HOBLOT Square Bang Tourbillon

ทำไมนาฬิกาส่วนใหญ่จึงมาพร้อมตัวเรือนทรงกลม? ก็เพราะองค์ประกอบกลไกพื้นฐาน - ฟันเฟือง - มีลักษณะเป็นวงกลม คำตอบฟังดูเหมือนจะง่าย แต่นั่นอาจจะง่ายเกินไปสำหรับ Hublot แบรนด์นาฬิกาชั้นสูงที่ไม่คิดจะปูทางอนาคตบนกรอบแนวคิดดั้งเดิมจากอดีตอย่างแน่นอน

ในปี 2022 ณ โรงงานผลิตนาฬิกาในเมืองนียงได้เปิดตัวคอลเลกชั่นล่าสุดซึ่งนับเป็นคอลเลกชั่นที่สาม และเป็นผลงานล่าสุดจากตระกูล Big Bang ที่มีหลากหลายรูปทรงให้เลือกสรร ได้แก่ Big Bang ที่มาพร้อมตัวเรือนทรงกลม, Spirit of Big Bang ทรงตอนโน และ Square Bang ทรงสี่เหลี่ยม ที่ดูทรงพลัง ท้าทายทุกกฎเกณฑ์ ตอกย้ำแก่นแท้ของ Big Bang ที่หล่อหลอมไว้ในตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม แต่ละด้านมีขนาด 42 มม. และมีให้เลือกกว่า 20 รุ่นด้วยกัน โดยทั้งหมดเป็นนาฬิกาจับเวลาที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของแบรนด์เองทั้งสิ้น จนกระทั่งปัจจุบัน

Square Bang Tourbillon 4-Day Power Reserve คือนาฬิกา Square Bang รุ่นแรก ที่มาพร้อมเข็มกลางสองเข็ม และยังมาพร้อมกับความเป็นครั้งแรกอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ครั้งแรกที่ใช้ตัวเรือนผลิตจากคาร์บอนสามมิติ ครั้งแรกที่มาพร้อมกลไกทูร์บิญอง และเป็นครั้งแรกที่กลไกภายในประกอบด้วยสะพานจักรกลทรงสี่เหลี่ยม

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ Hublot ได้ดึงศักยภาพของโรงงานผลิต ออกมาใช้อย่างเต็มขีดความสามารถ กลไกไขลานด้วยมือ HUB6023 ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ Square Bang Tourbillon เป็นนาฬิกาที่สะท้อนถึงการผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างรูปทรงและฟังก์ชั่น รวมถึงเทคนิคและการออกแบบ สะพานจักรกลทั้งหมดในกลไกได้รับการออกแบบในรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวน 174 ชิ้นที่ทำงานร่วมกันอย่างแม่นยำ ทุกพื้นผิวผ่านการตกแต่งอย่างประณีต ด้วยการขัดแบบด้านและซาตินสลับกัน เพื่อสร้างมิติและเน้นย้ำความซับซ้อนของโครงสร้างกลไก

“ที่ผ่านมาความก้าวหน้าในการพัฒนานาฬิการูปทรงสี่เหลี่ยมยังค่อนข้างจำกัด โดยมักถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ที่ตัวเรือนเท่านั้น สำหรับ Square Bang Tourbillon 4-Day Power Reserve เราต้องการผลักดันแนวคิดนี้ให้ไปถึงที่สุด โดยการออกแบบกลไกภายในที่มีโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเป็นรูปมุมฉากทั้งหมด สะพานจักรกลเป็นรูปทรงตรง เรียบคม ราวกับกลไกที่เต้นไปตามจังหวะของรูปทรงกลมอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นกลไกทูร์บิญอง บาร์เรล หรือกำลังลานสำรอง เป็นการผสมผสานที่สมบูรณ์แบบ” Julien Tornare (จูเลี่ยน ทอร์นาเร่) CEO ของ Hublot กล่าว

ยึดมั่นในความเป็นสี่เหลี่ยม
เพื่อเน้นย้ำรูปทรงสี่เหลี่ยมเรขาคณิต องค์ประกอบหลักของนาฬิกานี้จึงถูกจัดวางตามแนวทั้งสี่ด้านของตัวเรือนสี่เหลี่ยมอย่างพิถีพิถัน กลไกไขลานอยู่ทางด้านขวา, มาตรแสดงพลังงานสำรองอยู่ทางด้านซ้าย, บาร์เรลขนาดใหญ่อยู่ด้านบน และทูร์บิญองอยู่ด้านล่าง ทุกอย่างถูกจัดวางในตำแหน่งที่สมดุลและไม่มีรายละเอียดใดเล็ดลอดสายตาของผู้ที่หลงใหลในความประณีต เพราะกลไกทั้งชุดได้รับการออกแบบในรูปแบบสเกเลตันซึ่งเปิดให้เห็นโครงสร้างภายในทั้งหมด เส้นสายมุมฉากและรูปทรงเรขาคณิตดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศ โครงสร้างที่ซับซ้อนนี้เต็มไปด้วยความชาญฉลาดโดยเป็นจุดบรรจบระหว่างวิศวกรรมและศิลปะที่สวยงามได้อย่างกลมกลืน สร้างสรรค์ออกเป็นกลไกที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษควบคู่ไปกับเอกลักษณ์อันโดดเด่นในฐานะนาฬิการูปแบบแรกในประเภทนี้ที่ Hublot ได้พัฒนาขึ้น

เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวกลไกทูร์บิญองครั้งแรกในตระกูล Square Bang ทาง Hublot ได้รังสรรค์ตัวเรือนรุ่นพิเศษขึ้นโดยเฉพาะ ผลิตจากวัสดุคาร์บอนทั้งชิ้น ขนาด 42 มิลลิเมตร นาฬิการุ่นนี้ถือเป็นนาฬิการุ่นแรกของคอลเลกชั่นที่มาพร้อมพื้นผิวแบบสามมิติ โดดเด่นด้วยวัสดุคอมโพสิตคาร์บอนถักลายแนวตั้งและแนวนอนที่ถูกออกแบบโดยอ้างอิงจากลวดลายทรงสี่เหลี่ยมเพื่อคงไว้ ซึ่งอัตลักษณ์อันแข็งแกร่งของคอลเลกชั่น Square Bang โดยแรงบันดาลใจเดียวกันนี้ยังสะท้อนผ่านสายยางของนาฬิกาซึ่งได้รับการออกแบบให้มีผิวสัมผัสเป็นลวดลายสี่เหลี่ยมสร้างความต่อเนื่องระหว่างองค์ประกอบภายนอกของนาฬิกาได้อย่างสมบูรณ์

Square Bang Tourbillon รุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 4 วัน ซึ่งแสดงผ่านหน้าปัดย่อยในตำแหน่ง 9 นาฬิกา โดยเป็นการแสดงเวลาสำรองที่เหลืออยู่ในรูปแบบวันและชั่วโมงเพื่อให้การแสดงเวลาในทุกวินาทีเป็นไปอย่างแม่นยำ กลไกทูร์บิญองของนาฬิการุ่นนี้ได้รับการติดตั้งเอสเคปเมนต์ที่ผลิตจากซิลิคอนซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมถึงสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ HUBLOT
ในปี 1980 นับเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาแบรนด์หนึ่งได้กล้าประกอบตัวเรือนทองคำเข้ากับสายยาง ซึ่งได้มาพลิกโฉมวงการนาฬิกาชั้นสูง ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นของขอบตัวเรือนทรงช่องหน้าต่างเรือที่มีสกรูปรากฏให้เห็นเด่นชัด จึงเป็นที่มาของชื่อ Hublot (อูโบลท์) พร้อมกับแนวคิดของศิลปะแห่งการผสมผสาน (Art of Fusion) 

ในปี 2005 ทางแบรนด์ได้ยกระดับความคิดสร้างสรรค์ไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Big Bang (บิ๊ก แบง) มาพร้อมดีไซน์อันมีเอกลักษณ์ ขนาดของตัวเรือนที่เหมาะสม และตัวเรือนในแบบหลายชั้น โดยในปีเดียวกัน Hublot ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design) จากงาน Grand Prix d'Horlogerie de Genève ตั้งแต่นั้นมา ด้วยวิสัยทัศน์ที่มาปฏิวัติวงการ นาฬิกา Big Bang ไม่เคยหยุดการพัฒนาและต่อยอดผลงานอย่างต่อเนื่อง และนี่คือนาฬิกาไอคอนเรือนแรกแห่งศตวรรษที่ 21

แนวคิดของการผสมผสานแฝงอยู่ในทุกองค์ประกอบ และเป็นแกนหลักที่แฝงไว้ในทุกคอลเลกชั่น นาฬิกา Big Bang ได้พลิกโฉมอุตสาหกรรมนาฬิกาอย่างสิ้นเชิง ในขณะที่ Classic Fusion (คลาสสิก ฟิวชั่น) ได้ผสานความโดดเด่นและเรียบง่ายได้อย่างสมดุล ส่วน Exceptional Timepieces (เอ็กเซ็ปชั่นนอล ไทม์พีซเซส) ได้เขียนนิยามแห่งความคาดหวังขึ้นใหม่กับผลงานสร้างสรรค์ที่มีรูปแบบไม่เหมือนใคร และด้วยแนวทางที่ท้าทายขนบธรรมเนียม Hublot ได้ถ่ายทอด DNA ของแบรนด์ผ่านกลไก In-house อย่าง Unico (ยูนิโค่), Meca-10 (เมก้า-10) และ Tourbillon (ทูร์บิญอง) ที่มาเพิ่มอีกมิติให้กับศิลปะแห่งการผสมผสาน

ศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของ Hublot ไม่ใช่แค่ภายในโรงงาน La Manufacture เท่านั้น แต่ยังสะท้อนออกมาในทุกมิติของแบรนด์ ความมหัศจรรย์สามารถเกิดขึ้นได้บนสนามฟุตบอล นำไปสู่ความร่วมมือกับมหกรรมกีฬาระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น FIFA World Cup™ ในปี 2010, 2014, 2018, 2022, Premier League (พรีเมียร์ ลีก), UEFA Champions League (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) และ UEFA Euro™ (ยูฟ่า ยูโร) ในบางครั้งความพิเศษนั้นก็เกิดขึ้นบนเวทีคอนเสิร์ต ในสนามบาสเกตบอล ท่ามกลางการแสดงงานศิลปะ หรือแม้แต่ในประสบการณ์ทางรสชาติร่วมกับครอบครัวเชฟมิชลิน สตาร์ของ Hublot และนี่คือจุดเริ่มต้นของ Hublot Vibes ผ่านช่วงเวลาที่แบ่งปันกันในกลุ่ม Hublotistas (อูโบลท์ทิสต้า) คอมมูนิตี้ที่ภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของนาฬิกา Hublot ซึ่งศิลปะแห่งการผสมผสานนี้ได้ก้าวข้ามขอบเขตไปอีกขั้น ความเป็นมาที่กลายเป็นวิถีชีวิต และนั่นคือ วิถีของ Hublot