปั้นแบรนด์ให้กลับคืนมาอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2008 เธอก็ก่อตั้งบริษัท Grossmann Uhren GmbH ขึ้นในเมือง Glashütte อย่างเป็นทางการ
ณ Grossmann ช่างนาฬิกาผู้เปี่ยมพรสวรรค์ได้สืบสานงานฝีมือดั้งเดิมโดยไม่ใช้วิธีการลอกเลียนอดีต แต่เลือกเฉลิมฉลอง ‘Schönstes deutsches Handwerk’ หรืองานฝีมือแบบเยอรมันที่งดงามที่สุด ผ่านนวัตกรรม ทักษะฝีมือระดับสูง และการผสมผสานระหว่างเทคนิคการผลิตแบบดั้งเดิมกับร่วมสมัย และวัสดุที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
19 ส.ค. 2568
19 ส.ค. 2568
18 ส.ค. 2568
14 ส.ค. 2568