LOUIS ERARD Fil D"or Louis Eeard X Wire Art

เมื่อความแม่นยำระดับไมโครอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นผลงานศิลปะ ทาง Louis Erard ยังคงยืนหยัดในสิ่งที่ถนัด ด้วยการสะท้อนพรสวรรค์ งานฝีมือ ศิลปะ และแนวคิดอันกล้าหาญ ผ่านนาฬิกา Fil d’Or ผลงานแห่งความร่วมมือกับ Sylvie Villa และ Mark Miehlbradt สองผู้ก่อตั้ง Wire Art วิศวกรโดยการฝึกฝน ศิลปินโดยจิตวิญญาณ พวกเขาเคยสร้างเครื่องจักรที่เชื่อมโลกดิจิทัล แต่ตอนนี้ พวกเขากำลังเชื่อมโยงกาลเวลา นี่ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง หากคือหัตถศิลป์รูปแบบใหม่ Fil d’Or คือตัวแทนของนวัตกรรมที่ถูกเชื่อมประสานเข้ากับงานฝีมือ

“เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ Louis Erard จับมือร่วมงานกับศิลปิน ความร่วมมือครั้งนี้เริ่มต้นจากการพบกันของ Sylvie และ Mark ผู้ถูกเชื่อมโยงเข้าหากันด้วยเส้นด้ายสีทองและแรงบันดาลใจอันกล้าหาญในการเปลี่ยนเครื่องจักรที่เคยใช้ในเทคโนโลยีชิป ให้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างประติมากรรมทองคำขนาดเล็ก เราไม่ได้ขอให้พวกเขาสร้างสรรค์ผลงานพิเศษเพื่อกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน แต่ท้าทายให้สร้างสิ่งที่เข้าถึงได้จริง ผ่านรูปทรงเรียบง่ายอย่างลูกบาศก์ องค์ประกอบสำคัญที่มีอยู่แล้วในนาฬิกาเชิงศิลป์ของเรา ทั้งในงานแกะลาย guilloché และการฝังไม้ marquetry ผลลัพธ์คือภาพลวงตาแบบ trompe-l’œil ที่รังสรรค์จากทองคำแท้ แต่ตรงกันข้ามกับความหมายของเทคนิคนั้น ผลงานเหล่านี้คือการเปิดเผยความจริงอย่างหมดเปลือก ตั้งแต่กระบวนการสร้างสรรค์ เครื่องมือที่ใช้ ไปจนถึงช่างฝีมือผู้ลงมือทำ เพราะนี่คือแนวทางของเรา การเล่าเรื่องตามความจริง”
Manuel Emch

ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับนาฬิกา
รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น: ผลิตเพียง 99 เรือน
ตัวเรือน: สเตนเลสสตีล ขนาด 39 มม.
หน้าปัด: ฐานเคลือบแลคเกอร์สีดำ ประกอบด้วยเส้นทองคำบริสุทธิ์ 24K ที่ผ่านการชุบแข็งจำนวน 2,320 เส้น และจุดบัดกรี 3,660 จุด
เทคนิค: ไมโครบอนด์ดิ้งแบบจดสิทธิบัตร โดยใช้เครื่องจักรที่ถูกโปรแกรมใหม่เฉพาะ
เส้นลวด: หนาเพียง 25 ไมครอน บางกว่าผมมนุษย์ถึง 3 เท่า ติดตั้งเส้นทอง 1 เส้นทุก ๆ 3 วินาที
ดีไซน์: ลวดลายลูกบาศก์ เอกลักษณ์เฉพาะของ Louis Erard ในคอลเลกชั่น Métiers d’Art ซึ่งเคยปรากฏมาแล้วในงานแกะลายและฝังไม้ ถ่ายทอดรูปทรงเรขาคณิตแบบ Trompe-l’œil ที่ให้ภาพลวงตา
งานปักเชิงกลระดับจุลภาค: สร้างสรรค์โดย Wire Art Switzerland ณ เมืองแซงต์ครัวซ์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เส้นด้ายทองคำ
หน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้ถูกพิมพ์ลวดลาย หากแต่ถูกเดินเส้นด้วยด้ายทองคำบริสุทธิ์ 24K ที่มีความบางเพียง 25 ไมครอน บางกว่าผมมนุษย์ถึงสามเท่า เทคนิคที่ถือเป็นนวัตกรรมที่จดสิทธิบัตรแล้ว แม่นยำในระดับไมโคร โดยได้แรงบันดาลใจมาจากไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรที่แต่เดิมถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อวงจรขนาดเล็ก แต่วันนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ กลายเป็นเครื่องมือศิลป์เดินเส้นด้ายทองคำ งานออกแบบใช้ลวดลายลูกบาศก์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Erard พร้อมลาย chevron ที่สร้างภาพลวงตาแบบ trompe-l’œil กระบวนการผลิตเริ่มตั้งแต่ภาพร่าง ไปจนถึงการเขียนโค้ดเวกเตอร์ จากแผ่นทองเหลืองเคลือบแลคเกอร์สู่หน้าปัดทองคำที่ถูกสลักอย่างประณีต ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าปัดที่ดูมีชีวิต เล่นกับแสง เผยมิติและความลึก ทั้งหมดนี้คือผลงานของสองช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ Sylvie Villa และ Mark Miehlbradt ผู้ก่อตั้ง Wire Art Switzerland

เรื่องเล่าของลูกบาศก์
Fil d’Or คือผลงานใหม่ในคอลเลกชั่น Noirmont Métiers d’Art มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 39 มม.
การออกแบบของนาฬิกานี้นำเสนอผ่านลวดลายลูกบาศก์ในสไตล์ย้อนยุค สะท้อนถึงหน้าปัดแกะสลักลายกิโยเช่แบบสามมิติในปี 2021 และงานฝังไม้ขนาดเล็กในปี 2023 นี่คือนาฬิกาที่กล้าเล่าภารกิจของ Louis Erard อย่างชัดเจน การนำเสนองานฝีมือชั้นสูงอันหายากให้เข้าถึงได้ โดยไม่ลดทอนคุณค่าใด ๆ ทั้งสิ้น Louis Erard ยึดมั่นมาโดยตลอดในแนวคิดของ “ความเป็นเลิศที่เข้าถึงได้” และ Fil d’Or ก็เช่นกัน

เส้นด้ายและหน้าปัด
ขอกล่าวตามความจริง นี่คือการบัดกรีระดับจุลภาค งานปักกลไกระดับไมโคร งานทองคำบนพื้นแลคเกอร์ดำเข้มบนหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำสนิท เส้นทองคำจำนวน 2,320 เส้นถูกร้อยเรียงเป็นลวดลายลูกบาศก์ ขณะที่จุดบัดกรี 3,660 จุด สร้างสรรค์วงชั่วโมง มาร์กเกอร์ชั่วโมง และเน้นรายละเอียดบางจุดให้โดดเด่น ทุกเส้นลวดถูกดึงจัดวาง และบัดกรีทีละเส้น ภายใต้กล้องขยายที่แม่นยำสูง หนึ่งเส้นทุก 3 วินาที รวมกว่า 45 นาที ต้องใช้ความพิถีพิถันสูง แผ่นฐานของหน้าปัดถูกยิงเลเซอร์เพื่อสร้างโพรงจิ๋วนับพัน จากนั้นเติมด้วยทองคำผ่านกระบวนการชุบไฟฟ้า ทุกเส้นลวดและจุดบัดกรีถูกจัดวางตามแบบดิจิทัล 2 มิติ พร้อมปรับระดับความสูงอย่างแม่นยำถึงระดับไมครอน ความดัน อุณหภูมิ ระยะเวลาในการเชื่อม ไม่มีสิ่งใดถูกปล่อยให้เป็นเรื่องของโชค เครื่องจักรคือผู้ลงมือ สายตามนุษย์คือผู้ควบคุม การพบกันของสองความเป็นเลิศ ความเที่ยงตรงทางเทคนิค และความสมบูรณ์แบบทางศิลปะ

ทุกเส้นทองคำเริ่มต้นจากจุดยึดที่ถูกสลักด้วยเลเซอร์ เคลื่อนผ่านหน้าปัดตามเส้นทางที่คำนวณไว้ด้วยความแม่นยำ และสิ้นสุดที่โพรงเล็ก ๆ ที่บุด้วยทองคำ ทุกจุดสัมผัสถูกบัดกรีในระดับจุลภาค โดยใช้เครื่องเชื่อมวงจรที่ถูกโปรแกรมใหม่ให้กลายเป็นเครื่องมืองานฝีมือระดับสูง นี่คืองานปักทองคำขนาดเล็ก เส้นด้ายและปุ่มนูนร่วมกันสร้างลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลูกบาศก์แบบอิโซเมตริก อยู่กึ่งกลางระหว่างภาพลวงตาและประติมากรรมขนาดจิ๋ว หน้าปัดจึงดูมีชีวิตเมื่ออยู่บนข้อมือ เล่นกับแสง หลอกสายตา โดยทุกเส้นสายคือทองคำแท้ 24K เหตุใดจึงเลือกทองไม่ผสมโลหะ? เพราะทองคำบริสุทธิ์เท่านั้นที่อ่อนและยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับงานละเอียดเช่นนี้ แต่เมื่อผ่านกระบวนการขึ้นรูปแล้วก็ยังคงรูปร่าง หน้าปัดแต่ละชิ้นถูกสร้างขึ้นโดย Wire Art Switzerland ณ เมืองแซงต์-ครัวซ์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของไมโครเมคานิกส์จากสวิตเซอร์แลนด์

หน้าปัดอันประณีตควรคู่กับเข็มนาฬิการูปแบบใหม่เคลือบโรเดียม ผิวด้านแบบซาตินด้านบน ขอบเหลี่ยมขัดเงาแบบไดมอนด์ และรูปทรงดาบอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมสายหนังสีเบจตามสไตล์ Louis Erard โดยเฉพาะ อีกทั้งเส้นทองคำ 229,680 เส้น ที่ถักทอลงในนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 99 เรือน

“เราเป็นวิศวกรจากการฝึกฝน แต่เลือกที่จะเป็นช่างฝีมือด้วยใจจริง เครื่องจักรของเราเดิมถูกออกแบบมาเพื่อเชื่อมไมโครชิป แต่วันนี้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับปักทองคำทีละเส้น ทีละหน้าปัด ตั้งแต่แรกเริ่ม ความร่วมมือกับ Louis Erard เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความซื่อสัตย์และการมีส่วนร่วม พวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงหน้าปัดเท่านั้น แต่ต้องการเข้าใจ ร่วมเรียนรู้ และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต พวกเขากำหนดข้อจำกัดที่ผลักดันให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ที่สำคัญที่สุดคือ เราทำงานร่วมกันในฐานะ “ผู้ร่วมสร้างสรรค์” อย่างเท่าเทียม การได้รับการยอมรับไม่ใช่แค่ในฐานะผู้จัดหา แต่ในฐานะ “พันธมิตร” และ “ช่างฝีมือ” ได้เปลี่ยนทุกอย่าง ทำให้หลายปีที่เราทำงานอยู่เบื้องหลังมีความหมายและนำเอาความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรและพันธกิจถูกนำเสนอให้เป็นที่รู้จัก”
Mark Miehlbradt & Sylvie Villa. Wire Art Switzerland

Fil d’Or: Fil d’Or: จุดบรรจบของงานฝีมือและเทคโนโลยี